บทที่ 1082 อะแฮ่ม อะแฮ่ม อะแฮ่ม

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,082 อะแฮ่ม อะแฮ่ม อะแฮ่ม

“ไม่มีอะไรแล้วขอรับ เชิญผู้อาวุโสกลับไปเล่นต่อได้เลย ข้าน้อยจะขอยืนดูเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงรบกวนใด ๆ ทั้งสิ้น”

หลินเป่ยเฉินพูดออกมาหน้าตาเฉย

เฉินเซียวเยี่ยนหันไปมองหน้าผู้อาวุโสฉีและเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปฏิเสธหรือออกปากขับไล่หลินเป่ยเฉิน ดังนั้นเฉินเซียวเยี่ยนจึงกลับลงไปนั่งที่โต๊ะหมากล้อมเช่นเดิมอีกครั้ง

หลินเป่ยเฉินยืนถือกระบี่เฝ้าดูอยู่ข้างโต๊ะ

แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่การดูธรรมดา

แต่เด็กหนุ่มยังได้นำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแอปเทพโกะสะท้านฟ้า เลือกโหมดผู้เล่นเดี่ยว และปรับระดับความยากเป็นระดับมืออาชีพ

เขาเดินหมากในโทรศัพท์มือถือตามการวางหมากของผู้อาวุโสฉี

และเอไอของแอปเทพโกะสะท้านฟ้าก็จะเดินหมากตอบกลับมา

ในช่วงแรก การเดินหมากของเอไอ ไม่ได้ต่างอะไรจากการเดินหมากของเฉินเซียวเยี่ยน

นี่แสดงให้เห็นว่านักหลอมกระบี่อันดับหนึ่งแห่งใต้หล้ามีทักษะการเล่นหมากล้อมไม่ธรรมดาจริง ๆ

ใบหน้าของหลินเป่ยเฉินปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

บรรดามือกระบี่ที่อยู่ในโรงเตี๊ยมหันมองหน้ากัน

รวดเร็วเหลือเกิน

คุณชายหลินสามารถกวาดล้างกลุ่มอมนุษย์ผมขาวได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

เขาไปยังที่พักของกลุ่มอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กด้วยตัวเพียงคนเดียวกับกระบี่อีกหนึ่งเล่ม นอกจากสามารถกวาดล้างอีกฝ่ายได้สำเร็จแล้ว ยังขโมยหมูกลับมาได้อีกสี่ตัว…

แต่คราบเลือดที่อยู่บนเสื้อผ้าของเขานั้นมันน้อยนิดเกินไป…

เมื่อพวกเขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงต้องเดินเข้าไปสอบถามกับเหล่ามือกระบี่ที่ติดตามหลินเป่ยเฉินไปรับชมเหตุการณ์ด้วยความตื่นเต้น

“น่าสยดสยองเหลือเกิน”

“ข้านึกสงสารอมนุษย์ผมขาวเหล่านั้นขึ้นมาเลยละ”

“หลินเป่ยเฉินเกิดมาเพื่อฆ่าจริง ๆ”

“เสียดายท่านไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง เจ้าปีศาจน้อยบุกเข้าไปในที่พักของตัวประหลาดเหล่านั้น เขาตวัดกระบี่ฆ่าฟันพวกมันง่ายดายไม่ต่างจากต้นหญ้าข้างทาง ต่อให้มีพลังขั้นเซียนระดับสาม ก็ไม่อาจรอดพ้นกระบี่นี้ของหลินเป่ยเฉินไปได้”

“เห็นว่าพวกอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กมาครั้งนี้ มีขั้นเซียนระดับหกอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ?”

“นั่นก็ตายแล้วเช่นกัน ตายอย่างน่าอนาถที่สุด มันนึกว่าตนเองแข็งแกร่งเสียเต็มประดา สุดท้ายก็ถูกกระบี่สังหารหั่นศพเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย”

“นะ… นี่หลินเป่ยเฉินแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นเชียวรึ?”

“นั่นไม่เกี่ยวกับระดับพลังของเขาด้วยซ้ำ เหตุผลเป็นเพราะกระบี่ในมือปีศาจน้อยคมกริบมากเกินไปต่างหาก อมนุษย์ผมขาวมีโล่ชั้นยอดอยู่ในมือ แต่พวกมันก็ยังไม่สามารถต้านทานกระบี่ของหลินเป่ยเฉิน การต่อสู้ทั้งหมดกินเวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น… จุ๊ ๆๆ นับว่าทั้งสองฝ่ายยังห่างชั้นกันมากเกินไปจริง ๆ”

“แต่ขั้นเซียนระดับหกน่าจะงอกแขนขากลับมาใหม่ได้ไม่ใช่หรือ? ต่อให้ร่างกายถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก็ยังสามารถรวมร่างขึ้นมาใหม่ได้จากหยดเลือด”

“นั่นก็เป็นเพราะกระบี่ของหลินเป่ยเฉินยอดเยี่ยมมากเกินไปอีกแล้ว นอกจากสังหารร่างกายได้ ยังสลายวิญญาณได้อีกด้วย…”

“หา มันจะเป็นไปได้หรือ?”

