บทที่ 1079 การสังหารประเดิมกระบี่

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,079 การสังหารประเดิมกระบี่

หลินเป่ยเฉินเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดผู้อาวุโสเฉินเซียวเยี่ยนถึงไม่อยากตีกระบี่ให้ใครง่าย ๆ

ก็เพราะหากตีกระบี่แล้วต้องตัดแขนทิ้งเช่นนี้ เป็นเขาก็ไม่อยากตีเช่นกัน

ต่อให้ผู้มีพลังขั้นเซียนจะสามารถงอกแขนกลับมาใหม่ได้ แต่หากต้องทำเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า มีหวังได้กลายเป็นมือกระบี่เดชไอ้ด้วนถาวรแหง ๆ

กลิ่นคาวเลือดละลายไฟลอยฟุ้งในอากาศ เตะจมูกผู้คนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม

โลหิตที่กระเด็นไปเปื้อนหม้อหลอมกระบี่ทำให้หม้อใบนั้นกลายเป็นสีแดงก่ำ บนผิวหม้อด้านนอกปรากฏฟองผุดพราย ราวกับว่าตัวหม้อกำลังดูดซับคราบเลือดเหล่านั้นก็ไม่ปาน

หืม?

อย่าบอกนะว่านี่คือหนึ่งในขั้นตอนการตีกระบี่?

กระบี่ทุกเล่มจึงต้องดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร?

หลินเป่ยเฉินเริ่มคิดด้วยความพิศวง

“อาจารย์ขอรับ…”

กลุ่มลูกศิษย์ของเฉินเซียวเยี่ยนรีบวิ่งเข้ามาประคองร่างชายชราที่หน้าซีด

เฉินเซียวเยี่ยนโบกมือส่งสัญญาณบอกทุกคนว่าเขาไม่เป็นไร หลังจากสูดลมหายใจลึกอีกสองสามครั้ง เฉินเซียวเยี่ยนก็สามารถกลับมายืนอย่างมั่นคง

เขาหันไปยิ้มให้แก่หลินเป่ยเฉินและพูดว่า “นี่คือกระบี่เล่มสุดท้ายที่ผู้เฒ่าจะตีในชีวิตนี้ นับจากนี้ไป ผู้เฒ่าก็ไม่คิดตีกระบี่อีกแล้ว ดังนั้นแขนขวาของผู้เฒ่าจึงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป การหลอมกระบี่ในครั้งนี้ จึงเป็นการรวมสุดยอดวัตถุดิบทุกอย่างที่ผู้เฒ่ามีเพื่อสร้างเป็นกระบี่ให้แก่คุณชาย เมื่อกระบี่เล่มนี้ถูกหลอมสำเร็จ หม้อหลอมใบนี้ก็จะถูกทำลาย หมดหน้าที่ของมันเช่นเดียวกับแขนขวาของผู้เฒ่านั่นเอง”

ใช่แล้ว

แขนขวาของเฉินเซียวเยี่ยนขาดแล้ว

และหม้อหลอมกระบี่ก็จะต้องถูกทำลายเช่นกัน

เมื่อนักหลอมกระบี่สูญเสียแขนข้างถนัดและหมดสิ้นซึ่งอุปกรณ์ทำกระบี่ นับจากนี้ไปก็คงไม่มีใครมาขอร้องอ้อนวอนให้เขาตีกระบี่ให้อีกแล้ว

“สรุปว่า ที่ท่านผู้อาวุโสไม่ตีกระบี่มาสามสิบปี ก็เพื่อรอคอยวันนี้หรือขอรับ?”

หลินเป่ยเฉินถามด้วยความประหลาดใจ

เฉินเซียวเยี่ยนพยักหน้าด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

เขาหันหน้าไปจ้องมองหม้อหลอมกระบี่ที่กำลังสั่นไหวน้อย ๆ แล้วพูดต่อ “เมื่อกระบี่เล่มนี้ออกจากหม้อหลอม ผู้เฒ่าก็ไม่มีสิ่งใดให้เสียใจอีกแล้ว”

พูดจบ

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของหม้อหลอมสองหูสามขาใบนั้น

รอยแตกร้าวนั้นขยายบริเวณลุกลามอย่างรวดเร็ว

สภาพของมันไม่ต่างจากเปลือกไข่ที่กำลังจะแตก

และลูกไก่ที่อยู่ในเปลือกไข่ก็กำลังจะออกมาลืมตาดูโลก

ดวงตาแทบทุกคู่จ้องมองไปที่หม้อหลอมกระบี่

เฉินเซียวเยี่ยนกล่าวว่า “ขอเชิญคุณชายไปสัมผัสหม้อหลอม เพื่อนำกระบี่ออกมา”

หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปใกล้หม้อหลอมกระบี่ทีละก้าว

เขายื่นมือออกไปสัมผัสกับพื้นผิวของหม้อหลอมกระบี่เพียงแผ่วเบา

เปรี๊ยะ…

ได้ยินเสียงตัวหม้อหลอมเกิดการแตกร้าว

จากนั้น หม้อหลอมก็แตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ลำแสงสีเงินสาดสว่างเจิดจ้า

สิ่งที่เคยบรรจุอยู่ด้านในหม้อหลอมปรากฏเพียงแสงสว่างสีเงิน

บัดนี้ แสงสว่างนั้นรวมตัวเป็นวัตถุรูปทรงกระบี่ลอยขึ้นไปในอากาศ

นี่สินะ กระบี่ของเรา

หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบและยกมือขึ้นไปคว้าจับกระบี่เล่มนั้นเอาไว้

ทันใดนั้น…

วูบ! วูบ! วูบ!

เงาร่างหลายสายเคลื่อนไหวพร้อม ๆ กัน

เห็นได้ชัดว่าในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ มีผู้คนที่เตรียมตัวมาสร้างปัญหาตั้งแต่แรก พวกมันพุ่งเข้าไปจู่โจมใส่หลินเป่ยเฉินด้วยความเร็วราวกับภูตผี กระบี่ถูกชักออกจากฝักอย่างพร้อมเพรียง หมายความว่าคนกลุ่มนี้มาจากสำนักเดียวกัน

แย่งชิงกระบี่!

นั่นคือเป้าหมายของพวกมัน

“พี่หลินระวัง…”

หูเหม่ยเอ๋อร์ร้องเตือนเสียงดัง แต่นางก็ทำอะไรไม่ทันแล้ว

และในเวลาเดียวกันนั้น เงาร่างสองสายได้ลอยตัวขึ้นไปในอากาศ

เป็นเฉียนเหมยกับเฉียนเจิน

สองสาวรับใช้ผู้มีร่างกายบอบบางในสายตาของทุกคนพลันแสดงความแข็งแกร่งออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ

เงาคนเคลื่อนไหววูบวาบ

สาวรับใช้ทั้งสองสามารถขวางทางผู้โจมตีได้สำเร็จ

“ไสหัวไปซะ นางหญิงรับใช้โสโครก”

ผู้ที่ถูกขัดขวางเดือดดาลยิ่ง กระบี่ในมือแทงปราดออกมาราวกับงูพิษ มันผู้นี้มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะขึ้นสู่ขั้นเซียนได้สำเร็จ เมื่อกระบี่ถูกชักออกจากฝัก ไม่เคยมีเป้าหมายใดที่มันจะสังหารไม่ได้

ผลั่ก!

เฉียนเหมยกระแทกหมัดออกมาข้างหน้า

หมัดของนางปะทะเข้ากับสันกระบี่

แล้วกระบี่ก็แตกกระจาย

ตามด้วยมือข้างที่ถือกระบี่ของผู้โจมตี

แขนของมันระเบิดหายไปทั้งข้างต่อหน้าต่อตา

ตามมาด้วยการระเบิดของทรวงอก

นับว่าหมัดของเฉียนเหมยมีพลังทำลายล้างรุนแรงมากเกินไป

ผู้โจมตีคนแรกร่างกายแตกสลายกลายเป็นม่านหมอกเลือด

ส่วนผู้โจมตีคนที่สองก็มีสภาพไม่ต่างกัน

ทางด้านเฉียนเจินก็หมุนวนฝ่ามือในอากาศ ก่อนที่กระบี่เล่มหนึ่งจะปรากฏขึ้นในมือของนาง

กระบี่เงินเล่มนี้มีลักษณะเพรียวบาง คล้ายกับกระบี่ของเล่นสำหรับสตรี

เฉียนเจินหมุนข้อมืออย่างเร็วไว

คู่ต่อสู้ของนางประกอบไปด้วยผู้มีพลังขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายสองคน และผู้มีพลังขั้นเซียนระดับหนึ่งอีกหนึ่งคน แต่เมื่อเผชิญหน้าการโจมตีด้วยกระบี่ในมือเฉียนเจิน ช่องท้องและหน้าอกของพวกมันก็กลายเป็นรูพรุนไปเรียบร้อยแล้ว…

