ตอนที่ 1091 การพลัดพรากที่กำลังจะมาถึง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว หลังจากทราบสถานการณ์ปัจจุบันของโลกปีศาจ หานโม่ฉือก็ตัดสินใจส่งเหออวี่กลับไปที่นั่นทันที

“นี่คือป้ายหยกที่เป็นตัวแทนของข้า หากนำมันกลับไปแสดงและกล่าวว่าได้มันมาจากข้า มันจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้”

เขากล่าวขณะยื่นป้ายหยกสีดำสนิทให้กับเหออวี่เพื่อให้นำกลับไปแสดงเป็นเครื่องยืนยันว่าทำภารกิจได้สำเร็จ

“วางใจได้เลยนายท่าน ข้าจะถ่วงเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้”

เหออวี่ประกบกำปั้นและโค้งคำนับให้กับหานโม่ฉือก่อนออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวและแหวกห้วงมิติเพื่อเดินทางกลับไปยังโลกปีศาจ

“เขาจะเชื่อถือได้จริงหรือ ?”

อวิ๋นซื่อเทียนอดเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้ ต่อให้เหออวี่จะหลั่งเลือดสาบานแล้ว ทว่าหากเขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเปิดเผยความจริงออกไป หานโม่ฉือก็จะตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่

“ไม่ต้องห่วง นายท่านเตรียมอย่างอื่นไว้ในร่างกายของเขาแล้ว”

กิเลนอัคคีกล่าวเพียงสั้น ๆ เพื่อมิให้อวิ๋นซื่อเทียนและคนอื่น ๆ เป็นกังวล

ก่อนหน้านี้หานโม่ฉือได้ฝังอาคมบางอย่างไว้ในร่างกายของเหออวี่ ตราบใดที่บุรุษผู้นั้นเปิดเผยข้อมูลของหานโม่ฉือออกไป เขาจะสลายกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที

เว้นแต่ว่าเป็นตัวตนที่แกร่งกล้าที่สุดของโลกปีศาจ จะไม่มีผู้ใดค้นพบความผิดปกติในร่างกายของเหออวี่อย่างแน่นอน

“ถ้าเช่นนั้นก็ดี เหออวี่นั่นดูจะรักตัวกลัวตายเป็นอย่างยิ่ง เขาคงไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกไป”

อวิ๋นซื่อเทียนยิ้มก่อนกล่าวเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ตอนนี้สงครามในดินแดนมหาเทพก็ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว พวกเจ้าวางแผนอย่างไรต่อไป ?”

จอมยุทธ์ปีศาจถูกโค่นล้มไปและวิกฤตในดินแดนมหาเทพก็เป็นอันคลี่คลายแล้ว นั่นหมายความว่าในดินแดนนี้จะไม่เกิดปัญหาใหญ่อีกต่อไป คาดว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือคงจะเดินทางไปที่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และโลกปีศาจในทันที ทว่านางยังต้องยืนยันให้แน่ชัด

“ข้าจะออกไปบ่มเพาะพลังในที่แห่งหนึ่งสักพัก จากนั้นก็จะเดินทางกลับไปที่โลกปีศาจ”

หานโม่ฉือกล่าวถึงแผนการที่วางไว้อย่างคร่าว ๆ ภายในความว่างเปล่าข้างนอกดินแดนมหาเทพ มีบางสิ่งบางอย่างที่เขาทิ้งไว้ในอดีต ตอนนี้เขาต้องกลับไปที่นั่นเพื่อเอาสิ่งนั้นคืนมาซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ที่ไร้ที่สิ้นสุดสำหรับเขา สิ่งนั้นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาได้เป็นอย่างมาก หลังจากที่ไปถึงโลกปีศาจ พลังเดิมของหานโม่ฉือจะฟื้นคืนกลับมามากกว่าห้าในสิบส่วนและมีพลังที่จะปกป้องตัวเองได้

“ศิษย์พี่และพี่สะใภ้ถูกจับตัวไปที่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะเดินทางไปที่นั่นเพื่อตรวจดูสถานการณ์ของพวกเขาก่อน หลังจากนั้นข้าก็จะไปที่โลกแห่งเทพเพื่อตามหาเจ้าหนูทั้งสองและสืบข่าวเรื่องท่านแม่”

