บนทางขึ้นเขาขรุขระ ชายหนุ่มชุดแดงแปดคนเดินเบิกทางอยู่ด้านหน้า ด้านหลังเป็นเกี้ยวสมบัติหลังหนึ่ง

ชายหนุ่มชุดแดงแปดคนมีรูปลักษณ์แตกต่างกันไป แต่กลิ่นอายล้วนแข็งกล้าจนผิดธรรมดา ประหนึ่งอสูรที่เพิ่งเดินออกมาจากภูเขาศพทะเลเลือด ก้าวย่างมั่นคง ปีนขึ้นเขาราวกับเดินบนพื้นราบ

เกี้ยวสมบัติเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างทรงพลัง รัศมีเทพนน่าตื่นตะลึงไหววูบ มีแสงงดงามไหลหลั่งแยกห้วงอากาศทุกที่ที่ผ่าน ดูน่าตื่นตาตื่นใจอย่างประหลาด

เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น กลุ่มคนเหล่านี้ก็มาถึงบริเวณไหล่เขา

เหล่าผู้ฝึกปราณที่อยู่ไหล่เขาต่างสูดหายใจหนาวเยือก ชายหนุ่มชุดแดงแปดคนนั้น กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากแต่ละคนล้วนแข็งกล้าถึงที่สุด กดดันจนหลายคนหลายใจลำบาก

แต่ที่น่าตื่นตาที่สุดก็คือเกี้ยวสมบัติหลังนั้น ดุจดั่งหลอมจากเหล็กเทพเจ็ดสี แสงนิลหมุนวน ถึงกับทำให้พลังมหามรรคบนภูเขาพุ่งกระจาย ไม่อาจกีดขวางไว้ได้

นี่เป็นสมบัติที่หายากยิ่งชิ้นหนึ่ง บนนั้นสลักภาพร้อยปีศาจบรรพกาลไว้ ยิ่งมีภาพหมื่นวิญญาณบูชาฟ้าดิน

พร้อมๆ กับที่เกี้ยวสมบัติหลังนี้มาถึง ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงล้วนปริแตกออก ปรากฏเป็นรอยแยกใหญ่สีดำรอยแล้วรอยเล่า รูปการณ์น่าหวาดหวั่น

ภาพนี้ทรงพลังเกินไปแล้ว ประหนึ่งผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่คับฟ้าคนหนึ่งมาเยือน ทำให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่บริเวณนั้นไม่น้อยต่างใจสั่น สีหน้าเปลี่ยนแปลง

แม้แต่พวกฉีชงโต้วก็นัยน์ตาหดรัด สีหน้าหนักอึ้ง

‘เกี้ยวสมบัติกระพรวนทอง! นี่เป็นพาหนะของจินเซี่ยวหมิง ลูกหลานเผ่างูราชันทองคำ!’ มีคนจำฐานะของอีกฝ่ายได้ สื่อจิตเตือนทุกคน

ทันใดนั้นพวกฉีชงโต้วก็หน้าเปลี่ยนสีไปอีก จินเซี่ยวหมิง เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณผู้หนึ่ง! ระยะนี้มีชื่อเสียงยิ่งนัก ก่อคลื่นลมไม่รู้เท่าไร

เห็นได้ชัดว่าหลังจากข่าวเรื่องงานชุมนุมพันกระแสนี้กระจายออกไป ก็ดึงดูดให้สัตว์ประหลาดยุคโบราณมาเยือน และไม่ได้มาดีเสียด้วย!

ตามการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน ความจริงแล้วช่วงที่ผ่านมานี้ขอเพียงมีบางสถานที่จัดงานชุมนุมผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์ ก็จะมีสัตว์ประหลาดยุคโบราณมาท้าทายถึงที่

และด้วยเหตุนี้ ผู้มีความสามารถโดดเด่นรุ่นเยาว์ในสี่แดนวิภูจึงถูกสัตว์ประหลาดยุคโบราณกำราบ ถูกเหยียดหยามไม่รู้เท่าไร

พูดอย่างไม่เกินเลยได้ว่า ในช่วงนี้ผู้กล้ายุคปัจจุบันแทบต้านไว้ไม่ได้ เกือบจะถูกสัตว์ประหลาดยุคโบราณข่มจนเชิดหน้าไม่ขึ้น

