ตอนที่ 1129: ข้อมูลเกี่ยวกับทะเลวิญญาณ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1129: ข้อมูลเกี่ยวกับทะเลวิญญาณ

เจี้ยนเฉินพร้อมกับโชวชูหยุนและคนอื่น ๆ เดินไปรอบ ๆ อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้จุดหมาย พวกเขาไม่มีแผนที่จะออกไป

“ผู้อาวุโส ท่านก็ได้รับน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกมาแล้ว เราจะกลับออกไปกันเลยหรือไม่ ? ” โชวชูหยุนที่ยืนข้างหลังพูดขึ้นมา เขาได้กินยาจิตวิญญาณธาตุแสงระดับ 6 จากเจี้ยนเฉินไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงหายจากอาการบาดเจ็บเกือบทั้งหมด ตอนนี้เขามีอาการดีขึ้นมาก

หลังจากเงียบกันชั่วครู่ เจี้ยนเฉินก็ส่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ส่วนหนึ่งให้โชวชูหยุนและลุยจุน,นอกจากนี้เขายังมอบหินฟ้าสะเทือน 15 ดาวให้กับพวกเขาอีกสองสามชิ้นและพูดว่า “ตอนนี้ข้ายังไม่อยากกลับ ชีวิตของพวกเจ้าจะถูกคุกคามหากพวกเจ้ายังติดตามข้าเข้าไปในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าจึงควรกลับออกไปก่อน

“ไม่ ผู้อาวุโสหยางยู่เทียน เราติดตามท่านมาตลอดการเดินทาง และเราก็ได้รับประโยชน์อย่างมาก เราจะเอาของ ๆ ท่านมาเป็นของเราได้อย่างไร ? ” โชวชูหยุนและลุยจุนตกใจกับการกระทำที่ไม่คาดคิด พวกเขาไม่กล้าที่จะยอมรับสิ่งของจากเจี้ยนเฉิน.

รับไปซะ หากไม่มีพวกเจ้านำทาง ข้าคงไม่ได้น้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกมาหรอก นอกจากนี้เราเคยตกลงว่าจะแบ่งกัน” เจี้ยนเฉินยัดน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกและหินฟ้าสะเทือน 15 ดาวใส่มือของพวกเขาก่อนที่จะกล่าวคำอำลา เขาได้รับน้ำศักดิ์สิทธิ์น้อยเกินไป มันอาจจะเพียงพอสำหรับหงเหลียนที่จะฟื้นพละกำลัง แต่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีหลายสิบคนยังต้องการน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกเพื่อเพิ่มคุณภาพวิญญาณและความสามารถของพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นเซียนผู้คุมกฎ

เป็นผลให้เจี้ยนเฉินต้องไปหาน้ำให้ได้มากกว่านี้

โชวชูหยุน, ลุยจุน, และเซียนสวรรค์คนอื่น ๆ แยกทางกับเจี้ยนเฉินอย่างฝืนใจ พวกเขาใช้เรือในการเดินทางกลับ ในช่วงไม่กี่วันที่พวกเขาอยู่กับเจี้ยนเฉิน พวกเขามีความสุขอย่างที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อนในขณะที่ข้ามผ่านอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้พวกเขามีช่วงเวลาที่ตื่นเต้นและน่าจดจำ ประสบการณ์ทั้งหมดจะกลายเป็นสิ่งที่พวกเขาจะยึดมั่น อย่างไรก็ตามพวกเขาก็รู้ว่าความรู้สึกนี้ไม่ถาวรเพราะความสัมพันธ์ของพวกเขากับเจี้ยนเฉินนั้นไม่ได้ลึกซึ้ง พวกเขาแค่ให้ความร่วมมือ

“ผู้อาวุโสหยางยู่เทียน ข้าจะจดจำท่านตลอดไป” ก่อนที่พวกเขาจะแยกจากกัน โชวหลินจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความชื่นชมและเคารพ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกฝืนใจ

เจี้ยนเฉินมองดูพวกเขาหายไปในระยะไกล เขาช่วยโชวชูหยุนอย่างเงียบ ๆ หลายครั้ง เพียงเพราะพวกเขาทั้งสองมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน

เจี้ยนเฉินดูเหมือนจะเห็นภาพตนเองในอดีตในกลุ่มคนที่ทำงานอย่างลำบากเพื่อที่จะกลายเป็นคนที่มีอำนาจมากขึ้นในต่างแดน

