ส่วนที่ 6 ภาคลมประจิมรุนแรง ตอนที่ 138 เซวียนหยวนผ้อ

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

เซวียนหยวนผ้อเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิตอย่างนั้นหรือ เขาชนะเก้าครั้งรวดเลยหรือ พรุ่งนี้เขาจะเข้าต้นไม้สวรรค์เพื่อรับการชำระจากเพลิงเถื่อนและการทดสอบของวิญญาณบรรพบุรุษใช่ไหม

ลั่วลั่วตกใจกับข่าวนี้จนนางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

นางรับผ้าไหมจากนางกำนัลหลี่และเช็ดน้ำชาแต่นางก็ไม่อาจที่จะคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมได้

นางรู้ว่าตอนที่ข่าวพิธีสวรรค์พิจิตแพร่ออกไป เซวียนหยวนผ้อต้องลงมือทำบางอย่างเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงส่งคนไปดูเขาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้ทำอะไรเลยช่วงสองวันมานี้ นางคิดว่าไม่มีอะไรให้นางต้องห่วงแล้ว นางจะคาดได้อย่างไรว่าเซวียนหยวนผ้อจะเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิตด้วยตัวเอง!

นางไม่อาจเข้าใจว่าทำไมเซวียนหยวนผ้อถึงเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิต

หากหยิบมีดทำครัวบุกเข้าวังหลวงมาช่วยนางน่าจะเหมาะกับนิสัยเขามากกว่า

“เจ้าโง่นี่พยายามทำอะไร”

นางกำนัลหนี่มองไปที่คิ้วขมวดมุ่นของลั่วลั่วและถอนหายใจอยู่ลึกๆ ในใจอย่างเป็นห่วง

นางคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งแต่ก็ยากที่จะยอมรับจริงๆ

เซวียนหยวนผ้อรักองค์หญิงอย่างนั้นหรือ

แต่องค์หญิงรักสังฆราช

ทำไมพวกคนในสำนักฝึกหลวงถึงได้เป็นแบบนี้กันหมดนะ

……

……

เมื่อได้ยินชื่อและความเป็นมาของเซวียนหยวนผ้อ คนนับไม่ถ้วนก็จ้องไปที่เขา

ชาวเมืองที่สวมชุดหรูหราของเมืองตอนบนและคุณหนูที่วางตัวเหินห่างต่างปากอ้าตาค้าง ตกตะลึงจนไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนพวกฝูงชนจากเมืองตอนล่างที่ตามเซวียนหยวนผ้อมาแม้เดาบางอย่างได้ก่อนแล้ว แต่ก็ยังยากที่จะสะกดความตื่นเต้นเอาไว้หลังจากทุกอย่างได้รับการยืนยัน

อีกด้านหนึ่งขุนนางที่ดูแลพิธีสวรรค์พิจิตมีสีหน้าน่าเกลียดอย่างที่สุด เขามองหน้าเซวียนหยวนผ้อที่ยังดูเยาว์วัยอย่างประหลาด น้ำเสียงเย็นเยียบเล็กน้อยตอนที่กล่าว “ทำไมเจ้ามาร่วมพิธีสวรรค์พิจิต”

ว่าตามเหตุผล คำถามนี้ไม่มีความหมายและไม่จำเป็นต้องถาม ทุกคนรู้ว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากการเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิต ไม่อย่างนั้นพวกยอดฝีมือรุ่นเยาว์เผ่าปีศาจจะรีบรุดมาเมืองไป๋ตี้ทำไม

แต่เมื่อเป็นเซวียนหยวนผ้อ คำถามนี้ย่อมมีความหมายที่ลึกกว่า และทุกคนก็ต้องการจะรู้คำตอบ

เพราะหากข่าวลือเป็นจริง เซวียนหยวนผ้อไม่เพียงเป็นศิษย์สำนักฝึกหลวง แต่ก็เป็นศิษย์ของลั่วลั่วอีกด้วย

“เจ้าตั้งใจจะแต่งกับองค์หญิงอย่างนั้นหรือ”

เจ้าหน้าที่จ้องไปที่ดวงตาของเซวียนหยวนผ้อ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธและรังเกียจ “อย่าลืมว่าถึงแม้จะไม่มีการบันทึกอย่างเป็นทางการแต่ทุกคนก็รู้ว่าเจ้ารับองค์หญิงเป็นอาจารย์ตอนอยู่ในสำนักฝึกหลวง!”