และตอนนี้จินเซี่ยวหมิงโดยสารเกี้ยวสมบัติกระพรวนทอง พร้อมพาพลรบชุดแดงแปดคนขึ้นเขามาด้วย ย่อมไม่ได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนมรรคแน่นอน

“ขอถามว่าทุกท่านมาด้วยเรื่องใด” มีคนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ถามเสียงต่ำ ดูระแวงระวังและหวั่นกลัวหาใดเทียบ

“ได้ยินว่างานชุมนุมใหญ่พันกระแสนี้จัดขึ้นโดยหมีเหิงเจิน แต่ตอนนี้ดูแล้วกลับน่าผิดหวัง ก็ไม่เห็นพิเศษอะไร เป็นเพียงงานรวมตัวของพวกอ่อนหัดเท่านั้น”

เสียงเฉยชาเย็นเยียบเสียงหนึ่งดังขึ้นจากเกี้ยวสมบัติ ตัวเกี้ยวสมบัติถูกม่านบังไว้ ไม่อาจมองทะลุถึงรูปลักษณ์ของผู้เป็นนายที่อยู่ภายในนั้น

ครู่เดียวบรรยากาศในที่นั้นก็เงียบเชียบลง ไม่ต้องเอ่ยถามก็รู้ว่าผู้มาเยือนไม่ได้มาดี แต่ตั้งใจมาหาเรื่อง

หลายคนสีหน้าอึมครึมลง หลินสวินก็ประหลาดใจอยู่บ้าง นี่ก็คือท่าทีของสัตว์ประหลาดยุคโบราณหรือ บ้าระห่ำเสียจริง

“หมีเหิงเจินล่ะ ให้เขาออกมาพบข้าที”

ในเกี้ยวสมบัติ เสียงเฉยชาเยียบเย็นดังขึ้นอีกครั้ง

“ตอนนี้ศิษย์พี่หมีไม่อยู่ หากสหายยุทธ์ไม่มีเรื่องอื่นก็ขอให้จากไป งานชุมนุมคราวนี้ไม่ต้อนรับคนนอก”

ฉีชงโต้วสูดหายใจลึก เอ่ยปากไล่แขก

“ใช่ พวกเราไม่ต้อนรับพวกเจ้า เชิญออกไปเถอะ!”

คนอื่นพากันเอ่ยปาก สีหน้าหวาดกลัวหาใดเทียบ และแบ่งแยกอย่างไม่ปิดบัง

“หนวกหู!”

ทันใดนั้นเสียงเรียงเฉยชาเย็นเยียบนั้นตะคอกขึ้น เสียงราวอสนีบาตแผ่กระจายสะเทือนเลื่อนลั่น ไม่เพียงกดทับเสียงในที่นั้นไว้ ยังทำให้ผู้ฝึกปราณไม่น้อยหูอื้อ เลือดลมแปรปรวนไปทั้งร่าง

“ทำไม พวกเจ้ายังกล้าทำร้ายกันหรือ”

ฉีชงโต้วสีหน้าเคร่งขรึม

“ทำร้ายหรือ เปล่านี่ ข้าแค่มาทดสอบว่าเจ้าพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างพวกเจ้าจะมีน้ำยาแค่ไหน!”

ในเกี้ยวสมบัติคนผู้นั้นกล่าว

เสียงพูดเพิ่งเงียบลง ชายหนุ่มชุดแดงแปดคนก็ยืนขึ้น ดวงตาราวคมดาบกวาดมองทั่วทุกแห่ง แผ่กลิ่นอายพิฆาตน่าหวาดหวั่นออกมา

“ข้าก็ไม่ได้มารังแกพวกเจ้า พวกเจ้าจงเลือกคนออกมาประลองกับใครสักคนในหมู่พลรบทั้งแปดของข้านี้! หากไม่ทำตาม งานชุมนุมของพวกเจ้าครั้งนี้ก็จัดต่อไปไม่ได้แล้ว”

ในเกี้ยวสมบัติ เสียงเฉยชาเผยให้เห็นความดูแคลน

ยามนี้เหล่าผู้ฝึกปราณที่อยู่บนแท่นมรรคอย่างพวกฉีชงโต้วต่างสีหน้าเคร่งเครียด คับข้องใจนัก ในหมู่พวกเขาไม่ขาดยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่อยู่บนกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ แต่ตอนนี้กลับถูกดูแคลนเช่นนี้

เจ้านายไม่ปรากฏตัว จะให้ข้ารับใช้ของเขาลงมือเสียอย่างนั้น!

