ตอนที่ 1637 เริ่มการปะทะ

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ราชาเซียนทั้งสิบห้าดวงตาเย็นชาเป็นอย่างมาก

ในความคิดของพวกเขา ตราบใดที่หลิงฮันไม่มีไพ่ลับใช้สังหารราชาเซียนเหลือแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องหวาดกลัว

พลังที่หลิงฮันแสดงให้เห็นนั้นทรงพลังก็จริง แต่นั่นก็แค่พึ่งพาความเร็วกับอำนาจของเปลวเพลิงเท่านั้นซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาหวั่นเกรง

“ราชาเซียนสิบห้าคนรุมรังแกรุ่นเยาว์แค่คนเดียว? พวกเจ้ายังมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่อีกรึเปล่า?” ราชาเซียนชิงอวี่ก้าวเดินออกมายืนเคียงบ่าหลิงฮัน

“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ราชาเซียนอีกคนก้าวออกมาสนับสนุนหลิงฮันเช่นกัน

จนสุดท้ายแล้วราชาเซียนทั้งหมดเก้าคนก็เลือกที่จะอยู่ฝ่ายหลิงฮันในขณะที่อีกเจ็ดคนไม่เลือกช่วยเหลือฝ่ายใด

“สหายทั้งหลาย ทำไมต้องมัวเสียเวลาไปกับเจ้าหนูนั่นด้วย?” ราชาเซียนฝ่ายศัตรูคนหนึ่งกล่าว “ในร่างของเจ้าหนูนั่นต้องมีความลับอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่แน่ หากพวกเราได้มันมาครอบครอง ด้วยพรสวรรค์ของพวกเราอย่างมากไม่เกินล้านปีพวกเราย่อมสามารถใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ”

“อายุขัยที่ยังเหลืออยู่ของพวกเรา การจะมีชีวิตอยู่อีกสักร้อยล้านปีไม่ใช่ปัญหาอะไรอยู่แล้ว ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้เข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนด้วยตัวเองเล่า?”

“อย่าได้บอกว่าพวกเจ้าไม่ได้คิดเหมือนกันว่าเจ้าหนูนี่ต้องได้ทักษะบ่มเพาะของราชานิรันดร์ที่ล่วงหล่นมาครอบครอง ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไรน! สหายเอ๋ย พวกเจ้าจะมองข้ามวาสนาล้ำค่าที่อยู่ตรงหน้าไปจริงๆรึ?”

ราชาเซียนชิงอวี่เค้นเสียงและกล่าว “พวกเจ้าที่บ่มเพาะพลังจนบรรลุถึงราชาเซียนแล้ว กล้าพูดเรื่องน่าสมเพชเช่นนั้นออกมาอย่างไม่อายปากได้อย่างไร”

“ฮึ่ม ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง จะมัวพล่ามไร้สาระทำไม?” ราชาเซียนผู้หนึ่งค่อนข้างฉุนเฉียว “ฝ่ายเรามีกำลังเยอะกว่า ให้ราชาเซียนฝ่ายเราเก้าคนปะทะกับราชาเซียนเก้าคนของอีกฝ่าย ส่วนคนที่เหลือร่วมมือกันสังหารเจ้าหนูนั่น”

“ก็ดี!” เหล่าราชาเซียนฝ่ายศัตรูพยักหน้าทีละคน เก้าคนในหมู่พวกเขาแยกตัวออกมาและเข้าปะทะกับพวกราชาเซียนชิงอวี่ ในขณะที่อีกหกคนที่เหลือมีเป้าหมายคือหลิงฮัน

ราชาไค่หยุนก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาทำหน้าที่เป็นผู้นำและบุกโจมตีด้วยอำนาจแห่งห้วงเวลา

หลิงฮันทะยานร่าง แต่เพียงแค่ก้าวเท้าก้าวแรกเขากลับพบว่าตัวเองนั้นราวกับเหยียบเข้าสู่แอ่งโคลน ความเร็วของเขาลดลงกว่าเดิมหลายเท่า แม้จะยังเร็วกว่าราชาเซียนคนอื่นๆแต่ก็ไม่ถือว่าได้เปรียบเท่าไหร่