“นี่มันอะไรกัน…”

กลุ่มผู้โจมตีร้องอุทานด้วยความตกตะลึง พวกมันไม่รู้เลยว่าตนเองถูกแทงตั้งแต่เมื่อไหร่

โลหิตไหลทะลักออกมาจากรูกระบี่อย่างควบคุมไม่ได้ แล้วชายฉกรรจ์ทั้งสามคนนั้นก็ไม่ต่างไปจากตาน้ำพุที่มีรูปทรงมนุษย์

ร่างกายของพวกมันยืนโงนเงน โลหิตฉีดพุ่งไปรอบทิศทาง สุดท้ายก็ล้มลงสิ้นใจตายบนพื้นอย่างน่าอนาถนัก

พ่ายแพ้อย่างสู้ไม่ได้

เมื่อเทียบกับการต่อสู้อันป่าเถื่อนรุนแรงของเฉียนเหมย กล่าวได้ว่ารูปแบบการต่อสู้ของเฉียนเจินมีความรวดเร็วและเป็นอันตรายมากกว่าหลายเท่า

ผลั่ก!

เฉียนเหมยปล่อยหมัดออกไปข้างหน้าอีกสามครั้ง

อิทธิฤทธิ์หมัดของนางรุนแรงไม่ต่างจากมังกรสะบัดหาง

มือเรียวยาวขาวผ่องที่รวบเป็นกำปั้นน้อย ๆ ระเบิดพลังลมปราณออกมาอย่างรุนแรง แล้วคู่ต่อสู้ของนางที่เป็นผู้มีพลังขั้นเซียนระดับหนึ่งอีกสามคน ก็ตัวระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดในอากาศ

ผู้คนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมย่อมตกตะลึง

พวกเขาไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้

สาวรับใช้ทั้งสองนางที่คอยปรนนิบัติหลินเป่ยเฉินมีความอ่อนหวานชดช้อยราวนางฟ้านางสวรรค์ เมื่อนำมาผนวกกับข่าวลือเกี่ยวกับความลุ่มหลงในตัณหาราคะของหลินเป่ยเฉิน ทุกคนจึงเข้าใจว่าระดับวิทยายุทธ์ของพวกนางก็คงไม่ได้ต่างไปจากองครักษ์ของเฉินเซียวเยี่ยนสักเท่าไหร่

แต่ที่ไหนได้ สาวรับใช้ทั้งสองนางกลับกลายเป็นพยัคฆ์สาวซ่อนเล็บ…

บัดนี้ พวกนางยังเป็นสาวรับใช้ธรรมดาในสายตาของผู้คนอีกหรือไม่?

พวกนางยังเป็นเพียงผู้ที่คอยสนองตัณหาราคะของหลินเป่ยเฉินอีกหรือไม่?

ย่อมไม่ใช่แล้ว

แต่พวกนางคือยมทูต

พวกนางคือบุปผาแห่งความตาย

เพียงพริบตาเดียว ผู้โจมตีที่มีพลังขั้นเซียนก็ต้องตกตายในน้ำมือของสาวรับใช้ทั้งสองคนนี้ถึงแปดศพ

แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือนามกระเดื่อง

บางคนอยู่ในขั้นเซียนระดับสองด้วยซ้ำ

ในห้องอาหารของหอเจ็ดดาราขณะนี้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด บนโต๊ะล้วนเต็มไปด้วยคราบเลือดที่สาดกระเซ็น เลือดแต่ละหยดสะท้อนประกายกับแสงสว่างแวววาว และมวลอากาศที่สั่นไหว ก็ทำให้หยดเลือดเหล่านั้นสั่นไหวไปด้วยคล้ายกับพวกมันกำลังตื่นกลัวอยู่อย่างไรอย่างนั้น

ผู้คนจำนวนมากรีบล่าถอยออกไปจากโรงเตี๊ยม

ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์กับลูกศิษย์จากสำนักคฤหาสน์กำยาน

“พวกนาง… แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

ดวงตาของหูเหม่ยเอ๋อร์เป็นประกายวาวโรจน์

นางรับรู้แล้วว่าสาวรับใช้ข้างกายหลินเป่ยเฉินมีฝีมือไม่ธรรมดาจริง ๆ

เพราะหูเหม่ยเอ๋อร์รู้ตัวว่าตนเองย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนาง

“มีผู้ใดจะเข้ามาอีกหรือไม่?”