เรื่องอาจารย์ศิษย์กลายมาเป็นคู่ครองนั้นไม่ใช่ไม่เคยได้ยินมาก่อนบนต้าลู่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าฉลองแต่อย่างใด

และสำหรับศิษย์ที่คิดแบบนี้ย่อมไม่เหมาะสม

เซวียนหยวนผ้อตอบ “ได้เป็นศิษย์ขององค์หญิงคือเกียรติอันสูงสุดของข้า ไม่ว่าองค์หญิงจะยอมรับหรือไม่ ข้าจะเป็นศิษย์ของนางเสมอ”

เจ้าหน้าที่ยิ่งย้อนกลับมาอย่างเย็นเยียบและเกรี้ยวกราด “แล้วทำไมเจ้ายังเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิต! เจ้าคิดจะทำให้องค์หญิงอับอายหรือไง”

เซวียนหยวนผ้อตอบ “ข้าไม่เคยคิดที่จะแต่งกับองค์หญิง แล้วมันจะน่าอับอายตรงไหน”

เจ้าหน้าที่ถาม “เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเจ้ามาทำไม”

เซวียนหยวนผ้อครุ่นคิดกับคำถามนี้และตอบ “ข้ามาเพื่อก่อปัญหา”

เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงใจ น้ำเสียงหนักแน่น

เขาเหมือนกับลิงโคลนที่ไต่ออกมาจากนาข้าว เป็นตัวป่วนที่โดดลงมาจากต้นไม้ลงสู่ทะเลสาบ แต่เขาพูดราวกับบัณฑิตชรา

เจ้าหน้าที่ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “เจ้าต้องการอะไรนะ”

เซวียนหยวนผ้ออธิบาย “ที่ว่าก่อปัญหาก็คือข้าต้องการจะทำให้พิธีสวรรค์พิจิตไม่อาจดำเนินไปอย่างราบรื่น”

เจ้าหน้าที่พอจะเข้าใจอยู่บ้างว่าเขาต้องการอะไร “เจ้าไม่อยากให้องค์หญิงแต่งออกไปอย่างนั้นหรือ”

“ถูกต้อง” เซวียนหยวนผ้อหันกลับไปมองที่เสี่ยวเต๋อ องค์ชายรองของดินแดนต้าซีและพวกผู้ผ่านการคัดเลือกคนอื่นที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นก็มองสูงขึ้นไปบนเมืองพระราชวัง เขาประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่ว่าใครก็อย่าคิดแต่งกับองค์หญิงเพราะข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าชนะ”

ตรงหน้าเมืองพระราชวังเงียบมากและเสียงของเขาดังชัดเจน ทำให้มันแผ่ขยายไกลออกไป

เจ้าหน้าที่เย้ย “พิธีสวรรค์พิจิตคือวิญญาณบรรพบุรุษเลือกสามีให้กับองค์หญิง เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาห้าม”

เซวียนหยวนผ้อตอบ “ไม่มีใครมาตัดสินการแต่งงานขององค์หญิงได้ แม้แต่เพลิงเถื่อนในต้นไม้สวรรค์หรือวิญญาณบรรพบุรุษก็ไม่ได้”

บริเวณโดยรอบเกิดเสียงอื้ออึงขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้

เจ้าหน้าที่คนนั้นตัวสั่นและตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้ากล้าดูหมิ่นต้นไม้สวรรค์และลบหลู่วิญญาณบรรพบุรุษ!”

“หากมันเป็นการเลือกของเพลิงเถื่อนแห่งต้นไม้สวรรค์และวิญญาณบรรพบุรุษจริง พิธีสวรรค์พิจิตก็คงไม่ดำเนินไปอย่างนี้ เราคงไม่ทำการชำระด้วยเพลิงเถื่อนในขั้นที่สอง สิ่งที่เรียกว่าสวรรค์พิจิตก็ยังเป็นการเลือกของคน การแต่งงานขององค์หญิงก็ต้องให้องค์หญิงตัดสินใจเท่านั้น”

เซวียนหยวนผ้อมองขึ้นไปที่เมืองพระราชวังและกล่าว “ข้ารู้ว่าองค์หญิงไม่ยอมแต่งงานกับคนนอก”

ไม่ว่าขุนนางจะโมโหแค่ไหนหรือวังหลวงจะสูงและน่าเกรงขามเพียงใด เขาก็ยังคงสุขุมเยือกเย็น บางทีอาจดูทึมทึบอยู่บ้าง น้ำเสียงของเขาก็เป็นเช่นเดียวกัน แต่มันก็บรรจุไว้ด้วยพลังที่โน้มน้าวใจ

