ตอนที่ 2,398 : กระบี่เซียนอมตะ! ควบแน่นวิญญาณ!!
‘อย่างไรก็ตามใครเป็นคนสร้างแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้กันแน่…แล้วไฉนที่นี่ถึงได้มียอดสมบัติสวรรค์อยู่ได้?’
ขณะคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเบาๆ ปรากฏกระบี่เล่มหนึ่งผุดโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าเข้ามือ
กระบี่เล่มนี้ช่างโปร่งใสคล้ายผลึกแก้ว มองไกลๆประหนึ่งมันควบรวมสร้างขึ้นจากน้ำสะอาดก็ไม่ปาน มองแล้วพาลให้ผู้คนรู้สึกสบายตาอย่างบอกไม่ถูก…
อย่างไรก็ตามกระบี่ที่แลดูสบายตาและคล้ายเปราะบางราวแก้วกระจกเล่มนี้ กลับเป็นถึงยอดสมบัติสวรรค์!
‘ถึงแม้พลังอำนาจของกระบี่เล่มนี้จะด้อยกว่ากระบี่นิลสวรรค์ไม่น้อย แต่อย่างไรมันก็ถือเป็นยอดสมบัติสวรรค์เล่มหนึ่ง…ไม่คิดเลยจริงๆว่าสิ่งแรกที่ข้าได้มาหลังจากเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์จะเป็นกระบี่!’
‘ด้วยมีกระบี่แก้วผลึกเล่มนี้หากข้าลงมือด้วยพลังทั้งหมด การโจมตีของข้าสมควรมีพลังอำนาจเหนือเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์…ยังเหนือกว่ามากจนถึงขั้นเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์!’
มองไปยังกระบี่แก้วผลึกในมือที่เป็นถึงยอดสมบัติสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบกล่าวในใจอย่างคึกคัก
‘อย่างไรก็ตามโชคดีนักที่มือดีที่สุดใน 2 กลุ่มนั่นก็เป็นแค่เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์…หากมีเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ในบรรดาพวกมัน อย่าว่าแต่ข้าจะชิงกระบี่แก้วผลึกเล่มนี้เลย หากโดนกลุ่มรุมขึ้นมาจะเอาตัวรอดได้รึเปล่าก็ยังไม่แน่…’
กระบี่แก้วผลึกในมือของต้วนหลิงเทียนเล่มนี้ เรียกว่าฉกมาต่อหน้าต่อตาคนทั้ง 2 กลุ่มอย่างหน้าตาเฉย!
ตอนนั้นต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างเคว้งคว้างอย่างไม่รู้ทิศทาง ก็ได้บังเอิญพบเจอกับคนกลุ่มหนึ่ง กระทั่งได้ยินมาว่าในบรรดาพวกมันมีบางคนบังเอิญพบเจอสมบัติ!
ด้วยพลังฝีมือย่อยที่ชำนาญมาตั้งแต่ชีวิตที่แล้ว ต้วนหลิงเทียนจึงสามารถสะกดรอยตามพวกมันได้โดยที่พวกมันไม่มีใครรู้ตัว
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนที่ติดตามพวกมันมาถึงซากวิหารปรักหักพังแห่งหนึ่งจึงได้พบว่า ที่แท้สมบัติที่คนในกลุ่มนี้เจอ กลับเป็นถึงยอดสมบัติสวรรค์! เป็นกระบี่เซียนอมตะเล่มหนึ่ง!!
หากเป็นยอดสมบัติสวรรค์ประเภทอื่น คงมีส่วนช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนได้แค่เล็กน้อย…
อย่างไรก็ตามหากเป็นยอดสมบัติสวรรค์ประเภทกระบี่ เรื่องราวกลับต่างออกไปใหญ่หลวงแล้ว!
ต้องทราบด้วยว่าต้วนหลิงเทียนที่สืบทอดมรดกจากเซียนกระบี่อย่างฟงชิงหยางมา ตอนนี้ฝีมือหลักของเขาก็คือมรรคากระบี่!
และอาวุธของผู้ที่เดินในมรรคากระบี่ ย่อมเป็นกระบี่!
สำหรับมือกระบี่แล้วมีหนึ่งอมตะวาจากล่าวไว้ว่า…
กระบี่อยู่คนอยู่!
กระบี่ตายคนตาย!
