เมื่อได้ยินเรื่องราวจากปากของเจ้าจ่าฝูงมารนรกนี้เย่หยวนก็ยิ่งต้องขมวดคิ้วแน่น
ลี่เอ๋อยังไม่ตาย!
แต่ลี่เอ๋อถูกจับไว้!
และเหล่ามารนรกทั้งหลายกลับคิดจะส่งลี่เอ๋อกลับไปยังมิตินรก!
แต่ด้วยตำแหน่งของเจ้ามารนรกนี้มันย่อมจะไม่รู้เรื่องราวถึงเหตุผลที่แท้
เหล่ามนุษย์ที่เคยเข้ามายังถ้ำนิลเพลิงนี้ต่างถูกฆ่าตายกลายเป็นอาหารมารนรกสิ้น
มีเพียงลี่เอ๋อที่ถูกปล่อยให้รอด!
มันย่อมจะต้องมีเรื่องราวมากมายกว่านี้ซ่อนอยู่แน่นอน
แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้ยินเรื่องของมิตินรกใดๆ นี้แต่เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันคงเป็นฐานหลักของเหล่ามารนรกทั้งหลายนี้เป็นแน่แล้ว!
หากลี่เอ๋อถูกจับไปแล้วไม่ว่าเขาจะมีความสามารถเก่งกาจหรือเส้นสายใหญ่โตปานใดมันก็คงไม่อาจจะช่วยเหลือนางได้
เย่หยวนนั้นเข้าใจว่าในมิตินรกนั้นมันคงมียอดฝีมืออยู่มากล้น
ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่เผ่ามังกรจะทำแค่ปิดผนึกถ้ำเนตรมังกรไว้?
ในเวลานี้จิตใจของเย่หยวนมันรุ่มร้อนดั่งถูกไฟสุม
แต่ในเวลานี้เจิ้งหยูเฟิงก็ได้เข้ามาพยายามปลอบบอก “พี่เย่ เรื่องของศิษย์น้องเมิ่งลี่นั้นสวรรค์ย่อมจะมีตาช่วยให้นางพ้นภัยไปบ้าง!”
เย่หยวนจึงได้แต่พยายามกดความรุ่นร้อนในใจลงและหันไปตอบ “ขอบคุณศิษย์พี่เจิ้งที่อวยพร! มาถึงตรงนี้แล้วข้าเชื่อว่าทุกคนก็คงได้เห็นถึงเรื่องราวภายในถ้ำนิลเพลิงนี้ ขืนเดินทางเข้าไปลึกกว่านี้แล้วข้าเกรงว่ามันจะไม่มีใครสามารถกลับออกไปได้อีก ให้การสำรวจของเรามันสิ้นสุดลงเท่านี้เถอะ!”
เหล่าผู้นำทั้งหลายต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเย่หยวน
ที่เช่นนี้พวกเขาย่อมจะไม่มีใครอยากอยู่ต่อไปอีกแม้แต่เสี้ยววินาที
หากมิใช่เพราะเย่หยวนแล้วพวกเขาทั้งหลายคงตายลงไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
เจิ้งหยูเฟิงนั้นได้แต่ถอนหายใจ “มันคงมีแค่ทางเลือกนี้”
แต่จู่ๆ ทางหลินฉางชิงกลับเดินขึ้นมาชี้หน้าว่าเย่หยวนอย่างไม่พอใจ “เย่หยวนเจ้าคนขี้ขลาด! เจ้าคิดจะทิ้งศิษย์น้องเมิ่งลี่ไว้เช่นนี้หรืออย่างไร?”
นั่นทำให้สายตาของคนทั้งหลายต่างหันมามองดูหลินฉางชิงตามๆ กัน เพราะการตัดสินใจของเย่หยวนนี้มันย่อมจะเป็นเรื่องสุดแสนปกติ
เดินทางลึกเข้าไปต่อนี้มันจะต่างอะไรจากการเอาชีวิตไปทิ้งเล่า?
หลินฉางชิงนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยความกังวลอย่างไม่ได้คิดหน้าคิดหลังใดๆ
แต่เย่หยวนกลับไม่คิดสนใจหลินฉางชิงและหันไปยกมือขึ้นคารวะเหล่าผู้นำกำลังของค่ายสำนักทั้งหลาย “พี่น้องทั้งหลาย เราคงต้องแยกทางกันตรงนี้แล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคนทั้งหลายต่างก็ต้องผงะไป มันหมายความว่าอย่างไร?
เจิ้งหยูเฟิงจึงได้หันมาถามขึ้น “พี่เย่ ท่านจะไม่กลับไปกับเราหรือ?”
เย่หยวนจึงส่ายหัวออกมา “ลี่เอ๋ออยู่ในอันตราย มีหรือที่เย่คนนี้จะทิ้งนางไปได้? ต่อให้ชีวิตนี้จะหาไม่แต่ข้าก็ต้องช่วยเหลือนางออกมาให้ได้!”
