ตอนที่ 1271 ของขวัญแสดงความยินดีจากอวิ๋นซิว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

กู้ไป๋อีแผ่ซ่านความเย็นยะเยือกออกมาจากร่างทำให้เหลิ่งหนิงจือรีบถอยหลังออกไปหลายก้าว

เหลิ่งหนิงจือเหลือบมองบุรุษตรงหน้า เขาเปรียบเสมือนหิมะอันหนาวเหน็บที่อยู่บนยอดเขาสูงทำให้ผู้คนไม่อาจเข้าใกล้ได้ รูปงามอย่างที่ไม่มีผู้ใดเปรียบได้

ทว่า ยังดูอันตรายดุจดั่งคมกระบี่ที่ออกมาจากฝักอีกด้วย!

นางไม่ใช่คนในดินแดนสี่ทิศ เคยมีพลังวิญญาณที่สูงกว่าขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้ามาแล้ว แต่เมื่อมาเผชิญหน้ากับบุรุษตรงหน้าผู้นี้ นางยังรู้สึกอันตรายอยู่บ้าง

มู่เฉียนซีมองเหลิ่งหนิงจือและกล่าวว่า “ของสิ่งนี้ไม่มีประโยชน์ต่อข้า ข้าก็เลยมอบให้เจ้าได้ฝึกบำเพ็ญ แต่ว่าเสี่ยวเหลิ่ง เจ้าดูดีใจมากเกินไปแล้ว ข้ารู้สึกไม่ค่อยชินเลย”

เหลิ่งหนิงจือรับของชิ้นนั้นมาและยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ก่อนจะพลันเปลี่ยนไปกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อืม!”

ส่วนเยวี่ยเจ๋อ เมื่อรู้ว่ามู่เฉียนซีกลับมาเขาก็ตื่นเต้นมาก รีบกลับมาอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นมู่เฉียนซี เขาก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับพี่ใหญ่ด้วยที่ได้เป็นถึงประมุขน้อยแห่งตำหนักเป่ยหาน ต่อไปข้าก็มีคนคอยให้พึ่งพิงบารมีแล้ว”

มู่เฉียนซีตบไหล่เขาพลางกล่าว “เสี่ยวเจ๋อจื่อ ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี! แล้วข้าจะให้เจ้าอยู่ดีกินดีไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย”

ได้เจอพี่ใหญ่เช่นนี้ เยวี่ยเจ๋อมีความสุขมาก

ทว่า มีเจ้าเครื่องกลทำความเย็นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องเก็บอาการสักหน่อย

ถึงแม้ว่าบุรุษตรงหน้าผู้นี้จะเย็นชา แต่เขาก็รู้สึกผ่อนคลายกว่าบุรุษผู้เย็นยะเยือกราวกับเทพมารผู้นั้นมาก

เยวี่ยเจ๋อกล่าว “ท่านก็คงจะเป็นหัวหน้าตำหนักแห่งตำหนักเป่ยหานกระมัง! ข้าชื่อเยวี่ยเจ๋อ เป็นรองหัวหน้าหอหมอปีศาจ”

กู้ไป๋อีเพียงแค่เหลือบมองเยวี่ยเจ๋อด้วยหางตาเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับคนอื่นที่ไม่ใช่มู่เฉียนซีแล้ว น้อยมากที่เขาจะให้ความสนใจ

การปรับตัวของเยวี่ยเจ๋อก็ดีมากเช่นกัน กู้ไป๋อีไม่เปล่งเสียงกล่าวอะไรแต่อย่างใด เขาก็ทำเหมือนกู้ไป๋อีเป็นเพียงแค่อากาศ

“พี่ใหญ่ นี่พี่ใหญ่ยังมีหน้ามาพูดว่าให้ข้าอยู่ดีกินดีอีกเหรอ ช่วงนี้หอหมอปีศาจขยายอำนาจจนข้าเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดแล้ว มีเรื่องบางอย่างที่พี่ใหญ่ต้องจัดการเอง แล้ววันนี้ก็อย่าคิดที่จะหนีไปไหนซะก่อนล่ะ!”

มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มพลางกล่าวว่า “ดูท่าแล้วหลายวันที่ผ่านมานี้เจ้าคงจะลำบากและเหนื่อยมาก วันนี้พี่ใหญ่อย่างข้าจะเสียสละอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ช่วยงานเจ้าทั้งวันทั้งคืนเลย ไปเถอะ!”

กู้ไป๋อีมองไปที่หญิงสาวผู้กระทำความผิดอย่างกำเริบเสิบสานนั้น นางที่ดูมีชีวิตชีวาเช่นนี้ทำให้หัวใจที่เย็นยะเยือกของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาแล้ว

กิจการของหอหมอปีศาจนั้นมากมายยิ่งนัก บอกว่าจะช่วยทำงานทั้งคืนก็ต้องทำงานทั้งคืนจริง ๆ

สิ่งนี้ทำให้กู้ไป๋อีเจ็บปวดใจไม่น้อย เขากล่าว “งานพวกนี้มอบให้เป็นหน้าที่น้องชายผู้นั้นเป็นคนทำก็สิ้นเรื่องแล้ว”

มู่เฉียนซีกรอกตามองบนพลางกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าหัวหน้าหอหมอปีศาจอย่างข้าจะเป็นเหมือนหัวหน้าตำหนักเป่ยหานอย่างเจ้าเหรอที่มีแค่ชื่อแล้วทำตัวเป็นสัตว์นำโชคน่ะ! ข้าอยากให้กองกำลังของข้ายิ่งใหญ่ด้วยมือของข้าเอง จะไม่ลงมือเองได้ยังไงกันล่ะ”

“หัวหน้าหอ? ไม่ใช่หมอปีศาจหรอกเหรอ?” แต่ไหนแต่ไรมากู้ไป๋อีไม่เคยสนใจเรื่องอื่นเลยนอกจากการฝึกบำเพ็ญ เรื่องสืบข่าวของหอหมอปีศาจนั้นเขาก็ทำไปก็เพราะมู่เฉียนซีเท่านั้น

ซีเอ๋อร์มีบทบาทที่สำคัญมากในหอหมอปีศาจ แต่หมอปีศาจต่างหากล่ะที่เป็นหัวหน้าหอ!

มู่เฉียนซีกล่าว “นั่นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นะ หมอปีศาจก็คือข้านี่แหละ!”

ภายในชั่วพริบตาเดียว ลำแสงสีเขียวอ่อนก็ได้ห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีเอาไว้ และชายหนุ่มชุดขาวตรงหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มอีกผู้หนึ่งที่งดงามดุจดั่งภูตก็มิปาน

เสี่ยวไป๋เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่นางเชื่อใจมากที่สุด รู้ความลับของนางไม่น้อย ให้รู้ความลับอีกสักเรื่องก็ไม่เป็นไร

“นี่ก็คือรูปลักษณ์ของหมอปีศาจ ก็ใครใช้ให้หอหมอปีศาจของข้าไร้บารมีไร้ที่พึ่งกันล่ะ ข้าก็ต้องใช้อุบายเหล่านี้เพื่อมาเสแสร้งทำเป็นลึกลับและทรงพลังเช่นนี้นี่แหละ”

มู่เฉียนซียอมเล่าความลับให้เขาฟัง กู้ไป๋อีรู้สึกดีใจมาก เขากล่าว “ตอนนี้มียอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศให้พึ่งพาแล้ว ไม่ต้องเหนื่อยมากถึงเพียงนี้แล้ว”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “จะมีใครสักกี่คนที่ยอมเอาตัวเองมาให้คนอื่นพึ่งพาอาศัยเหมือนอย่างเจ้าอีกล่ะ แต่จะว่าไป ข้าก็ยอมรับด้วยความเต็มใจนะ ให้เจ้าเป็นหัวหน้าของลูกค้าข้าก็พอแล้ว แต่การปฏิบัติจะด้อยไปกว่าตำหนักเป่ยหานไม่ได้เด็ดขาดเชียวนะ และจะต้องไม่เอาเปรียบเจ้าด้วยก็เป็นพอ”