เจี้ยนเฉินสลัดความคิด ทันใดนั้นเขาก็พูดว่า “พวกท่านสี่คนเดินตามข้ามานานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องแสดงตัว”

เมื่อนั้นชายอาวุโสสี่คนก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ข้างหลังเขาอย่างเงียบ ๆ พวกเขาไม่ได้ส่งเสียงดัง พวกเขาเงียบสนิทเหมือนดั่งผี

เจี้ยนเฉินหันกลับมามองทั้งสี่อย่างสงบ เขาถามอย่างเยือกเย็น “ทำไมถึงตามข้ามา ? “

ชายอาวุโสทั้งสี่ไม่ตอบสนอง พวกเขาจ้องมองเขาอย่างสงบและหลังจากนั้นสักครู่ก็มีคนพูดว่า “ท่าน ดูเหมือนว่าท่านเพิ่งมาถึงอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เพื่อการค้นหาน้ำ”

“แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจะมีอะไรหรือ ? ” เจี้ยนเฉินยังคงมีสีหน้าเฉยเมย

“ท่าน เราอาจร่วมมือกันได้หากท่านต้องการน้ำมากกว่านี้” ชายอาวุโสกล่าวต่อ

“ร่วมมือกันรึ ? เจ้าเห็นร่องรอยของน้ำอีกหรือ ? ” ดวงตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายและความสนใจของเขาก็พองโตในทันที.

“เราไม่ได้เห็นร่องรอยอื่น แต่เรารู้แหล่งน้ำ” ชายอาวุโสกล่าว

อะไรนะ ? แหล่งที่มาของน้ำศักดิ์สิทธิ์รึ ? ” เจี้ยนเฉินตกใจ เขาไม่สามารถรักษาความสงบไว้ได้อีกต่อไป “บอกข้าหน่อยว่าแหล่งที่มานั้นเป็นอย่างไร”

“เมื่อหลายปีก่อน เราเคยเข้าไปในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ชั้นลึกและได้เห็นทะเลสาบที่อาบแสงรุ้งจากระยะไกล น้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกหลั่งไหลออกมาอย่างไม่สิ้นสุดจากส่วนกลางและส่วนใหญ่ก็ตกลงสู่ทะเลสาบ มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบ ลอยไปอย่างไร้จุดหมายผ่านไปทั่วอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์” ชายอาวุโสกล่าว เขาไม่ได้ให้ข้อมูลว่าทะเลสาบอยู่ที่ไหน

“ทะเลสาบที่ส่องแสงสีรุ้ง นั่น – นั่นคือทะเลวิญญาณ ? ” เจี้ยนเฉินสั่นสะเทือนอย่างมาก ตามที่พวกเขาพูดมันเป็นไปได้อย่างยิ่งที่พวกเขาได้เห็นทะเลแห่งวิญญาณ เมื่อเขาพบทะเลวิญญาณ น้ำจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป

“เราสามารถร่วมมือกันได้ พวกเจ้ามีเงื่อนไขอะไรบ้าง ? ” เจี้ยนเฉินตกลงโดยไม่ลังเล ข้อมูลที่พวกเขาเปิดเผยนั้นเป็นสิ่งล่อใจเขามาก

“เราไม่มีเงื่อนไข เราเพียงต้องการที่จะเดินทางไปด้วยกันเพราะมีค่ายกลที่ทรงพลังอย่างมากที่ปกป้องแหล่งน้ำ มันยากมากที่เราสี่คนจะฝ่าฟันไปได้ เราจึงต้องการผู้ช่วย เมื่อเราผ่านค่ายกล ท่านก็สามารถเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปได้ และเราจะเอาสิ่งที่เราต้องการ ชายอาวุโสกล่าว

เจี้ยนเฉินหยุดชั่วคราว เขามองดูทั้งสี่ในขณะที่ดวงตาของเขาเป็นประกาย เขายิ้มอย่างนุ่มนวล “สิ่งของที่เจ้าทั้งสี่ต้องการนั้นต้องมีค่ามากใช่หรือไม่ ? “

“มันมีค่าสำหรับเราจริง ๆ แต่มันไร้ประโยชน์สำหรับท่าน” กระบี่โลหะปรากฏขึ้นในมือของชายอาวุโสในขณะที่เขาพูดต่อว่า “นี่คืออาวุธที่เราสี่คนใช้ มันไม่ได้ควบแน่นจากพลังงาน มันถูกหลอมมาจากอุกกาบาตเมื่อหลายปีก่อน สิ่งที่เราต้องการคือวัสดุสำหรับกระบี่ ซึ่งสามารถทำให้มีพลังยิ่งขึ้น”