แม้ว่า 8 คำนี้จะฟังดูรุนแรงเกินไปหน่อย แต่ก็ตีค่าความสำคัญของกระบี่สำหรับผู้ฝึกกระบี่ได้เป็นอย่างดี!
สำหรับผู้ที่เดินในมรรคากระบี่แล้ว กระบี่ย่อมสำคัญพอๆกับชีวิต!
และด้วยพลังความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ กระบี่เล่มใดๆในระนาบโลกียะ ไม่เว้นแม้กระทั่งยอดศาสตราเซียนทั้งหลาย ก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรเขาได้อีกต่อไป เพราะพวกมันทนพลังเขาไม่ไหวด้วยซ้ำ!
มีเพียงสมบัติอย่าง ยอดสมบัติสวรรค์เท่านั้นที่จะสามารถช่วยเหลือเขาได้!
ด้วยเหตุนี้พอพบว่าสมบัติที่หนึ่งในนั้นกล่าวออกมาตอนแรก ที่แท้เป็นยอดสมบัติสวรรค์ประเภทกระบี่ที่พวกมันเรียกกันว่ากระบี่เซียนอมตะ ก็ทำให้ใจต้วนหลิงเทียนถึงกับหวั่นไหวขึ้นมาทันที!
เขาอยากได้กกระบี่เซียนอมตะเล่มนี้!!
ทว่าตอนนั้นเองก่อนที่เขาจะทันได้ลงมืออะไร กลับมีคนอีกกลุ่มปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต่างหมายตากระบี่เซียนอมตะเหมือนกัน สุดท้ายทั้ง 2 กลุ่มจึงเริ่มปะทะกันทันที
เวลานั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันลงมือดุจฟ้าผ่า!
พริบตาที่เขาลงมือ ประหนึ่งนกขมิ้นที่อยู่เบื้องหลังก็ว่า ฉกฉวยกระบี่เซียนอมตะไปทันที!!
หลังจากที่ฉกกระบี่เซียนอมตะมาได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หลบหนีจากไปแต่อย่างไร เพียงหยุดยืน ณ แท่นบูชากลางซากวิหารที่ตั้งกระบี่ดังกล่าว แล้วเริ่มพินิจกระบี่ในมือ…
ยามนั้นทั้ง 2 กลุ่มที่ปะทะกกันกก็หยุดกึก พร้อมกับหันมองมายังร่างต้วนหลิงเทียนเป็นสายตาเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ท้ายที่สุดแล้วที่พวกมัน 2 กลุ่ม ที่ไฉนต่อยตีเข่นฆ่ากัน ล้วนเพราะกระบี่เซียนอมตะ!
และพอพวกมันพบว่ากระบี่เซียนอมตะที่พวกมันกำลังแย่งชิงกัน ถูกมือที่ 3 จากที่ใดก็ไม่ทราบคว้าไปรับประทานหน้าตาเฉย พวกมันย่อมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกจุกในอก ถึงกับโมโหร่างสั่นพูดอะไรไม่ออก!
“กระบี่ดี!”
หลังต้วนหลิงเทียนตรวจสอบแล้วพบว่ากกระบี่ในมือที่แท้เป็นถึงยอดสมบัติสวรรค์ เขาก็บังเกิดความตื่นเต้นยินดีถึงขั้นไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายนอกจากคำ กระบี่ดี!
และตอนนี้เอง คนทั้ง 2 กลุ่มที่หยุดรบราฆ่าฟันกันแล้ว ก็ระเบิดพลังสังหารพุ่งเข่นฆ่าเข้าใส่มายังต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราดทันที
และในบรรดาผู้คนทั้ง 2 กลุ่ม ผู้ที่ทรงพลังที่สุดของแต่ละกลุ่มก็คือเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เท่านั้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนเพียงใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน ก่อนที่จะจี้กระบี่ออกตามอำเภอใจด้วยเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่พลันปรากฏรังสีกระบี่เข่นฆ่าสังหารพุ่งออกไปฉับไว เสือกทะลวงหว่างคิ้วเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ทั้ง 2ของแต่ละกลุ่มทันที!!