ฉินอวี้โม่ทราบมานานแล้วว่าจะต้องพลัดพรากจากหานโม่ฉืออีกครา แม้ไม่เต็มใจนัก นางก็เข้าใจดีว่ามันเป็นเพียงการแยกจากกันสั้น ๆ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยาวนาน ในตอนนี้ทางที่ดีที่สุดสำหรับพวกนางคือการแยกกันจัดการกับเรื่องของตน

ความแข็งแกร่งของพวกนางในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป หากยั่วยุคนของเผ่าปีศาจ ชีวิตของทุกคนอาจตกอยู่ในอันตรายเกินรับมือ หลังจากหานโม่ฉือกลับไปที่นั่น ความแข็งแกร่งของเขาก็จะฟื้นฟูได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและมีโอกาสคว้าชัยชนะเพิ่มมากขึ้นเมื่อประจันหน้ากับศัตรูเหล่านั้น

“ยิ่งไปกว่านั้น บิดามารดาของข้าในภพก่อนก็คงจะมาจากโลกแห่งเทพ แม้ไม่ทราบว่าเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดเป็นอย่างไร ข้าก็มั่นใจว่าจะต้องมีบางอย่างซ่อนไว้อย่างแน่นอน หากเป็นไปได้ ข้าเองก็อยากรู้เรื่องชีวิตก่อนให้ชัดเจนมากขึ้น”

ฉินอวี้โม่กล่าวต่อและพอจะคาดเดาตัวตนในภพก่อนได้อย่างเลือนราง เพียงแต่ยังต้องยืนยันให้แน่ชัดเท่านั้น

“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นเราสองคนก็จะติดตามไปที่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กับอวี้โม่ก่อน จากนั้นก็จะไปที่โลกแห่งเทพด้วยกัน”

อวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวหันมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนตัดสินใจ

เดิมทีเซิ่งเซียวมีความคิดที่จะติดตามหานโม่ฉือไปยังโลกปีศาจ ทว่าสภาพแวดล้อมสำหรับการฝึกยุทธ์ที่นั่นไม่เหมาะสมกับตัวเขาอย่างมาก หากไปที่นั่น เขาจะไม่สามารถใช้พรสวรรค์ได้อย่างเต็มที่ เพราะเหตุนั้นเขาจึงคิดที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเสียก่อนและค่อยเดินทางไปสมทบเพื่อช่วยหานโม่ฉือในอนาคต

“ถ้าเช่นนั้นก็ตกลงตามนี้”

ฉินอวี้โม่ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด ทั้งอวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวมีความแข็งแกร่งที่เรียกได้ว่าไม่ด้อยไปกว่านางและก็มีไพ่ตายที่ซ่อนไว้มากมาย หากทั้งสามเดินทางไปด้วยกัน มันก็จะช่วยให้ทุกคนปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

พวกนางยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มากนักและไม่ทราบเลยว่าตอนนี้ฉินเฟิงและฉินเหยียนเป็นอย่างไร มีเพียงการเดินทางไปที่นั่นด้วยตัวเองเท่านั้นที่จะหาคำตอบได้อย่างชัดเจน

“เราไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับทางเข้าของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และวิธีที่จะเดินทางไปที่นั่นกันก่อนเถอะ”

ฉินอวี้โม่และอีกสองคนมองหน้ากันก่อนพยักศีรษะเบา ๆ ตอนนี้พวกนางยังไม่ทราบว่าจะเดินทางไปที่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างไร ทว่าฟู่ชางก็ควรที่จะมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้และจะให้คำตอบกับพวกนางได้

อย่างไรก็ตาม พวกนางไม่รีบร้อนแต่อย่างใดและเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวเป็นพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าฟู่ชางจัดการเรื่องต่าง ๆ เกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว พวกนางจึงก้าวออกมาอีกครั้ง

“พวกเจ้าจะไปที่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กันอย่างนั้นหรือ ?”