เจี้ยนเฉินจ้องกระบี่โลหะ เขาอยู่ในโลกนี้มานาน แต่อาวุธทั้งหมดที่จอมยุทธ์ใช้ในการต่อสู้นั้นถูกควบแน่นจากพลังงาน แม้แต่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็เหมือนกัน มันเป็นกลุ่มของพลังงาน แต่ชายอาวุโสทั้งสี่ใช้กระบี่โลหะเป็นอาวุธ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันผิดปกติเมื่อเทียบกับคนที่เหลือบนโลก

“มันค่อนข้างเป็นกระบี่โลหะพิเศษ ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตมากมายในนั้น” เจี้ยนเฉินกล่าวชมเชย ชายอาวุโสสี่คนที่อยู่ข้างหน้าไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาใช้วิธีการฝึกฝนที่ต่างออกไป ซึ่งสามารถเข้าใจได้จากอาวุธของพวกเขา

เจี้ยนเฉินเห็นด้วยกับชายอาวุโสทั้งสี่คน. เขาอยากรู้เกี่ยวกับวิธีบ่มเพาะของพวกเขา,แต่เขาไม่ได้ถามตรงๆ. ทุกคนต่างมีความลับ.

ชายอาวุโสสี่คนนำทางเจี้ยนเฉินไปในทิศทางของแหล่งน้ำ หลังจากการสนทนากันสักพัก เจี้ยนเฉินจึงรู้ชื่อของพวกเขา พวกเขามีชื่อที่แปลกมาก – อาต้า, อาเอ้อ, อาซาน และ อาซื่อ นี่คือชื่อจริงของพวกเขา

TL: เหตุผลที่ชื่อของพวกเขาถูกมองว่าแปลก (นอกเหนือจากการผสมผสานที่ตลกกับเครื่องหมายวรรคตอน) ก็คือ ‘A’ ในตอนเริ่มต้นของชื่อมักจะใช้สำหรับชื่อเล่น,เหมือนกับการเรียกชื่อคนที่ผู้พูดกับผู้ฟังรู้จักเช่น เจียงหยางหู่เป็น อาหู่ ส่วนอื่น ๆ ของชื่อหลังจากเครื่องหมายวรรคตอน,มันผสมความแปลกเพราะมันหมายถึง ‘หนึ่ง’ ‘สอง’ ‘สาม’ และ ‘สี่’.

เจี้ยนเฉินได้เรียนรู้ว่าทั้งสี่คนนั้นเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดซึ่งเกิดมาจากพ่อแม่เดียวกัน

ชายวัยกลางคนทั้งสามที่เจี้ยนเฉินฆ่าในถ้ำเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ไม่ได้เชื่อมโยงกับคนทั้งสี่เลย พวกเขาเป็นเพียงผู้ติดตามที่พวกเขาเจอโดยบังเอิญ

เจี้ยนเฉินและพวกเขาทั้งสี่ไม่ได้พูดคุยรายละเอียดลึกซึ้ง พวกเขาเป็นคนที่เงียบและไม่ได้มีอะไรจะพูดมากนัก

โฮก !

ทันใดนั้นเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนก็ดังขึ้น มันทำให้พื้นสั่นในขณะที่ลิงสูงร้อยเมตรโดยมีขวานบนไหล่พุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉิน

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดว่า “มันมาหาข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะหาข้าเจอ ไปกันเถอะ เจี้ยนเฉินและชายอาวุโสทั้งสี่รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาเร่งความเร็วถึงขีดสุดที่จะทำได้

“ลิงเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ มันอยู่ที่ระดับ 16 ดาวและมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก แต่โชคดีที่ความเร็วนั้นเป็นจุดอ่อนของมัน ไม่อย่างนั้นเราจะมีปัญหาที่ยุ่งยากมาก” อาต้าพูดด้วยน้ำเสียงลึก ความกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาเข้าใจสถานการณ์ของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามพื้นดินที่อยู่ห่างไกลก็เริ่มสั่นไหวอีกครั้งโดยไม่ได้ทิ้งช่วงห่างมากนัก ลิงตัวมหึมาได้ไล่ตามมาอีกครั้ง