หลังจากที่เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ถูกต้วนหลิงเทียนตวัดกระบี่ยิงพลังฆ่าไปอย่างไร้เรื่องราว ก็ไม่ทันที่พวกมันจะทันได้หายตกตะลึงอะไร กระบี่แก้วผลึกในมือต้วนหลิงเทียนพลันกลับกลายคล้ายลำแสงสายหนึ่ง พุ่งไปฉับไวสุดใครต้าน ขีดลากเส้นแสงค้างฟ้า เจาะทะลวงหว่างคิ้วผู้คนอย่างอำมหิต มองไปเสมือนผู้คนนับสิบถูกร้อยหัวด้วยด้ายแสงในพริบตาก็ไม่ปาน…
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้เข่นฆ่าสังหารหมดสิ้น เพียงเหลือพวกมันไว้กลุ่มละคน!
ที่จงใจเหลือพวกมันไว้ก็ไม่ใช่ใดอื่น ต้วนหลิงเทียนคิดเค้นข้อมูลจากพวกมันก่อนที่ฆ่าทิ้ง!
สุดท้ายเขาจึงได้รับทราบ…
สถานที่ๆเขาอยู่ในตอนนี้หาใช่แดนลับเซียนกระบี่อันใดไม่ แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘แดนลับต่างสวรรค์’และแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ก็เชื่อมต่อกับระนาบโลกียะทั้ง 5!
ระนาบโลกียะที่ต้วนหลิงเทียนจากมาเป็นเพียง 1 ใน 5 เท่านั้น
‘ถ้างั้น…ที่นี่ก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้อาวุโสฟงชิงหยางเหลือทิ้งไว้งั้นสิ…’
‘หรือว่า…ผู้อาวุโสฟงชิงหยางเพียงได้รับกุญแจมา และเล่นกลเล็กน้อยเพื่อส่งต่อมาจนถึงมือข้า…’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มตระหนักเรื่องราวคร่าวๆได้
หลังได้รับทราบเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนยังเค้นความจากเชลยทั้ง 2 สืบเรื่องอื่น แต่สุดท้ายพวกมันเองก็รู้เพียงว่าแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ดำรงอยู่มาแต่โบราณแล้ว อีกทั้งจะเปิดออกทุก 1-2 แสนปีเท่านั้น
‘กล่าวได้ว่า…ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ข้าทำได้เพียงแค่พึ่งตนเอง ไร้การดูแลสนับสนุนอะไรจากอาวุโสฟงชิงหยาง ไม่ว่าข้าจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อะไร รวมถึงฟันฝ่าภยันตรายได้หรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับพลังฝีมือของข้าทั้งสิ้น!’
พอตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักอึ้งในใจ
ตอนแรกเขาหลงคิดไปว่า
สถานที่ๆเขาเข้ามาตอนนี้ก็คือแดนลับเซียนกระบี่ที่ถูกเปิดสร้างโดยฝีมือของอาวุโสฟงชิงหยาง ถึงแม้จะมีอันตรายอะไร แต่อย่างดีก็คงทำให้เขาแค่อารมณ์เสียเท่านั้น
เพียงลงแรงเล็กน้อยไม่พ้นต้องได้รับสืบทอดมรดกกจากอาวุโสฟงชิงหยางแน่นอน
ทว่ามาตอนนี้เขาตระหนักได้แล้ว…
ที่นี่อาจไม่มีมรดกตกทอดอันใดจากอาววุโสฟงชิงหยางทั้งนั้น!
เพราะที่นี่คือแดนลับต่างสวรรค์!!
ฟังจากสองคนที่เขาเค้นความมา…กระทั่งตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ หากล่วงรู้ว่าแดนลับแห่งนี้เปิดออก พวกมันก็ต้องเร่งรุดเข้าร่วมอย่างอดใจไม่ไหว เพื่อแสวงหาโอกกาสและโชควาสนา!
นอกจากนั้นเขายังตระหนักได้ทันทีจากกระบี่ในมือ…ว่าแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้หาได้ง่ายดายไม่!
ด้วยตระหนักว่าแดนลับต่างสวรรค์ไม่ใช่ง่ายดาย เขาจึงไม่กล้ามองมันเป็นแค่แดนลับเซียนกระบี่ไร้เรื่องราวได้อีกต่อไป!
‘เท่าที่ข้ารู้ตอนนั้นผู้อาวุโสฟงชิงหยางที่มีพลังฝึกปรือครึ่งก้าวเซียนอมตะ และบรรลุยอดใจกระบี่ยังทำได้แค่สู้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เท่านั้น…’
ต้วนหลิงเทียนลอบคาดเดา ‘หมายความว่าภายในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ ผู้อาวุโสฟงชิงหยางคงได้พบพานอันใดเข้า จึงทำให้มีพลังสูงส่งถึงขั้นฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ และมีพลังอำนาจทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!’
