เซวียนหยวนผ้อเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิตอย่างนั้นหรือ เขาชนะเก้าครั้งรวดเลยหรือ พรุ่งนี้เขาจะเข้าต้นไม้สวรรค์เพื่อรับการชำระจากเพลิงเถื่อนและการทดสอบของวิญญาณบรรพบุรุษใช่ไหม
ลั่วลั่วตกใจกับข่าวนี้จนนางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
นางรับผ้าไหมจากนางกำนัลหลี่และเช็ดน้ำชาแต่นางก็ไม่อาจที่จะคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมได้
นางรู้ว่าตอนที่ข่าวพิธีสวรรค์พิจิตแพร่ออกไป เซวียนหยวนผ้อต้องลงมือทำบางอย่างเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงส่งคนไปดูเขาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้ทำอะไรเลยช่วงสองวันมานี้ นางคิดว่าไม่มีอะไรให้นางต้องห่วงแล้ว นางจะคาดได้อย่างไรว่าเซวียนหยวนผ้อจะเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิตด้วยตัวเอง!
นางไม่อาจเข้าใจว่าทำไมเซวียนหยวนผ้อถึงเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิต
หากหยิบมีดทำครัวบุกเข้าวังหลวงมาช่วยนางน่าจะเหมาะกับนิสัยเขามากกว่า
“เจ้าโง่นี่พยายามทำอะไร”
นางกำนัลหนี่มองไปที่คิ้วขมวดมุ่นของลั่วลั่วและถอนหายใจอยู่ลึกๆ ในใจอย่างเป็นห่วง
นางคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งแต่ก็ยากที่จะยอมรับจริงๆ
เซวียนหยวนผ้อรักองค์หญิงอย่างนั้นหรือ
แต่องค์หญิงรักสังฆราช
ทำไมพวกคนในสำนักฝึกหลวงถึงได้เป็นแบบนี้กันหมดนะ
……
……
เมื่อได้ยินชื่อและความเป็นมาของเซวียนหยวนผ้อ คนนับไม่ถ้วนก็จ้องไปที่เขา
ชาวเมืองที่สวมชุดหรูหราของเมืองตอนบนและคุณหนูที่วางตัวเหินห่างต่างปากอ้าตาค้าง ตกตะลึงจนไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนพวกฝูงชนจากเมืองตอนล่างที่ตามเซวียนหยวนผ้อมาแม้เดาบางอย่างได้ก่อนแล้ว แต่ก็ยังยากที่จะสะกดความตื่นเต้นเอาไว้หลังจากทุกอย่างได้รับการยืนยัน
อีกด้านหนึ่งขุนนางที่ดูแลพิธีสวรรค์พิจิตมีสีหน้าน่าเกลียดอย่างที่สุด เขามองหน้าเซวียนหยวนผ้อที่ยังดูเยาว์วัยอย่างประหลาด น้ำเสียงเย็นเยียบเล็กน้อยตอนที่กล่าว “ทำไมเจ้ามาร่วมพิธีสวรรค์พิจิต”
ว่าตามเหตุผล คำถามนี้ไม่มีความหมายและไม่จำเป็นต้องถาม ทุกคนรู้ว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากการเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิต ไม่อย่างนั้นพวกยอดฝีมือรุ่นเยาว์เผ่าปีศาจจะรีบรุดมาเมืองไป๋ตี้ทำไม
แต่เมื่อเป็นเซวียนหยวนผ้อ คำถามนี้ย่อมมีความหมายที่ลึกกว่า และทุกคนก็ต้องการจะรู้คำตอบ
เพราะหากข่าวลือเป็นจริง เซวียนหยวนผ้อไม่เพียงเป็นศิษย์สำนักฝึกหลวง แต่ก็เป็นศิษย์ของลั่วลั่วอีกด้วย
“เจ้าตั้งใจจะแต่งกับองค์หญิงอย่างนั้นหรือ”
เจ้าหน้าที่จ้องไปที่ดวงตาของเซวียนหยวนผ้อ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธและรังเกียจ “อย่าลืมว่าถึงแม้จะไม่มีการบันทึกอย่างเป็นทางการแต่ทุกคนก็รู้ว่าเจ้ารับองค์หญิงเป็นอาจารย์ตอนอยู่ในสำนักฝึกหลวง!”