พวกเขาทั้งห้าเริ่มวิ่งหนีอีกครั้งโดยพยายามสลัดลิงยักษ์ออกไป

คราวนี้พวกเขาหยุดหลังจากวิ่งไปเป็นร้อยกิโลเมตร อาซื่ออดไม่ได้ที่จะถามว่า “หยางยู่เทียน เจ้าไปทำอะไรให้มันโกรธ ? ทำไมมันถึงตามติดเจ้าไม่ยอมปล่อยเจ้าไป” ทั้งสี่มองเจี้ยนเฉิน พวกเขารู้สึกว่าตกเป็นเหยื่อ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่พวกเขาก็ต้องทนทุกข์ไปพร้อมกับเจี้ยนเฉินและต้องเผชิญกับการไล่ล่าของลิงที่น่ากลัว

“ก่อนที่พวกเจ้าจะเริ่มต่อสู้แย่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็พาลูกลิงหนีไป ลูกของพวกมันคงกลับไปหาพวกมันแล้ว ข้าแค่ไม่คิดว่าเจ้าลิงจะไม่พอใจและจะไล่ตามข้าอีก” เจี้ยนเฉินตอบ

ชายอาวุโสสี่คนมองหน้ากัน พวกเขาโทษเจี้ยนเฉินที่พาลูกลิงออกไปอย่างมุทะลุ

อาซานดึงถุงแป้งออกจากวงแหวนมิติของเขา เขากล่าวว่า “นี่คือผงกระดูกของสัตว์ดุร้ายจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ โรยให้ทั่วและมันจะช่วยปิดบังกลิ่นของเจ้า มันจะป้องกันไม่ให้ลิงยักษ์ได้กลิ่นตัวเจ้า

เจี้ยนเฉินยอมรับผงกระดูกมาด้วยความสงสัย หลังจากตรวจสอบว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับผงกระดูก เขาก็หยิบผงกระดูกออกมาเล็กน้อยอย่างระมัดระวังแล้วโรยมันไปทั่วร่างกาย

ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่าผงกระดูกของอาซาน นั้นมีประสิทธิภาพจริง ๆ ลิงยักษ์หยุดไล่ตามเจี้ยนเฉินหลังจากที่เขาโรยผงลงบนตัว

“สัมผัสรับกลิ่นของสัตว์เหล่านี้อ่อนไหวมาก ผงกระดูกสามารถปกปิดกลิ่นของเราได้เพียงชั่วคราว มันจะไม่ปิดบังเราให้พ้นจากสัตว์ดุร้าย ดังนั้นเราจำเป็นต้องปกปิดร่องรอยของเราในขณะที่เราเดินทาง มันจะได้ไม่ทำให้พวกสัตว์ตื่นตัว เส้นทางข้างหน้าค่อนข้างยาว มีคนเพียงไม่กี่คนที่เข้ามากำจัดสัตว์ดุร้ายลึกขนาดนี้ สัตว์มีชีวิตที่ทรงพลังจำนวนมากปรากฏตัวให้เห็นบางครั้งบางคราว พวกมันจัดการได้ยากมาก” อาต้าอธิบายขณะที่เขาเดินเข้าไปในป่าลึกพร้อมกับเจี้ยนเฉินอย่างระมัดระวัง

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสี่ได้เข้าไปข้างในลึกบ่อยครั้ง พวกเขามีความเข้าใจที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับสถานที่ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะบอกได้ว่าสัตว์ดุร้ายที่ทรงพลังกำลังออกล่าอยู่ในบางภูมิภาคจากคำใบ้เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขายังสามารถสรุปได้ว่าสัตว์ดุร้ายประเภทพิเศษและทรงพลังอาศัยอยู่ที่นั่นขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและภูมิศาสตร์ ทำให้พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงปัญหามากมาย

มีครั้งเดียวที่พวกเขาเข้าไปในดินแดนของมดทะยานฟ้า ชายอาวุโสสี่คนเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติ พวกเขาจึงถอยออกไปโดยเร็วที่สุดหลีกเลี่ยงมดที่อันตราย

เจี้ยนเฉินชื่นชมชายอาวุโสสี่คนสำหรับประสบการณ์อันยาวนาน เขาเริ่มสงสัยว่าทั้งสี่คนเกิดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์หรือไม่เพราะพวกเขารู้จักสถานที่นี้เป็นอย่างดี พวกเขามีความสามารถในการหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