“เหอๆ คิดว่าวิธีการเดิมจะใช้ได้ผล?” ราชาไค่หยุนแสยะยิ้ม เป็นเขาที่ใช้อำนาจแห่งห้วงเวลาทำให้กาลไหลของเวลารอบตัวหลิงฮันช้าลง ซึ่งความเร็วในการเคลื่อนที่ก็จะช้าตามไปด้วย

เขาเหงื่อไหลเล็กน้อย พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นทรงพลังเทียบเท่ากับราชาเซียนขั้นต้น ต่อให้เขาเป็นราชาเซียนสูงสุดก็ตาม การจะยับยั้งความเร็วของหลิงฮันก็ยังเป็นเรื่องยากและไม่อาจรั้งไว้ได้นาน

“ฆ่า!” ราชาเซียนทุกคนเข้าปะทะห้ำหั่นกัน นอกจากราชาเซียนฝ่ายละเก้าคนที่พัวพันกันอยู่แล้ว ราชาเซียนที่เหลือได้ลงมือโจมตีใส่หลิงฮันพร้อมกันในขณะที่ความเร็วของหลิงฮันถูกยับยั้งเอาไว้

หลิงฮันแสยะยิ้ม ‘พรึบ’ รูปแบบอาคมสังหารถูกกระตุ้นใช้งาน ‘ครืนนน’ คลื่นแสงอันทรงพลังส่องสว่างออกมาจากภายในร่างกายของเขา อำนาจแห่งห้วงเวลาที่พันธนาการความเร็วของเขาอยู่ถูกฉีกกระชากแหลกออกเป็นเสี่ยงๆ ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริงนั้น ต่อให้เป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์แบบใดก็ไร้ความหมาย

ต่อหน้ารูปแบบอาคมสังหารที่ทรงพลังของหลิงฮัน อำนาจแห่งห้วงเวลาของราชาไค่หยุนไม่นับเป็นอันใดได้

“บัดซบ!” ราชาไค่หยุนสบถ ความจริงแล้วพลังต่อสู้ของเขานั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหลิงฮัน แต่เนื่องจากต้องคอยพยายามยับยั้งความเร็วของหลิงฮันเขาจึงไม่สามารถใช้พลังต่อสู้ได้เต็มที่ แต่ถึงจะให้เขาไปสู้กับหลิงฮันซึ่งๆหน้าเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงเช่นกัน

หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แล้วเขาตายละ?

หากไม่ใช่เพราะนิสัยขี้ขลาดทำไมหลายปีที่ผ่านมานี้เขาถึงเก็บตัวอยู่แต่ในดินแดนต้องห้าม? ทำไมเขาต้องไปก่อตั้งดินแดนต้องห้ามในสถานที่ห่างไกลผู้คน?

หลิงฮันหลุดพ้นจากอำนาจห้วงเวลา เขาโคจรทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทานทันที ร่างของเขามีแขนงอกออกมาสี่ข้างและปลดปล่อยทักษะนิรันดร์เข้าใส่ราชาไค่หยุนพร้อมกัน เป้าหมายแรกที่เขาต้องการสังหารคือจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้

เหตุผลแรกคือเขาอยากทำสัญญาที่ให้ไว้กับราชันวารีสวรรค์ลุล่วง เหตุผลที่สองคือราชาไค่หยุนเป็นภัยคุกคามต่อเขา อำนาจห้วงเวลาคือหนึ่งในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังที่สุด มันสามารถยับยั้งความเร็วของเขาเอาไว้ได้!