เรื่องอาจารย์ศิษย์กลายมาเป็นคู่ครองนั้นไม่ใช่ไม่เคยได้ยินมาก่อนบนต้าลู่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าฉลองแต่อย่างใด
และสำหรับศิษย์ที่คิดแบบนี้ย่อมไม่เหมาะสม
เซวียนหยวนผ้อตอบ “ได้เป็นศิษย์ขององค์หญิงคือเกียรติอันสูงสุดของข้า ไม่ว่าองค์หญิงจะยอมรับหรือไม่ ข้าจะเป็นศิษย์ของนางเสมอ”
เจ้าหน้าที่ยิ่งย้อนกลับมาอย่างเย็นเยียบและเกรี้ยวกราด “แล้วทำไมเจ้ายังเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิต! เจ้าคิดจะทำให้องค์หญิงอับอายหรือไง”
เซวียนหยวนผ้อตอบ “ข้าไม่เคยคิดที่จะแต่งกับองค์หญิง แล้วมันจะน่าอับอายตรงไหน”
เจ้าหน้าที่ถาม “เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเจ้ามาทำไม”
เซวียนหยวนผ้อครุ่นคิดกับคำถามนี้และตอบ “ข้ามาเพื่อก่อปัญหา”
เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงใจ น้ำเสียงหนักแน่น
เขาเหมือนกับลิงโคลนที่ไต่ออกมาจากนาข้าว เป็นตัวป่วนที่โดดลงมาจากต้นไม้ลงสู่ทะเลสาบ แต่เขาพูดราวกับบัณฑิตชรา
เจ้าหน้าที่ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “เจ้าต้องการอะไรนะ”
เซวียนหยวนผ้ออธิบาย “ที่ว่าก่อปัญหาก็คือข้าต้องการจะทำให้พิธีสวรรค์พิจิตไม่อาจดำเนินไปอย่างราบรื่น”
เจ้าหน้าที่พอจะเข้าใจอยู่บ้างว่าเขาต้องการอะไร “เจ้าไม่อยากให้องค์หญิงแต่งออกไปอย่างนั้นหรือ”
“ถูกต้อง” เซวียนหยวนผ้อหันกลับไปมองที่เสี่ยวเต๋อ องค์ชายรองของดินแดนต้าซีและพวกผู้ผ่านการคัดเลือกคนอื่นที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นก็มองสูงขึ้นไปบนเมืองพระราชวัง เขาประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่ว่าใครก็อย่าคิดแต่งกับองค์หญิงเพราะข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าชนะ”
ตรงหน้าเมืองพระราชวังเงียบมากและเสียงของเขาดังชัดเจน ทำให้มันแผ่ขยายไกลออกไป
เจ้าหน้าที่เย้ย “พิธีสวรรค์พิจิตคือวิญญาณบรรพบุรุษเลือกสามีให้กับองค์หญิง เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาห้าม”
เซวียนหยวนผ้อตอบ “ไม่มีใครมาตัดสินการแต่งงานขององค์หญิงได้ แม้แต่เพลิงเถื่อนในต้นไม้สวรรค์หรือวิญญาณบรรพบุรุษก็ไม่ได้”
บริเวณโดยรอบเกิดเสียงอื้ออึงขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้
เจ้าหน้าที่คนนั้นตัวสั่นและตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้ากล้าดูหมิ่นต้นไม้สวรรค์และลบหลู่วิญญาณบรรพบุรุษ!”