“น่าชังนัก!” มีคนกัดฟัน

นี่ย่อมเป็นการเหยียดหยามอย่างหนึ่ง ให้ข้ารับใช้มาประชันพลัง เป็นการดูแคลนพวกเขาที่อยู่ในที่นี้ครั้งใหญ่ที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย

“ไม่พอใจหรือ” ชายหนุ่มชุดแดงผู้หนึ่งน้ำเสียงดุดัน “ด้วยฐานะกับพลังของพวกเจ้า ไม่คู่ควรมาแลกเปลี่ยนวิชากับเจ้านายของพวกเราหรอก จะต่อกรกับพวกเจ้า พวกเราแปดคนก็เหลือแหล่แล้ว!”

วาจานี้ช่างหยิ่งผยองจองหอง ข้ารับใช้ผู้หนึ่งยังกล้าดูถูกทุกคนที่อยู่ในที่นั้น ไม่ว่าใครก็ต้องโกรธเคือง

ทุกคนต่างสีหน้าอึมครึมหาใดเทียบ

เจ้าคางคกกับอาหลู่ออกจะทนดูไม่ไหวแล้ว เพียงแต่ทั้งสองคนกลับถูกหลินสวินรั้งไว้ ในเวลาเช่นนี้แขกไม่อาจแย่งส่งเสียงแทนเจ้าภาพ เรื่องที่ต้องทำตอนนี้คือดูการตัดสินใจของฉีชงโต้ว

“ใครไม่พอใจก็รีบลุกขึ้นมา พวกเจ้าล้วนเป็นพวกที่อ้างตัวว่าโดดเด่นในยุคปัจจุบัน คงไม่ถึงกับไม่มีความกล้ามาสู้หรอกกระมัง”

ชายหนุ่มชุดแดงที่นำหน้ามายิ้มเหี้ยม เงาร่างเขาสูงใหญ่ ดวงตาเรียวยาว ไอชั่วร้ายเข้มข้นหาใดเทียบแผ่ออกมาทั้งตัว น่าพรั่นพรึงถึงที่สุด

ทุกคนในที่นั้นในใจล้วนชิงชัง เดือดดาลหาใดเทียบ พลรบผู้หนึ่งยังกล้าประกาศศักดาหรือ

ทันใดนั้นก็มีคนทนไม่ไหว เอ่ยว่า “ข้าจะประลองกับเจ้าสักตั้ง!”

คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มชุดสีนิลผู้หนึ่ง มือถือทวนสามง่ามสีเงินเล่มหนึ่ง เป็นผู้กล้าที่สะดุดตาคนหนึ่ง

เมื่อเห็นว่าเขาออกโจมตี ทุกคนล้วนฮึกเหิม แทบอยากให้เขารีบสำแดงอานุภาพ ทำลายฤทธิ์เดชของอีกฝ่าย

“เจ้าใช้ไม่ได้” ชายหนุ่มชุดแดงดูถูก พูดอย่างลวกๆ

ชิ้ง!

สีหน้าชายหนุ่มชุดนิลเย็นชา ไม่พูดพร่ำทำเพลงสักนิดก็โบกทวนสามง่ามสีเงินผ่าห้วงอากาศออกจากกัน ม้วนขึ้นเป็นรัศมีเทพน่ากลัวแล้วฟาดฟันออกไป

โครม!

ชายหนุ่มชุดแดงทะยานตัวขึ้น แปรสภาพเป็นสายฟ้าพริบไหวสีโลหิตที่น่าหวาดหวั่นสายหนึ่ง พุ่งชนลงมาฉับพลัน เปิดฉากการประลองดุเดือด

เพียงแต่ประมือแค่สิบกว่าครั้งก็เกิดเสียงดังปึง ทวนสามง่ามถูกกระแทกกระเด็น!

