เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1665
“ตาเฒ่าสุ่ยเหมี่ยว นายบอกว่าลู่ฝานสู้สุ่ยหมิงคงไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้นายมีอะไรจะพูดไหม”
ผู้อาวุโสหั่วยู่เฉินพูดแซะเล็กน้อย รอยยิ้มตรงมุมปากใกล้ฉีกถึงหูแล้ว
ตอนนี้ผู้อาวุโสสุ่ยเหมี่ยวพูดอะไรไม่ออกแล้ว ความสามารถในการทำความเข้าใจของลู่ฝานเหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้
เซียนบำเพ็ญชี่ทั่วไป ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วิถีอย่างเป็นทางการ ขั้นตอนที่ต้องผ่านยุ่งยากซับซ้อนมาก
อันดับแรกคือรู้วิถี เข้าใจวิถี บรรลุวิถี ได้รับวิถี หลังจากนั้นต้องควบคุมวิถี สร้างวิถี รวมวิถี สุดท้ายค่อยผสานวิถีเข้ากับร่างกาย
สุ่ยหมิงคงใช้เวลาสามปีทำสิ่งเหล่านี้ ตั้งแต่เขาเข้าสู่วิถีจนรวมเป็นร่างแห่งน้ำ
ในช่วงเวลานั้นตระกูลสุ่ยทุ่มสุดตัวเพื่อฟูมฟักดูแล สุดท้ายมาทำความเข้าใจที่สวรรค์ชั้นแปดจึงประสบความสำเร็จ
หลังจากทำความเข้าใจร่างแห่งน้ำแล้ว สุ่ยหมิงคงรีบออกจากสวรรค์ชั้นแปดทันที
เพราะวิถีที่นี่บริสุทธิ์และสมบูรณ์เกินไป
สุ่ยหมิงคงที่เพิ่งรวมร่างแห่งน้ำได้ ขืนอยู่ที่นี่ต่อไป อาจมีโอกาสโดนวิถีอื่นทำให้พังทลาย
เมื่อร่างกายยังไม่มั่นคง เขาไม่กล้าเหยียบมาที่สวรรค์ชั้นแปดอีกแม้แต่ก้าวเดียว
แต่ดูลู่ฝานสิ วิทยายุทธแค่เพิ่งเข้าสู่เซียนบำเพ็ญชี่ คิดไม่ถึงว่าจะผสานวิถีเข้ากับร่างกายได้
แม้ดูไม่ออกว่าตอนนี้ลู่ฝานผสานวิถีเข้ากับร่างกายถึงขั้นไหน ทำไมร่างกายถึงยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่การเคลื่อนไหวของวิถีเมื่อครู่ ไม่มีทางผิดแน่นอน
ในช่วงเริ่มแรกเซียนบำเพ็ญชี่ทั่วไปเห็นวิถีมากมายในฟ้าดิน ก็เพียงพอให้เขาประหลาดใจและตื่นเต้นแล้ว
อย่าว่าแต่ผสานวิถีเข้ากับร่างกายเลย แค่ควบคุมวิถีธรรมดาๆ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดความผิดพลาด ทำให้วิชาแว้งกัดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ดังนั้นหลังจากเข้าสู่ระดับเซียนบำเพ็ญชี่ โดยส่วนใหญ่จะเก็บตัวเป็นระยะเวลานาน
การทำความเข้าใจวิถีเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ความมั่นคงของพลังร่างกายจำเป็นต้องใช้เวลานานมาก
แต่เหมือนลู่ฝานไม่เห็นความสำคัญของร่างกายตัวเองเลย
คิดไม่ถึงว่าจะผสานวิถีเข้ากับร่างกาย โดยอาศัยพละกำลังของเซียนบำเพ็ญชี่ขั้นต้น
เขาไม่กลัวโดนแว้งกัดเหรอ
ไม่ใช่แค่สุ่ยเหมี่ยวที่คิดเช่นนี้ ผู้อาวุโสคนอื่นก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
พวกเขาไม่มีเวลาไปหัวเราะเยาะว่าสุ่ยเหมี่ยวดูคนไม่ออก ทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าหรอกนะ
พวกเขากำลังชื่นชมพรสวรรค์อันล้ำเลิศของลู่ฝาน คิดไม่ถึงว่าเพิ่งผสานวิถีก็กล้าเข้าใกล้ของศักดิ์สิทธิ์สามอย่างขนาดนี้ ไม่กลัววิถีรอบๆ ทำลายเขาหรือไง
ลู่ฝานค่อยๆ กำหมัด สูดหายใจลึก พยายามทำให้ตัวเองใจเย็น
เขาจากบ้านเกิดเมืองนอน ผ่านอุปสรรคต่างๆ นานา เผชิญอันตรายด้วยตัวคนเดียว เพื่อต้นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ซ่อมแซมสวรรค์นี่แหละ
ตอนนี้สิ่งที่ตัวเองถวิลหาค่ำเช้าอยู่ตรงหน้าแล้ว ลู่ฝานยับยั้งความตื่นเต้นในใจไม่ได้
ต้นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ซ่อมแซมสวรรค์งดงามอย่างไม่ต้องสงสัย บรรยายได้เพียงคำว่าสวยตระการตา
มันอยู่ตรงจุดที่วิถีแห่งฟ้าดินบรรจบกัน มีวิถีแห่งฟ้าดินไร้รูปร่างเคลื่อนไหวอยู่ในกิ่งก้านและราก
ถ้าไม่ใช่เพราะลู่ฝานเข้าสู่วิถีแล้ว คงมองไม่เห็นต้นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ซ่อมแซมสวรรค์
ข้างๆ ต้นไม้ยังมีของอีกสองอย่าง อย่างแรกคือผลไม้ที่ลอยอยู่หนึ่งผล ส่วนอีกอย่างคือหินที่วางอยู่บนพื้น
ผลไม้มีแสงสีทองสว่างออกมา สูงประมาณตัวคน รูปร่างเหมือนแอปเปิล มีแรงกระเพื่อมแผ่ออกมาตลอด แอบได้ยินเสียงสัตว์คำรามมากมายออกมาจากผลไม้
เจ้าหินน้อยอยู่ไม่ห่างจากแอปเปิลสีทอง มองแอปเปิลสีทองจนน้ำลายหก แต่วิถีแห่งฟ้าดินด้านหน้าขวางมันอยู่ ทำให้มันไม่กล้าเข้าไปข้างหน้าแม้แต่นิดเดียว
วิถีมากมายไหลเข้าไปในแอปเปิลสีทอง เหมือนกำลังใส่พลังเข้าไปให้มัน
อีกทั้งข้างๆ ผลไม้ยังมีหินสีดำขลับซึ่งไม่รู้ว่าเนื้อหินคืออะไร วางนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น วิถีแห่งฟ้าดินมากมายอยู่ห่างจากมันมาก รอบตัวมันคือความเวิ้งว้าง ลู่ฝานแอบรู้สึกว่ามันคือหินหรือเปล่าก็ไม่รู้