“หากมันเป็นการเลือกของเพลิงเถื่อนแห่งต้นไม้สวรรค์และวิญญาณบรรพบุรุษจริง พิธีสวรรค์พิจิตก็คงไม่ดำเนินไปอย่างนี้ เราคงไม่ทำการชำระด้วยเพลิงเถื่อนในขั้นที่สอง สิ่งที่เรียกว่าสวรรค์พิจิตก็ยังเป็นการเลือกของคน การแต่งงานขององค์หญิงก็ต้องให้องค์หญิงตัดสินใจเท่านั้น”
เซวียนหยวนผ้อมองขึ้นไปที่เมืองพระราชวังและกล่าว “ข้ารู้ว่าองค์หญิงไม่ยอมแต่งงานกับคนนอก”
ไม่ว่าขุนนางจะโมโหแค่ไหนหรือวังหลวงจะสูงและน่าเกรงขามเพียงใด เขาก็ยังคงสุขุมเยือกเย็น บางทีอาจดูทึมทึบอยู่บ้าง น้ำเสียงของเขาก็เป็นเช่นเดียวกัน แต่มันก็บรรจุไว้ด้วยพลังที่โน้มน้าวใจ
เสียงร้องสนับสนุนนับไม่ถ้วนดังขึ้นจากรอบเมืองพระราชวัง
เสียงนี้มาจากชาวเผ่าปีศาจธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นเมืองตอนบน ตอนกลางหรือตอนล่าง
เซวียนหยวนผ้อได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจของพวกเขา
มีข่าวลือว่าจักรพรรดินียืนกรานจะให้องค์หญิงลั่วลั่วแต่งกับญาติฝ่ายมารดาของนาง แต่เป็นเพราะสภาผู้อาวุโสคัดค้านอย่างแข็งขันจึงบีบให้นางต้องจัดพิธีสวรรค์พิจิตขึ้น ถึงอย่างนั้นนางก็ยังไม่เปลี่ยนใจ
จากที่เห็นองค์ชายรองของดินแดนต้าซีก็ยื่นอยู่ที่นี่ ตรงหน้าเมืองพระราชวัง
แล้วองค์หญิงลั่วลั่วจะแต่งกับคนนอกได้อย่างไร เขามีสิทธิ์อะไรจะมาเป็นจักรพรรดิขาวคนต่อไป
นี่เป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ในเผ่าปีศาจ แต่ความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดินีที่ปกครองมาหลายร้อยปีทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดออกมา
คำพูดของเซวียนหยวนผ้อทำให้พวกเขารู้สึกยินดีอย่างมาก
“คนที่เข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิตและผ่านการคัดเลือกชั้นแล้วชั้นเล่าจนมายืนอยู่ตรงนี้ได้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง เหมือนกับเจ้า”
เสียงยิ่งใหญ่ดังก้องมาจากจุดสูงสุดของเมืองพระราชวัง พุ่งผ่านเมฆมาถึงพื้นดิน
เมื่อจักรพรรดิขาวกักตนบำเพ็ญเพียร มีคนเดียวเท่านั้นที่จะส่งเสียงแทนเผ่าปีศาจทั้งมวลได้
เมืองพระราชวังเงียบไปในทันที
เผ่าปีศาจมากมายคุกเข่าหมอบลงกับพื้น
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าลั่วลั่วต้องการจะแต่งงานกับหนึ่งในคนพวกนี้หรือเปล่า”
คำถามนี้ทำให้เผ่าปีศาจหลายคนสับสนขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์พิจิตหรือการทดสอบจากวิญญาณบรรพบุรุษ องค์ชายรองของดินแดนต้าซีที่เป็นคนนอกย่อมไม่มีความได้เปรียบแม้แต่อย่างเดียว ข่าวลือนั่นไม่ถูกต้องหรือเปล่า หรือว่าผู้คนโทษจักรพรรดินีผิดไป
ถูกต้อง ทั่วทั้งต้าลู่รู้ว่าองค์หญิงลั่วลั่วเป็นลูกสาวคนเดียวของจักรพรรดินีและเป็นที่รักอย่างยิ่งเสมอมา แล้วจักรพรรดินีจะปฏิบัติกับนางไม่ดีได้อย่างไร นางน่าจะต้องการหาคู่สมรสที่ดีที่สุดให้องค์หญิงเท่านั้น
คิดดูแล้ว ฝูงชนมองดูเซวียนหยวนผ้ออย่างไม่สนใจอยู่บ้าง
‘หากเป็นแบบนี้ เจ้าก็ไม่ควรสร้างปัญหาอีกต่อไป’
เซวียนหยวนผ้อมองขึ้นไปที่เมืองพระราชวังและกล่าว “องค์หญิงไม่ชอบคนพวกนี้”
มู่ฮูหยินถามด้วยเสียงเย็นชา “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร”
นี่เป็นคำถามที่ตอบได้ยากมาก
มู่ฮูหยินเป็นมารดาของลั่วลั่ว หากนางยังไม่รู้แล้วเซวียนหยวนผ้อจะรู้ได้อย่างไร หรือจะมีอะไรระหว่างเขากับองค์หญิงจริงๆ
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่เซวียนหยวนผ้ออีกครั้ง
ในขณะที่คนมากมายต้องการให้เขาตอบ มีคนสำคัญหลายคนที่หวังว่าเขาจะไม่พูดออกมา
เซวียนหยวนผ้อไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรกัน และเขาก็ไม่คิดด้วยซ้ำก่อนที่จะตอบออกไป
“ข้ารู้สิ ทุกคนในสำนักฝึกหลวงก็รู้”
เขากล่าวอย่างซื่อตรง “องค์หญิงรักเจ้าสำนัก แล้วนางจะยินยอมแต่งให้กับคนอื่นได้อย่างไร”