แทบจะในทันทีที่ได้รับทราบข้อมูลทั้งหมด ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงความสำคัญของแดนลับต่างสวรรค์และสิ่งที่อยู่ในนี้ได้เป็นอย่างดี
ตอนนั้นด้วยเคล็ดยอดใจกระบี่ทั้ง 5 ขอบเขต พอบรรลุก็ทำให้ฟงชิงหยางมีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ ซึ่งนั่นนับว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม และเป็นอะไรที่อยู่เหนือระนาบโลกียะไปแล้วก็ว่าได้…
แต่ทว่าไฉนฟงชิงหยางถึงเข่นฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ จนกล่าวได้ว่ามีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เล่า?
ต้วนหลิงเทียนเองไม่ใช่ไม่เคยครุ่นคิดเรื่องนี้มากก่อน แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่อาจมองเห็นทางใด
ว่าอาวุโสฟงชิงหยางทำอย่างไรกันแน่ พลังฝีมือถึงกับทะยานสูงทะลุฟ้าได้ขนาดนั้น?
กล่าวไปแล้วเรื่องแบบนี้มันเป็นไปได้ด้วยหรือ?
ท่านยังใช่ผู้คนอยู่หรือไม่?
ทว่ามาตอนนี้พอได้รับรู้ถึงความสำคัญของแดนลับต่างสวรรค์ จวบจนรู้ว่ากุญแจเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ เป็นเพียงสิ่งที่อาวุโสฟงชิงหยางได้รับมาอีกทีและเพียงเล่นกลไว้เล็กน้อย…
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะคาดเดาถึงเรื่องหนึ่ง…
บางทีผู้อาวุโสฟงชิงหยางคงเคยเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ และได้รับโชควาสนาอะไรออกไปเป็นแน่!!
ยิ่งต้วนหลิงเทียนคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น!
และอันที่จริงต้วนหลิงเทียนก็เดาถูกทั้งหมด
‘ไม่คิดเลยว่าในแดนลับต่างสวรรค์ไม่เพียงแต่ข้ากับเพื่อน ยังมีคนของระนาบโลกียะอื่นๆอีกถึง 4ระนาบเข้ามาด้วย…ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาคนของอีก 4 ระนาบที่เข้ามาก็ไม่ขาดเซียนอมตะเสเพล’
‘จากเรื่องที่เค้นได้จาก 2 คนนั่นก่อนที่ข้าจะฆ่าทิ้ง…เซียนอมตะเสเพลของระนาบโลกียะพวกมันที่เข้ามาคราวนี้ มีไม่ต่ำกว่าร้อย…’
เซียนอมตะเสเพลไม่ต่ำกว่าร้อย!
ใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสะท้านไปทันทีเมื่อได้รับรู้เรื่องนี้…
ก่อนหน้าที่จะได้รับกระบี่เล่มใหม่ ลำพังเจอเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เขาก็ไม่ไหวจะสู้แล้ว…
ทว่าในบรรดาเซียนอมตะเสเพลนับร้อยที่เข้ามาคราวนี้ไม่เพียงอาจจะมีตัวตนเซียนอมตะเสเพล 8ทัณฑ์หรือกระทั่ง 9 ทัณฑ์ เขายังได้รับรู้ข้อมูลอันน่าตื่นตระหนกมาอีกกว่า…
ในบรรดาเซียนนอมตะเสเพลจากระนาบโลกียะอื่นนั้น…ไม่ขาดผู้ที่บ่มเพาะร่างควบแน่นวิญญาณ!
อย่างที่เราท่านทราบกันมาว่าเหล่าเซียนอมตะเสเพลนั้น เป็นร่างที่เกิดจากพลัง…ซึ่งกล่าวให้ชัดก็คือร่างพลังวิญญาณ
และการที่พวกมันจะสร้างร่างพลังวิญญาณได้ พวกมันก็ต้องพยายามรักษาระดับพลังวิญญาณเอาไว้ให้เสถียร เพื่อประคองสภาพร่าง
ด้วยเหตุนี้ทำให้เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลาย ไม่อาจใช้อำนาจจิต หรือทักษะวิญญาณอะไรทั้งหลายเหมือนตอนที่มีร่างเนื้อได้ง่ายดาย
เพราะในเมื่อร่างเซียนอมตะเสเพลเกิดจากพลังวิญญาณ หากท่านยังใช้พลังวิญญาณโจมตีออกไยไม่ใช่เฉือนเนื้อตัวเองไปขว้างปา? และเมื่อพลังวิญญาณไร้เสถียรไม่ใช่เสมือนทำให้ตัวเองเลือดลมปั่นป่วน? ที่สำคัญหากใช้พลังวิญญาณจนหมดไยไม่ใช่หาเรื่องสลายร่างตัวเอง?