เป็นจริงดังที่คิดไว้ ฟู่ชางทราบว่าทางเข้าของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด ทว่าเมื่อทราบว่าฉินอวี้โม่และอีกสองคนต้องการไปที่นั่น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

สถานการณ์โดยรวมของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่แตกต่างไปจากดินแดนมหาเทพมากนัก โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่กว้างใหญ่เท่าดินแดนมหาเทพและมีขุมกำลังอยู่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ระหว่างขุมกำลังใหญ่ของที่นั่นดุเดือดเข้มข้นยิ่งกว่าในดินแดนมหาเทพเสียอีก

แม้ความแข็งแกร่งของคนทั้งสามจะถือว่าไม่ธรรมดา ทว่าหากไปที่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยปราศจากความช่วยเหลือจากขุมกำลังในพื้นที่ เกรงว่าพวกนางอาจเผชิญภยันตรายอยู่ไม่น้อย

ฉินอวี้โม่จึงเล่าเรื่องของฉินเฟิงและฉินเหยียนให้ฟู่ชางได้ทราบซึ่งเป็นการยืนยันถึงความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปที่นั่นให้ได้

“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่ห้ามปรามพวกเจ้า ในโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีบรรพบุรุษของตระกูลข้าอาศัยอยู่ แม้มิใช่ผู้ที่ทรงพลังมากนัก เขาก็จะให้ที่พักพิงกับพวกเจ้าได้ ข้าจะเขียนจดหมายให้พวกเจ้าไว้ เมื่อไปที่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็ออกตามหาเขาได้เลยและขอให้เขาช่วยสืบหาข้อมูลได้เช่นกัน”

ฟู่ชางกล่าวต่อซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

พวกนางไม่ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ หากมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น อย่างน้อยที่สุด การสืบข่าวหาข้อมูลก็จะเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น

“อันที่จริง เส้นทางไปสู่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่บนภูเขาข้างหลังสำนักเมฆาครามของเรา สาเหตุที่สำนักเมฆาครามของเราตั้งอยู่ในตำแหน่งนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการที่มันมีสภาวะพลังที่หนาแน่นกว่าสถานที่อื่น ๆ และอีกสาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะเส้นทางนั้น”

ฉินอวี้โม่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าทางเข้าของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด คิดไม่ถึงเลยว่าเส้นทางไปสู่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะอยู่บนภูเขาด้านหลังสำนักเมฆาคราม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าพวกนางขจัดปัญหาความยุ่งยากไปได้มาก

“อย่างไรก็ตาม การเปิดใช้งานเส้นทางนั้นก็ต้องมีการเตรียมการเช่นกัน พวกเจ้ารอเวลาไปสองถึงสามวันก็แล้วกัน เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ข้าจะพาพวกเจ้าไปที่นั่น อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ทราบว่าเส้นทางนั้นจะพาพวกเจ้าไปที่ใด มันเป็นทางเข้าเท่านั้นและไม่มีทางออก หากพวกเจ้าเผชิญกับสิ่งใดข้างในสถานที่แห่งนั้น พวกเจ้าก็จะต้องรับมือด้วยตนเองเท่านั้น ข้าไม่สามารถช่วยอะไรได้”

ฟู่ชางกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจนปัญญาเล็กน้อย ทว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเขาอย่างแท้จริง

“เจ้าค่ะ พวกเราเข้าใจดี ขอบคุณท่านลุงฟู่มากเจ้าค่ะ”

ในระหว่างที่อยู่ในดินแดนมหาเทพแห่งนี้ ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ได้พบกับมิตรสหายใหม่มากมาย ในช่วงสามวันข้างหน้า นางจะใช้เวลาไปกับการบอกลาคนเหล่านั้น

หลังจากใช้เวลาอยู่ในดินแดนมหาเทพมาเนิ่นนาน หลายคนก็กลายเป็นสหายที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันและนางก็ต้องบอกให้พวกเขาได้ทราบก่อนที่จะจากไป

หลังจากหารือกับฟู่ชาง ฉินอวี้โม่และทุกคนก็ยุ่งวุ่นวายกับการแจ้งข่าวและบอกลาทุกคนก่อนเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางไปที่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์…

ณ โลกแห่งเทพ ฉินเทียนและเสี่ยวอ้ายโม่ปรากฏตัวในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

“ท่านตา ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเสี่ยวอ้ายฉือเจ้าค่ะ”

ทันทีที่ก้าวเข้ามา เสี่ยวอ้ายโม่ก็กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหันและสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของเสี่ยวอ้ายฉือ