“สมควรแล้วที่เป็นกระบี่เล่มสุดท้ายในชีวิตของผู้อาวุโสเฉิน”

“อมนุษย์ผมขาวเหล่านั้นล้วนตกตายด้วยกระบี่นี้… มันช่าง…ไร้เทียมทานจริง ๆ ฮ่า ๆๆ ข้ารู้สึกอยากหัวเราะอย่างไม่มีเหตุผลขึ้นมาซะอย่างนั้น”

“ใช่แล้ว หลายปีที่ผ่านมา ตัวประหลาดขนขาวเหล่านั้นก่อกรรมทำเข็ญมากเกินไป โดยเฉพาะกับมนุษย์อย่างพวกเรา ได้ยินมาว่าพวกมันชอบจับตัวมนุษย์และเลี้ยงเด็กน้อยไว้ในเขตแดนของตนเองเพื่อเป็นอาหารด้วยนะ… ตายได้ก็ประเสริฐแล้ว”

“แต่พูดมาถึงตรงนี้ ข้าก็รู้สึกเวทนาพวกมันจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง? ฮ่า ๆๆ หลินเป่ยเฉินจะถือกระบี่ของเขาไปกวาดล้างพวกตัวชั่วร้ายกลุ่มไหนอีก…”

“ข้าอยากให้เขาไปกวาดล้างพวกอสูรผีดิบ”

“อ้อ จริงด้วยสิ พอเขาสังหารอมนุษย์ผมขาวเหล่านั้นแล้ว หลินเป่ยเฉินได้ตรวจค้นซากศพหาของมีค่าหรือไม่?”

“เรื่องนี้ยังจะต้องถามด้วยหรือ? เจ้าไม่เห็นห่อของที่เขาลากกลับมาด้วยหรืออย่างไร? สิ่งที่อยู่ในห่อผ้าเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสมบัติของขั้นเซียนระดับหก และไม่ว่าจะเป็นสิ่งของมีค่าใด ๆ หากหลินเป่ยเฉินพบเจอ เขาก็จะหยิบติดมือกลับมาไม่มีเหลือ!”

“แล้วเขาได้ตัดศีรษะแทงหัวใจตัวประหลาดเหล่านั้นหรือไม่?”

“เรื่องนี้ไยต้องถาม? นั่นคือประเพณีของเขาไม่ใช่หรือ?”

“น่าขนลุกยิ่งนัก”

เมื่อพูดคุยมาถึงตรงนี้ บรรดามือกระบี่ที่ยืนรวมตัวกันอยู่ในโรงเตี๊ยมก็พร้อมใจกันจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินราวกับพบเห็นปีศาจร้ายตนหนึ่ง

เด็กหนุ่มผู้นี้ พวกเขาไม่ควรไปมีปัญหาด้วยเด็ดขาด

หลังจากนั้น กลุ่มมือกระบี่ก็นำเรื่องราวที่ตนเองได้ยินไปถ่ายทอดบอกกันปากต่อปาก

ข้อมูลทั้งหมดยืนยันได้เรื่องหนึ่งว่า…

กลุ่มอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กถูกกวาดล้างไปหมดสิ้น

“แล้วหมูสี่ตัวนั้นคืออะไร?”

ใครคนหนึ่งถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“อ้าว? เจ้าดูไม่ออกหรือ? นั่นมันก็หมูลากเรือเหาะไงเล่า”

“หมูลากเรือเหาะอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่แล้ว พวกมันคือหนึ่งในสิบสุดยอดสัตว์อสูรแห่งแผ่นดินใหญ่ ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่บินได้เร็วที่สุดชนิดหนึ่ง ผู้คนจึงนำมันมาใช้ฉุดลากเรือเหาะ และหมูทั้งสี่ตัวนี้ก็เป็นหมูที่พวกตัวประหลาดเช่ามาจากหอการค้าสุกรบิน แต่สุดท้ายก็ตกมาอยู่ในมือของหลินเป่ยเฉินไปเสียแล้ว”

ระหว่างที่กลุ่มคนกำลังพูดคุยกันอยู่นี้ อาจารย์และลูกศิษย์สาวจากสำนักคฤหาสน์กำยานก็เดินทางกลับมาถึงที่โรงเตี๊ยมพอดี

บนเวที

การเดินหมากยังคงดำเนินต่อไป

การวางหมากของเฉินเซียวเยี่ยนเชื่องช้าลงเรื่อย ๆ

เมื่อถึงการวางหมากตัวที่ 11 ชายชราก็กำลังจะวางหมากผิดไปจากตำแหน่งของเอไอในแอปเทพโกะสะท้านฟ้า

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว

เกิดอะไรขึ้น?

แอปเทพโกะสะท้านฟ้าคงไม่ได้ประมวลผลผิดพลาดแน่ ๆ

ดังนั้น เท่ากับว่าผู้อาวุโสเฉินกำลังจะเดินหมากผิดพลาดใช่หรือไม่?