ส่วนชายหนุ่มชุดนิลกลับถูกชายชุดแดงบีบคอไว้ เพียงบิดเบาๆ ศีรษะก็ถูกหักลงมา ฝนเลือดสาดกระเซ็นราวน้ำพุ

“ช่างอ่อนแอเสียจริง!”

ชายชุดแดงสีหน้าเหี้ยมเกรียม โยนศพของชายหนุ่มชุดนิลทิ้งง่ายๆ ไม่แม้แต่จะมองสักครั้ง

ในที่นั้นเงียบสนิท ทุกคนถูกภาพนองเลือดนี้ทิ่มแทงใจ แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ จิตวิญญาณสั่นสะท้าน ต่างคิดไม่ถึงว่าเพียงแค่พลรบผู้หนึ่งกลับแข็งแกร่งได้ปานนี้

นี่ทำให้ทุกคนขุ่นเคืองและหวาดผวา ไม่อาจสงบใจได้

“เจ้ากล้าฆ่าคน!” ฉีชงโต้วกราดเกรี้ยว

“ทำไม ถ้าเจ้าไม่พอใจมาสู้กันสักตั้งก็ได้!” ชายหนุ่มชุดแดงเอ่ยเสียงเรียบ

“ให้ข้าไปสู้!”

มีคนทนไม่ไหวแล้ว คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่ง เป็นบุคคลที่พาตัวเองขึ้นไปอยู่ในสามสิบหกอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ เหยียบย่างลงบนมกุฎมรรคาแล้ว

ตูม!

เมื่อเขาลงมือ พลังต่อสู้เหนือธรรมดาก็ปรากฏขึ้น ดวงอาทิตย์สีม่วงฉายส่องท้องนภา พุ่งกำราบชายหนุ่มชุดแดง

แต่ชายหนุ่มชุดแดงผู้นี้ก็เก่งกาจหาใดเทียบเช่นกัน แข็งแกร่งอย่างอัศจรรย์ พุ่งเข้าไปประลองกับเขาโดยไม่ลังเล

เพียงไม่กี่ลมหายใจทั้งสองก็ประมือไปเป็นร้อยครั้ง ชายชุดแดงใช้ฝ่ามือเดียวตัดขวาง ฟันแขนข้างหนึ่งของคนผู้นี้ขาดอย่างจังเสียงดังปึก

สวบ!

คนชุดดำต้องหลบหนีออกไป สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเหยเกบูดเบี้ยวหาใดเทียบแล้ว

“กลัวแล้วหรือ เป็นขยะดังคาด” ชายหนุ่มชุดแดงยิ้มเหี้ยม

เหล่าผู้กล้าต่างโกรธปนผวา ขนาดบุคคลขอบเขตมกุฎที่เป็นยอดมกุฎรุ่นเยาว์ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้หรือ เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของพวกเขา ใจสะท้านหนาวเย็นไปหมดแล้ว

ชั่วขณะหนึ่งหลายคนล้วนมองไปที่ฉีชงโต้ว และมองไปยังหลินสวิน

ฉีชงโต้วสูดหายใจลึก ใบหน้าปรากฏแววแน่วแน่ ตอนนี้หมีเหิงเจินไม่อยู่ ในที่นี้เขาก็คือเจ้าภาพงานชุมนุมใหญ่พันกระแสครั้งนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้เขาย่อมต้องลุกขึ้นมา!

เพียงแต่เขาไม่ทันเคลื่อนไหวก็ถูกหลินสวินรั้งไว้แล้วพูดว่า “แม้เจ้าชนะ ก็ชนะเพียงพลรบผู้หนึ่ง เป็นการเสียหน้า”

ฉีชงโต้วอึ้งไป

และตอนนี้เองสายตาของชายหนุ่มชุดแดงผู้นั้นก็มองมายังหลินสวิน เผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม เอ่ยว่า “ถ้าเจ้าไม่พอใจจะมาสู้กันสักตั้งก็ได้ ข้ารับรองว่าจะทำให้เจ้าตายอย่างอนาถ!”