เสียงร้องสนับสนุนนับไม่ถ้วนดังขึ้นจากรอบเมืองพระราชวัง

เสียงนี้มาจากชาวเผ่าปีศาจธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นเมืองตอนบน ตอนกลางหรือตอนล่าง

เซวียนหยวนผ้อได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจของพวกเขา

มีข่าวลือว่าจักรพรรดินียืนกรานจะให้องค์หญิงลั่วลั่วแต่งกับญาติฝ่ายมารดาของนาง แต่เป็นเพราะสภาผู้อาวุโสคัดค้านอย่างแข็งขันจึงบีบให้นางต้องจัดพิธีสวรรค์พิจิตขึ้น ถึงอย่างนั้นนางก็ยังไม่เปลี่ยนใจ

จากที่เห็นองค์ชายรองของดินแดนต้าซีก็ยื่นอยู่ที่นี่ ตรงหน้าเมืองพระราชวัง

แล้วองค์หญิงลั่วลั่วจะแต่งกับคนนอกได้อย่างไร เขามีสิทธิ์อะไรจะมาเป็นจักรพรรดิขาวคนต่อไป

นี่เป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ในเผ่าปีศาจ แต่ความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดินีที่ปกครองมาหลายร้อยปีทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดออกมา

คำพูดของเซวียนหยวนผ้อทำให้พวกเขารู้สึกยินดีอย่างมาก

“คนที่เข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิตและผ่านการคัดเลือกชั้นแล้วชั้นเล่าจนมายืนอยู่ตรงนี้ได้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง เหมือนกับเจ้า”

เสียงยิ่งใหญ่ดังก้องมาจากจุดสูงสุดของเมืองพระราชวัง พุ่งผ่านเมฆมาถึงพื้นดิน

เมื่อจักรพรรดิขาวกักตนบำเพ็ญเพียร มีคนเดียวเท่านั้นที่จะส่งเสียงแทนเผ่าปีศาจทั้งมวลได้

เมืองพระราชวังเงียบไปในทันที

เผ่าปีศาจมากมายคุกเข่าหมอบลงกับพื้น

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าลั่วลั่วต้องการจะแต่งงานกับหนึ่งในคนพวกนี้หรือเปล่า”

คำถามนี้ทำให้เผ่าปีศาจหลายคนสับสนขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์พิจิตหรือการทดสอบจากวิญญาณบรรพบุรุษ องค์ชายรองของดินแดนต้าซีที่เป็นคนนอกย่อมไม่มีความได้เปรียบแม้แต่อย่างเดียว ข่าวลือนั่นไม่ถูกต้องหรือเปล่า หรือว่าผู้คนโทษจักรพรรดินีผิดไป

ถูกต้อง ทั่วทั้งต้าลู่รู้ว่าองค์หญิงลั่วลั่วเป็นลูกสาวคนเดียวของจักรพรรดินีและเป็นที่รักอย่างยิ่งเสมอมา แล้วจักรพรรดินีจะปฏิบัติกับนางไม่ดีได้อย่างไร นางน่าจะต้องการหาคู่สมรสที่ดีที่สุดให้องค์หญิงเท่านั้น

คิดดูแล้ว ฝูงชนมองดูเซวียนหยวนผ้ออย่างไม่สนใจอยู่บ้าง

‘หากเป็นแบบนี้ เจ้าก็ไม่ควรสร้างปัญหาอีกต่อไป’

เซวียนหยวนผ้อมองขึ้นไปที่เมืองพระราชวังและกล่าว “องค์หญิงไม่ชอบคนพวกนี้”

มู่ฮูหยินถามด้วยเสียงเย็นชา “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร”

นี่เป็นคำถามที่ตอบได้ยากมาก

มู่ฮูหยินเป็นมารดาของลั่วลั่ว หากนางยังไม่รู้แล้วเซวียนหยวนผ้อจะรู้ได้อย่างไร หรือจะมีอะไรระหว่างเขากับองค์หญิงจริงๆ

สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่เซวียนหยวนผ้ออีกครั้ง

ในขณะที่คนมากมายต้องการให้เขาตอบ มีคนสำคัญหลายคนที่หวังว่าเขาจะไม่พูดออกมา

เซวียนหยวนผ้อไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรกัน และเขาก็ไม่คิดด้วยซ้ำก่อนที่จะตอบออกไป

“ข้ารู้สิ ทุกคนในสำนักฝึกหลวงก็รู้”

เขากล่าวอย่างซื่อตรง “องค์หญิงรักเจ้าสำนัก แล้วนางจะยินยอมแต่งให้กับคนอื่นได้อย่างไร”