เมื่อเห็นว่าชายชรากำลังจะวางหมากลงไปในตำแหน่งนั้นจริง ๆ หลินเป่ยเฉินก็ส่งเสียงกระแอมไอขึ้นมาดังผิดปกติ หลังจากนั้น เขาก็ถอนหายใจยาวแรง

การเคลื่อนไหวของเฉินเซียวเยี่ยนหยุดชะงักลงทันที

เขาเงยหน้าขึ้นและหันมามองที่หลินเป่ยเฉินโดยไม่รู้ตัว

เด็กหนุ่มถอนหายใจพร้อมกับส่ายศีรษะ

เฉินเซียวเยี่ยนขมวดคิ้ว

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของผู้อาวุโสฉีขณะกล่าวออกมาว่า “อะไรกัน? อย่าบอกนะว่าหัวหน้านักบวชหลินก็ชำนาญการเดินหมากด้วย?”

หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่มตอบกลับไปว่า “ไม่ชำนาญหรอกขอรับ ไม่ชำนาญหรอก อิอิ”

เฉินเซียวเยี่ยนไม่พูดอะไร กำลังจะวางหมากของตนเองลงไปที่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

“อะแฮ่ม อะแฮ่ม อะแฮ่ม…”

หลินเป่ยเฉินส่งเสียงไอออกมาอย่างรุนแรงราวกับว่ามีอะไรติดคออยู่ก็ไม่ปาน

เฉินเซียวเยี่ยนชะงักมือและหันมามองที่เด็กหนุ่มอีกครั้ง “คุณชายมีปัญหากับการเดินหมากตานี้ของผู้เฒ่าอย่างนั้นหรือ?”

หลินเป่ยเฉินลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหน้าผู้อาวุโสฉีและถามว่า “กราบขออภัย… ไม่ทราบว่าผู้เยาว์ขอให้คำแนะนำได้หรือไม่?”

“ย่อมได้”

นอกจากผู้อาวุโสฉีจะไม่ปฏิเสธแล้ว กลับยังมีสีหน้าตื่นเต้นอีกด้วย

“ผู้อาวุโสฉี เรื่องนี้… ไม่เป็นไรจริงหรือ?”

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินเซียวเยี่ยน

ผู้อาวุโสฉียกขวดน้ำเต้าขึ้นดื่มสุราอีกครั้ง ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเริงร่า “เจ้าหลอมกระบี่ให้เขา กระบี่นั้นมีโลหิตของเจ้ารวมอยู่ด้วย นี่เท่ากับเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของเจ้าเช่นกัน เพราะฉะนั้น เขาจึงสามารถเล่นหมากตานี้ได้โดยไม่ผิดกฎ”

เฉินเซียวเยี่ยนนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด

“ในความเห็นของคุณชาย ผู้เฒ่าควรวางหมากตัวนี้ลงไปที่ตำแหน่งใด?” เขามองไปที่หลินเป่ยเฉินด้วยความสงสัย

“อาจบางที…”

หลินเป่ยเฉินใช้นิ้วจิ้มลงไปบนตำแหน่งหมากสีดำที่ปรากฏในแอปเทพโกะสะท้านฟ้า “ผู้อาวุโสสมควรวางลงตำแหน่งนี้ดีหรือไม่?”

เฉินเซียวเยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย

ตำแหน่งนั้นที่เด็กหนุ่มชี้ลงไปบนกระดาน…

มันดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

แต่ใช่แล้ว มีเพียงตำแหน่งนี้เท่านั้นจึงดีกว่าตำแหน่งก่อนหน้าที่ชายชราเลือก

หัวสมองที่ตื้อตันพลันปลอดโปร่งขึ้นมาในพริบตา

เฉินเซียวเยี่ยนหันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อ จากนั้นจึงวางหมากลงไปตามตำแหน่งที่เด็กหนุ่มแนะนำ

“น่าสนใจ ฮ่า ๆๆ น่าสนใจอย่างยิ่ง”

ใบหน้าของผู้อาวุโสฉีก็ปรากฏความประหลาดใจเช่นกัน

ในที่สุด เซียนหมากล้อมผู้ไร้เทียมทานอย่างเขาก็ได้พบเจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว

โดยไม่ต้องคิด ผู้อาวุโสฉีวางหมากตัวต่อไปของตนเองลงไปทันที

เฉินเซียวเยี่ยนหยุดชะงักเล็กน้อยและใช้ความคิดอย่างเคร่งเครียด

ก่อนวางหมากลงไป เขาไม่ลืมชำเลืองมองหลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มยืนสีหน้าไร้อารมณ์ไม่ตอบสนอง

เฉินเซียวเยี่ยนจึงวางหมากลงไปในตำแหน่งที่ตนเองเลือก

การเดินหมากดำเนินต่อไปอีกสี่ตัว หลินเป่ยเฉินไม่ได้ยื่นมือเข้าไปแทรกแซงอีก

เพราะว่าการเลือกตำแหน่งหลังจากนั้นของเฉินเซียวเยี่ยนล้วนแต่ตรงกับตำแหน่งที่ปรากฏในแอปเทพโกะสะท้านฟ้าทั้งสิ้น