ทุกคนพากันมองไปยังหลินสวิน

คนผู้นี้เป็นถึงเทพมารหลิน! พลังต่อสู้ของเขาถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในงานชุมนุมนี้ หากเขาออกหน้า ไม่แน่อาจจะสลายสถานการณ์ยุ่งยากตรงหน้านี้ได้จริง

แต่กลับเห็นหลินสวินยิ้มบางๆ หันหน้าไปกวักมือเรียกเจ้าคางคก “ยังไม่รีบไปอีก ถึงตาเจ้าออกโรงแล้ว”

เจ้าคางคกตาเบิกกว้าง พูดพลางกระทืบเท้าว่า “ให้ข้าไปประลองกับข้ารับใช้คนหนึ่งหรือ ข้าขายหน้าแย่! ถ้าจะไปก็ให้เจ้าคนเถื่อนคนนี้ไปสิ!”

เขาพูดพลางมองไปยังอาหลู่ อาหลู่รีบร้อนส่ายหน้า “ไม่ได้ๆ เจ้ายังไม่ยอมไปสู้กับข้าทาสพวกนั้นเลย ถ้าข้าไปแล้วจะไม่เป็นการเสื่อมเสียกิตติศัพท์ของข้าหรือ”

ทุกคนล้วนงุนงง หน้าเจื่อนกันหมด นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ยังจะเถียงเรื่องพวกนี้กันอีก

“เจ้าคางคก คนพรรค์นี้เหมาะให้เจ้าลงมือที่สุด ถ้าข้าไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นการรังแกพวกมัน” อาหลู่เกลี้ยกล่อม

เจ้าคางคกเดือดดาลร้องออกมาว่า “ไอ้คนพรรค์นี้ก็คู่ควรให้ข้าออกไปสู้หรือ นี่มันหยามเกียรติข้าชัดๆ!”

การโต้เถียงของทั้งสองทำให้ชายหนุ่มชุดแดงผู้นั้นงงงวย จากนั้นสีหน้าก็ขึงขัง ดวงตาลุกวาวแล้ว อีกฝ่ายถึงกลับกล้าเมินเขาเช่นนี้!?

“เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองคนเข้ามาด้วยกันเถอะ!” เขาตะคอก

“หุบปาก!”

“หนวกหู!”

เจ้าคางคกกับอาหลู่ไม่พอใจยิ่งนัก ด่าทอชายหนุ่มชุดแดงผู้นั้น ทำให้ฝ่ายหลังสีหน้ายิ่งอึมครึมไม่น่าดูแล้ว

เห็นว่าทั้งสองคนจะโต้เถียงกันอีก หลินสวินจึงสื่อจิตด้วยน้ำเสียงข่มขู่ว่า ‘เจ้าคางคก ตกลงเจ้าจะไปไหม’

เจ้าคางคกสีหน้าไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็ประนีประนอมแล้ว พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ได้ เห็นแก่หน้าเจ้าหรอก!”

จากนั้นยามเขาหันหน้าไปมองชายหนุ่มชุดแดงผู้นั้น ก็มีท่าทางจนใจและชิงชัง พูดอย่างรำคาญว่า “พูดมา ว่าเจ้าจะบีบคอฆ่าตัวตาย หรือจะให้ข้าส่งเจ้าไปตายเอง เลือกวิธีตายมา”

วาจาบ้าระห่ำนัก!

บ้าระห่ำกว่าชายหนุ่มชุดแดงเหล่านั้นและเจ้านายของพวกเขาเสียอีก!

ทุกคนตาเบิกกว้าง ฉงนใจไม่ว่างเว้น เจ้าหนุ่มชุดเขียวผู้นี้เป็นใครกันแน่ ดูแล้วเหมือนจะยอดเยี่ยมนัก

ส่วนชายหนุ่มชุดแดงที่ถูกเจ้าคางคกเรียกโมโหจนหน้าดำหน้าแดง ไอสังหารแผ่ออกมาทั่วทิศ กัดฟันพูดว่า “เลิกพูดพล่ามไร้สาระ ไสหัวมารับความตายซะ!”

“เหอะๆ ได้ยินหรือยัง ให้เจ้าไปรับความตายล่ะ” อาหลู่หัวเราะยกใหญ่ กลัวแต่ใต้หล้าไม่โกลาหล

เจ้าคางคกอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ยังถูกอาหลู่เย้ยหยันเช่นนี้อีก จึงโกรธควันออกหูทันที เงาร่างพริบไหวแล้วพุ่งออกไป

——