ความหนักแน่นในดวงตาของเย่หยวนนี้มันทำให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายได้แต่เบิกตามอง
มันเป็นเวลานี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้เข้าใจถึงความหมายในคำพูดที่เย่หยวนกล่าวออกมาตั้งแต่ตอนแรก
ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่โง่งมในความรักนัก!
เจิ่งหยูเฟิงนั้นได้แต่ต้องรีบกล่าวขึ้นขัด “พี่เย่ มันมิใช่ว่าเจิ้งผู้นี้ไม่ห่วงเรื่องศิษย์น้องเมิ่งลี่ เพียงแค่ว่าท่านเองก็เห็นมิใช่หรือ? เดินทางเข้าไปต่อมันมีแต่จะตายกับตาย! การเอาตัวเอาไปเผชิญหายนะเช่นนี้มันจะคุ้มค่าหรือ?”
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไปพร้อมส่ายหัว “มันไม่มีคำว่าคุ้มหรือไม่คุ้มใด มันมีแค่ว่าจะทำหรือไม่ทำเท่านั้น พี่น้องทั้งหลาย ข้าขอตัวลา”
พูดจบเย่หยวนก็เดินพาตัวจ่าฝูงมารนรกนั้นเดินจากไป
หลินฉางชิงนั้นผงะไปชั่วครู่ก่อนจะสะดุ้งตัวร้องตามเย่หยวนขึ้น
“ข้าไปด้วย!” หลินฉางชิงนั้นกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าหนักแน่น
แต่เย่หยวนกลับหันมาหาหลินฉางชิงด้วยสายตาเย็นชา “หากข้าไปเองแล้วข้าย่อมจะพอหาทางรอดได้ แต่หากพาเจ้าไปด้วย… ทางรอดของข้านั้นมันย่อมจะหายลงไป หากเจ้ายังคิดจะเข้าไปอีกเจ้าก็จงเดินทางไปเองของเจ้าเถอะ ข้าเองก็ไม่คิดจะขัดใดๆ เพียงแค่ อย่า-ตาม-ข้า-มา!”
พูดมาถึงช่วงหลังเย่หยวนก็เน้นเสียงแสดงความหนักแน่นออกมา
คำพูดของเขานี้มันสื่อความหมายอย่างชัดเจนว่าพาเจ้าไปก็เป็นตัวถ่วงเปล่าๆ!
หลินฉางชิงนั้นได้แต่ยืนนิ่งพร้อมหน้าขาวซีด รู้สึกราวกับว่าร่างกายนี้จะหมดแรงลงสิ้น
หากเป็นก่อนหน้าใครมาพูดเช่นนี้ใส่ตัวเขา เขาคงชักดาบฟันหน้าอีกฝ่ายไปแล้ว
แต่เวลานี้เมื่อได้รู้ถึงวิธีการมากมายที่เย่หยวนใช้ออกมา ความมั่นใจใดๆ ของเขาที่เคยมีมันก็จางหายไปสิ้นอย่างไม่เหลือแม้เศษซาก
จนสุดท้ายเขาจึงได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว!”
พูดจบทางหลินฉางชิงก็หันหน้าเดินจากไปด้วยท่าทางสุดหม่นหมองอย่างยากจะบรรยาย
มันเป็นภาพที่แม้แต่เย่หยวนยังต้องส่ายหัวออกมาเมื่อเห็นสภาพของหลินฉางชิงนั้น
เขาย่อมจะพอเข้าใจความคิดของหลินฉางชิงได้ เพียงแค่ว่าสายสัมพันธ์ของตัวเขาและลี่เอ๋อนั้นมันยากเกินกว่าที่คนทั้งหลายจะเข้าใจ
หลินฉางชิงเองก็เป็นได้แค่คนที่เดินผ่านทางมาเท่านั้น
เจิ้งหยูเฟิงเองก็ได้แต่ส่ายหัวออกมาตามเมื่อเห็นภาพตรงหน้าอย่างไม่รู้ต้องพูดกล่าวใดๆ
หากจะพูดถึงหลินฉางชิงแล้วเขาย่อมจะมั่นใจในพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มมาก ในหมู่ศิษย์พี่น้องทั้งหลายนี้มันไม่มีใครจะเทียบเคียงเขาได้
แต่น่าเสียดายที่คู่แข่งของเขามันเป็นเย่หยวน!
ต่อหน้าสัตว์ประหลาดเช่นนี้แล้วต่อให้จะมีพรสวรรค์ล้นฟ้าแล้วมันจะมีค่าใด?
จากนั้นเย่หยวนก็ได้พาตัวเจ้ามารนรกเดินหายไปจากสายตาของทุกผู้คน
เจิ้งหยูเฟิงเองก็ไม่กล้าจะอยู่ต่อให้นานไปกว่านี้รีบถอนกำลังของคนทั้งหลายออกไปจากถ้ำทันที
หลังจากผ่านไปได้ราวหนึ่งชั่วโมงในที่สุดเย่หยวนก็ได้หยุดเท้าลงและหันมาถามเจ้ามารนรก “เจ้ามีนามหรือไม่?”