เฉียนเหมยชูกำปั้นถามด้วยความดุดัน

เดิมทียังคงมีผู้คนที่อยากชักกระบี่ก้าวออกไป แต่บัดนี้ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมาอีกแล้ว

ทันใดนั้น

“เป็นข้าเอง”

เสียงหัวเราะเหยียดหยามดังขึ้นห่างไกลออกไป

ลมหายใจต่อมา รังสีกระบี่ก็พุ่งแหวกอากาศเข้ามาหา

“ฝันไปเถอะ”

เฉียนเจินตวัดกระบี่เงินในมือของนางรวดเร็วฉับไว จนเกิดเป็นประกายคล้ายกับดวงดาวระยิบระยับ

เคล้ง!

ได้ยินเสียงโลหะปะทะกันดังขึ้น

แล้วกระบี่ในมือเฉียนเจินก็แตกหัก

ตัวนางลอยกระเด็นออกไป

รังสีกระบี่ของผู้จู่โจมยังคงพุ่งทะลวงไปข้างหน้า

“อาเจิน ระวัง…”

เฉียนเหมยอุทานออกมาด้วยความวิตก ก่อนจะรวบรวมพลังลมปราณลงไปที่กำปั้น และโจมตีใส่ผู้บุกรุกอย่างไม่ยั้งมือ

เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!

ผลั่ก!

แขนของเฉียนเหมยมีเลือดสาดกระจาย แล้วร่างของนางก็ลอยกระเด็นออกไปเช่นกัน

“ตายซะเถอะ”

เจ้าของเสียงหัวเราะเหยียดหยามนั้นแยกรังสีกระบี่เป็นสองสาย โจมตีไปที่เฉียนเจินทางหนึ่ง และโจมตีไปที่เฉียนเหมยอีกทางหนึ่ง

นี่คือรังสีกระบี่สังหาร

หลังจากนั้น ร่างกายที่สูงใหญ่กว่าผู้คนทั่วไปก็ทิ้งตัวลงมาจากกลางอากาศ ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยขนสีขาวปุกปุย ใบหน้าไม่ต่างจากลิงกัง มันมีผมสีขาว แต่กลับสวมใส่ชุดเกราะเหล็กของมนุษย์

ในมือของตัวประหลาดถือกระบี่เล่มหนึ่ง

นี่คืออมนุษย์ผมขาวที่แข็งแกร่งกว่าตัวที่ตายด้วยน้ำมือของผู้อาวุโสฉีก่อนหน้านี้หลายเท่า

เมื่อเห็นสองสาวรับใช้ตกอยู่ในอันตราย เหยียนหรู่อี้ก็หัวใจกระตุกวูบ นางกำลังจะชักกระบี่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

แต่นางยังไม่ทันได้เข้าไปช่วยเหลือผู้คน หลินเป่ยเฉินก็ได้ช่วยเหลือก่อนแล้ว

เด็กหนุ่มผู้ยืนอยู่บนเวทีเดินหมาก มือข้างหนึ่งของเขาถือกระบี่สีเงินวาว เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินต้องใช้เวลาปรับตัวกับกระบี่เล่มใหม่อยู่พอสมควร ดังนั้นปฏิกิริยาตอบรับของเขาจึงเชื่องช้ากว่าปกติ

วูบ!

แต่รังสีกระบี่ก็ได้พุ่งออกมาแล้ว

เคล้ง!

รังสีกระบี่สองสายที่หมายเล่นงานสองสาวรับใช้ของเขาถูกสลายลงไป

กระบี่ในมือหลินเป่ยเฉินตวัดวูบอีกครั้ง

ครั้งนี้ มันสลายม่านพลังที่ห่อหุ้มชุดเกราะของอมนุษย์ผมขาวเอาไว้

หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็ตวัดกระบี่เป็นครั้งที่สาม

กระบี่นี้ทำให้ศีรษะของอมนุษย์ผมขาวลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศ…

การตวัดกระบี่ทั้งสามครั้งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เรียกว่าพวกมันเกิดขึ้นพร้อมกันก็ว่าได้

จากจุดเริ่มต้นถึงจุดจบ แทบไม่มีเสียงกระบี่ปะทะกัน ไม่มีเสียงกระบี่แตกหัก

มีเพียงความราบเรียบคล้ายกับทะเลสาบที่เงียบสงบ

การต่อสู้ได้จบลงแล้ว!!!