หากคนพวกนั้นของตำหนักเป่ยหานรู้เข้าว่ามู่เฉียนซีไม่เพียงแต่ได้ตำแหน่งประมุขน้อยแห่งตำหนักเป่ยหานไปเท่านั้น แต่ยังลากท่านหัวหน้าตำหนักของพวกเขามาเป็นแขกเช่นนี้อีก เส้นเลือดเขียวคงผุดพรายขึ้นที่หน้าผากของพวกเขาด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่นอน

กู้ไป๋อีกล่าว “ตกลง!”

หอหมอปีศาจเติบโตขึ้นในแดนเหนือได้อย่างราบรื่น นอกจากตำหนักเป่ยหานแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวกองกำลังอื่นในแดนเหนือ

หากตำหนักเป่ยหานคิดหวั่นไหว ประมุขน้อยแห่งตำหนักเป่ยหานอย่างนางก็จะรู้ข่าวได้เร็วไว เตรียมป้องกันได้ทันเวลา ไม่ถูกลงมืออย่างกะทันหันเหมือนตอนอยู่ในตำหนักตงจี๋แน่นอน

หลังจากที่จัดการเรื่องราวในหอหมอปีศาจเสร็จสิ้นแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “สมุนไพรวิญญาณที่ยังขาดอยู่เหล่านั้นมีข่าวคราวใดบ้างหรือไม่?”

การตามหาที่อยู่ของเผ่าหงส์และเผ่ากิเลนนั้นไม่ใช่สิ่งที่หอหมอปีศาจของพวกเขาทำได้ ดังนั้นจึงมอบให้เป็นหน้าที่ของจิ่วเยี่ย

แต่การหาสมุนไพรวิญญาณมาให้ครบเพื่อจะหลอมยาหยินหยางอนันต์นั้น ด้วยความพยายามอย่างสุดกำลังของหอหมอปีศาจของนางสามารถทำได้อยู่แล้ว ตอนนี้นอกจากผลจิ่วหยางซวนที่เป็นสมุนไพรขั้นสวรรค์แล้ว ยังขาดสมุนไพรวิญญาณขั้นปฐพีอีกสามชนิด

เยวี๋ยเจ๋อกล่าว “ตอนนี้กองกำลังของหอหมอปีศาจได้กระจายออกไปทั้งหมดแล้ว ตราบใดที่สมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นมีอยู่ในดินแดนสี่ทิศ เราจะต้องได้ข่าวมาแน่นอน พี่ใหญ่วางใจได้”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”

“เสี่ยวไป๋ เรากลับกันเถอะ! ประเดี๋ยวคนพวกนั้นจะสงสัยเอา รอมานานแล้วก็ไม่เห็นว่าคนพวกนั้นจะลงมือ คงจะขี้ขลาดไม่กล้าลงมือจริง ๆ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน

เมื่อกลับมาถึงตำหนักเป่ยหาน กลับมีคนส่งของดีมาให้นางไม่น้อย

“ท่านประมุขน้อย นายน้อยอวิ๋นซิวนายน้อยแห่งตำหนักตงจี๋ส่งคนมามอบของขวัญแสดงความยินดีให้ท่านประมุขน้อย ท่านจะออกไปพบด้วยตัวเองหรือไม่”

พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ประมุขน้อยของพวกเขาโดดเด่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถึงแม้ระดับพลังวิญญาณจะต่ำ แต่กำลังในการต่อสู้ก็เพียงพอที่จะข่มขู่นายน้อยอวิ๋นซิวได้แล้ว

ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่านายน้อยอวิ๋นซิวจะส่งคนมาแสดงความยินดี มันช่างน่าประหลาดใจเกินไปแล้ว

หัวหน้าตำหนังตงจี๋ของพวกเขาไม่ได้ส่งของมาแสดงความยินดีแต่อย่างใด!