เจ้าจ่าฝูงมารนรกนั้นจึงตอบกลับมาด้วยท่าทางหมดแรงขัดขืน “ข้าน้อยมีนามว่าโม่เฉี่ยวซือ”
เย่หยวนจึงได้พยักหน้าออกมา “จากวันนี้ไปเจ้าจะเป็นทาสของข้า! เอาล่ะ มาทำสัญญากลืนมารกัน!”
โม่เฉี่ยวซือที่ได้ยินต้องจ้องมองเย่หยวนด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เขานั้นไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะรู้จักถึงขั้นสัญญากลืนมาร
มีหรือที่โม่เฉี่ยวซือจะรู้ว่าเย่หยวนนั้นไล่ฆ่าสังหารและพูดคุยกับเหล่ามารนรกทั้งหลายในถ้ำเนตรมังกรมานับสิบปีจนได้รู้เรื่องราวพื้นฐานของมารนรกเกือบทั้งสิ้น
สัญญากลืนมารนี้เองก็ไม่ได้ต่างจากสัญญาทาสของมนุษย์
หากสัญญานี้ถูกทำขึ้นแล้วเจ้ามารนรกตัวนั้นก็จะต้องทำตามคำของฝ่ายที่เป็นนายอย่างไม่อาจขัดขืนได้
หากมีความคิดที่จะขัดขืนแม้แต่น้อยแล้วพวกมันก็จะถูกพลังของสัญญานี้ทำลายจนตายลงอย่างน่าสมเพช
ภายใต้สถานการณ์ปกติแล้วมารนรกทั้งหลายย่อมยอมตายดีกว่าจะยอมเป็นทาสของสัญญากลืนมาร
เพียงแค่ว่าเมื่อนึกถึงวิธีการข่มขู่ของเย่หยวน โม่เฉี่ยวซือก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
“ต่อให้เราจะทำสัญญากลืนมารกันจริงท่านก็คงไม่อาจจะไปช่วยเด็กสาวคนนั้นได้! ลึกเข้าไปจากนี้มันก็มีท่านเทพสวรรค์ขั้นปลายทั้งหลายอยู่ ทั้งภายในส่วนลึกสุดยังมีเหล่าท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์เฝ้าไว้! ต่อให้ท่านจะไปมันก็ไม่อาจจะช่วยเหลือใดๆ ได้แน่!” โม่เฉี่ยวซือได้แต่กัดฟันพูด
เย่หยวนมองดูที่ตัวเขาอย่างเย็นเยือก “เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลแทนข้า เลือกมาว่าจะตายหรือจะทำสัญญากลืนมารกับข้า”
ศักดิ์ศรีนั้นเมื่อเสียไปแล้วมันก็มีแต่จะเสียมากขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้พลังของเย่หยวนนี้สุดท้ายโม่เฉี่ยวซือก็ต้องยอมทำสัญญากลืนมารกับเย่หยวนไป
“นายท่าน!” โม่เฉี่ยวซือก้มลงเรียกเย่หยวนด้วยท่าทางสุดแสนเคารพ
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะเปลี่ยนคลื่นพลังบนร่างกาย
เวลานี้พลังชั่วร้ายหนักหน่วงพุ่งพวยออกมาจากร่างของเย่หยวนจนหุ้มร่างนั้นไว้อย่างมิดชิด
พร้อมๆ กันนั้นในทุกๆ รูขุมขนของเย่หยวนมันก็ได้มีขนสีดำงอกขึ้นมาปกคลุม
เวลานี้เขาดูไม่ต่างจากมารนรกแม้แต่น้อย
เหล่ามารนรกนั้นไม่มีรูปร่างที่แน่นอน พวกที่มีรูปร่างคล้ายคนก็มีไม่น้อย
“น-นายท่าน นี่มัน… จะเหนือล้ำเกินไปแล้ว!” โม่เฉี่ยวซือร้องบอกขึ้นมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
มนุษย์กลับกลายร่างเป็นมารนรกไปต่อหน้าต่อตาเขา
ต่อให้จะเป็นมารนรกระดับเทพสวสรรค์หกดาวอย่างตัวเขานี้ก็ไม่อาจจะแยกออกได้แม้แต่น้อย!
เจ้านายคนนี้ของเขามันเป็นตัวอะไรกันแน่?
เย่หยวนที่จัดการเรื่องราวเสร็จได้หันหน้ามาถาม “เจ้าคิดว่าเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายจะมองข้าออกหรือไม่?”
โม่เฉี่ยวซือส่ายหัวออกมาทันที “ไม่มีทางมองออกได้! ไม่ว่าจะมองอย่างไรนายท่านก็เป็นมารนรกอย่างแน่นอน พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่อาจแยกท่านออกจากมารนรกทั่วไปได้แน่!”
เย่หยวนจึงพยักหน้ารับ “เช่นนั้นก็ดี เจ้าเก็บผลึกมารดำทั้งหลายนั้นไปและรีบฟื้นฟูพลังบ่มเพาะเสีย”
………………