ไม่มีใครคิดก่อการโง่เขลาเช่นนั้น…เว้นเสียแต่จะบ่มเพาะร่างควบแน่นวิญญาณได้!
สิ่งที่เรียกว่า ร่างควบแน่นวิญญาณนั้น เป็นสิ่งที่เหล่าเซียนอมตะเสเพลที่เคยเชี่ยวชาญเรื่องการใช้อำนาจจิตครั้งยังมีร่างเนื้อพยายามกระทำ! พวกมันจะทุ่มเทควบสร้างร่างวิญญาณให้เสถียรด้วยพลังวิญญาณกึ่งหนึ่ง เพื่อทำให้มีพลังวิญญาณส่วนเกินคงเหลือไว้ใช้งาน…
กล่าวได้ว่าเมื่อควบแน่นร่างวิญญาณได้สมบูรณ์แล้วพวกมันก็สามารถใช้พลังวิญญาณส่วนเกินที่ว่าจู่โจมออกด้วยอำนาจจิตและทักษะวิญญาณทั้งหลายที่พวกมันมีโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าร่างวิญญาณตัวเองจะสลาย หรือสร้างความเสียหายให้วิญญาณของพวกมัน!
แต่แน่นอนว่าผู้บ่มเพาะร่างควบแน่นวิญญาณเหล่านี้ ยามปะทะกับเซียนอมตะเสเพลในระดับเดียวกัน ย่อมทำอะไรไม่ค่อยได้มาก เพราะเศษพลังวิญญาณที่ท่านจู่โจมออกไป จะไปทำอะไรผู้อื่นที่คงสภาพร่างวิญญาณด้วยพลังวิญญาณทั้งหมดได้? จึงทำให้มีน้อยนักที่จะมาเสียเวลาบ่มเพาะร่างควบแน่นวิญญาณ หากไม่ใช่ผู้ที่มีพลังฝีมือหลักเป็นการจู่โจมด้วยอำนาจจิตและทักษะวิญญาณแล้วจริงๆ ก็ไม่มีใครนิยมกระทำกัน…
‘มีเซียนอมตะเสเพลมากมายถึงขนาดนี้…ใครยังกล้าพูดว่าในบรรดาพวกมันไม่มีพวกบ่มเพาะร่างควบแน่นวิญญาณ?’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนอดสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ ทั่วร่างรู้สึกเสมือนมีไอเย็นขุมหนึ่งแล่นวาบ!
หากเขาต้องปะทะกับเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ที่เป็นผู้บ่มเพาะร่างควบแน่นวิญญาณล่ะก็ เว้นแต่เขาจะชิงลงมือก่อนที่มันจะทันได้เล่นลูกไม้ใช้อำนาจจิตหรือทักษะวิญญาณอะไรใส่เขา หาไม่แล้วหากปล่อยให้มันใช้อำนาจจิตจู่โจมมาได้ละก็ วิญญาณของเขาไม่พ้นต้องได้รับความเสียหายร้ายแรงแน่!!
ซ้ำร้ายหากเป็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างควบแน่นวิญญาณแล้วล่ะก็ เพียงโดนอีกฝ่ายใช้อำนาจจิตจู่โจมมาครั้งเดียว ไม่พ้นวิญญาณเขาต้องแหลกสลายตายตกแน่นอน!!
บางทีตอนนี้พลังของเขาจะไม่ใช่ชั่ว…
อย่างไรก็ตามด้วยด่านพลังบ่มเพาะของเขาที่อยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะ วิญญาณของเขาก็ยังมีระดับพลังทัดเทียมกับวิญญาณของผู้ฝึกตนครึ่งก้าวเซียนอมตะทั่วไปเท่านั้น ซึ่งยังไม่แข็งแกร่งทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ด้วยซ้ำ…ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซียนอมตะเสเพล 4 5 6 7 8 กระทั่ง 9 ทัณฑ์เลย…!!