“อย่าได้ฝัน!” ราชาเซียนอีกห้าคนมีนิ่งเฉย พวกเขาปลดปล่อยทักษะยุทธเฉพาะตัวเข้าปะทะหลิงฮัน

หลิงฮันคำรามและทะยานร่างขึ้นท้องฟ้าเพื่อเปลี่ยนสถานที่ต่อสู้ ไม่เช่นนั้นหากเกิดการปะทะขึ้นที่นี่ ดาวมู่ถูจะพังทลายสิ้นซากแน่นอน

“ตาย!” ราชาเซียนทั้งหกไล่ตาม พวกเขากระหน่ำปลดปลอยการโจมตีจนเกิดคลื่นแสงไปทั่วพื้นที่ ราชาเซียนคือตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ การโจมตีแต่ละครั้งของพวกเขาสั่นสะเทือนไปทั้งสวรรค์และปฐพี

หลิงฮันหันหลังตอบโต้ราชาเซียนทั้งหก

ทักษะนิรันดร์มากมายที่ถูกใช้ออกมาพร้อมกับทำให้ราชาเซียนทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก เป็นไปได้อย่างไรที่คนคนเดียวจะสามารถใช้ทักษะนิรันดร์ได้มากมายพร้อมกัน! ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือทักษะดาบฟ้าคำรามที่ผสานเอาไว้ด้วยทักษะนิรันดร์มากมาย อำนาจของมันราวกับจะสะบั้นสวรรค์ขาดออกจากกัน!

พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นเทียบเท่าได้กับราชาเซียนขั้นต้นเท่านั้น แต่เมื่อใช้งานรูปแบบอาคมสังหารเมื่อไหร่ พลังต่อสู้ของเขาจะยกระดับขึ้นจนเทียบเท่าได้กับราชาเซียนสูงสุด

เหล่าราชาเซียนตกตะลึงจนพูดไม่ออก นี่คือพลังต่อสู้แท้จริงของหลิงฮันที่ไม่ได้ใช้อำนาจนอกกายใดๆทั้งสิ้นและสามารถต่อสู้ได้โดยไม่มีเวลากำหนด หากจอมยุทธที่มีพลังระดับราชาเซียนต้องสู้กันจริงๆ การต่อสู้อาจยืดเยื้อนานถึงร้อยปี และในระยะเวลาร้อยปีนี้ต่อให้หลิงฮันเอาชนะพวกเขาไม่ได้ แต่เขาจะหลบหนีไม่ได้เลยเชียวรึ?

สุดท้ายแล้วความรุ่งโรจน์ของหลิงฮันก็ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้ ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ หากมีเวลาอีกไม่กี่ปีโลกบรรพกาลจะไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้เขาได้

“ฆ่า!” ราชาเซียนทั้งหกคำรามโหดเหี้ยม นี่คือโอกาสสุดท้าย หากไม่สังหารหลิงฮันในตอนนี้ในอนาคตคงไม่มีหวังอีกแล้ว

การปะทะอันดุเดือดปะทุขึ้นกลางห้วงอวกาศ

ต่างฝ่ายต่างต้องการที่จะเข่นฆ่ากัน หลิงฮันอยากสังหารเซียนที่หมายปองชีวิตของเขาเหล่านี้ เหล่าราชาเซียนก็อยากสังหารหลิงฮันเพื่อวาสนาอันยิ่งใหญ่

ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ทักษะนิรันดร์มากมายระเบิดพลังออกมาจนทำให้เกิดแสงสว่างไปทั่วจักรวาล แม้จะเป็นเขตดวงดาวที่อยู่ห่างออกไปก็ยังมองเห็นคลื่นปะทะได้อย่างชัดเจน

ร่างของหลิงฮันปกคลุมไปด้วยโลหิต เขากำลังเผชิญหน้าศัตรูหกคนที่เป็นถึงราชาเซียน ถึงแม้จะมีเพียงสองคนที่บรรลุราชาเซียนสูงสุด แต่เมื่อทั้งหกคนร่วมมือกันโจมตี ต่อให้เป็นกายหยาบที่เทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบของเขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่

แต่ทางด้านของราชาเซียนทั้งหกก็ไม่ได้มีสภาพที่ไปกว่ากัน ราชาเซียนขั้นต้นสองคนมือและเท้าถูกตัดขาด ราชาเซียนขั้นกลางถูกหมัดกระใส่จนหน้าอกเป็นรู ราชาเซียนขั้นปลายถูกดาบไม้ผุพังทิ่มแทงใส่ช่วงล่างของร่างกายจนต้องสละช่วงล่างทิ้ง ไม่เช่นนั้นร่างกายของเขาจะถูกบดขยี้ทุกส่วนไม่เว้นแม้แต่ดวงวิญญาณ