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจะไปพบเขา!”

คนที่เฟิงอวิ๋นซิวส่งมามอบของขวัญแสดงความยินดีนั้นก็คือซวนอีองครักษ์คนสนิทของเขา ทำให้เห็นถึงความจริงใจอย่างแท้จริงของเขา

มู่เฉียนซีเห็นชายหนุ่มรูปงามในชุดสีดำแดงผู้นั้น นางกล่าวขึ้นว่า “ซวนอี ไม่ได้เจอกันนานแล้ว! เจ้ากับอวิ๋นซิวเป็นอย่างไรบ้าง?”

ชายหนุ่มตรงหน้าเผยรอยยิ้มหยอกล้อออกมา

เห็น ๆ กันอยู่ว่าสถานะของเขาในตอนนี้เป็นผู้ที่สูงศักดิ์ท่านหนึ่ง แต่ก็ยังคงทำท่าทางเกียจคร้านและเป็นกันเองเหมือนเดิม

ซวนอีกล่าว “ท่านประมุขน้อยเฉียนเยี่ย”

มู่เฉียนซีกล่าวหยอกล้อว่า “เจ้าจะฝืนใจตัวเองทำไมกันล่า ตอนนี้ในใจเจ้าก็คงจะด่าข้าว่าเจ้าหนุ่มอัปลักษณ์อยู่ใช่ไหมล่ะ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ทันเจ้านะ”

สีหน้าซวนอีเผยความเก้อเขินออกมาเล็กน้อย เขาจึงเปลี่ยนเรื่องกล่าวว่า “นายน้อยของพวกเราเตรียมของขวัญให้ท่าน ท่านจะไม่ดูหน่อยเหรอ?”

“ดูสิ! ข้าดูอยู่แล้ว!”

และแน่นอนว่าเฟิงอวิ๋นซิวนั้นรู้ใจนางเป็นอย่างดี

สิ่งที่เขาส่งมาให้นั้นล้วนแต่เป็นสมุนไพรวิญญาณที่นางชอบทั้งสิ้น มู่เฉียนซีกล่าว “เยี่ยมไปเลย เจ้าขอบใจเขาแทนข้าด้วยล่ะ!”

“ใช่สิ! ข้าต้องเตรียมของขวัญกลับไปให้เขาสักหน่อยถึงจะถูก”

ซวนอีมองมู่เฉียนซีด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ท่านประมุขน้อยเฉียนเยี่ย ข้าขอคุยด้วยสักหน่อยได้หรือไม่!”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ได้สิ!”

ครั้นแล้ว ทั้งสองจึงไปในที่ที่ไม่มีใคร มู่เฉียนซีแผ่ซ่านพลังจิตออกไปตรวจสอบ พบว่าไม่มีคนนอกแอบซ่อนตัวอยู่แต่อย่างใด

มู่เฉียนซีกล่าว “เกิดอะไรขึ้นกับอวิ๋นซิวอย่างนั้นเหรอ?”

ซวนอีกล่าว “ท่านประมุขน้อยเฉียนเยี่ย ท่านกับหมอปีศาจมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ทราบว่าท่านพอจะติดต่อกับหมอปีศาจได้หรือไม่?”

หัวหน้าตำหนักไม่อนุญาตให้เขาไปหามู่เฉียนซี แต่ก็ไม่ได้ห้ามเขาไม่ให้มาหามู่หรงเฉียนเยี่ยสักหน่อย

สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมลง “อวิ๋นซิวได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างนั้นเหรอ”

ในตอนที่เฟิงอวิ๋นซิวได้ต่อสู้กับเหล่าองครักษ์ไป๋เหล่านั้น เดิมทีเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ตกลงยังมีคนอื่นมาที่ดินแดนสี่ทิศแล้วลงโทษอวิ๋นซิวจนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกเหรอ

.