ตอนที่ 1280 ถูกเปิดเผยตัวตน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

หัวหน้าหุบเขาคนเก่ากล่าว “ตกลง! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด อย่างไรเสียใต้หล้าในตอนนี้ก็เป็นของพวกเจ้าที่เป็นคนวัยหนุ่มสาว”

เขามีญาติอยู่เพียงแค่คนเดียว ย่อมต้องไม่อยากให้การฝึกบำเพ็ญของหลานชายต้องสูญเปล่าไปอย่างแน่นอน

มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านหัวหน้าหุบเขา ท่านคอยดูเอาเองก็แล้วกัน!”

คาดว่าตอนนี้เสี่ยวไป๋คงจะจัดการพาตัวอวิ๋นซิวมาได้แล้ว มู่เฉียนซีจึงตัดสินใจจะเดินทางออกจากหุบเขาปีกสวรรค์

นางทิ้งยอดปรมาจารย์นักปรุงยาส่วนหนึ่งเอาไว้ให้คอยช่วยเหลือหลิงเฟิง ส่วนยอดปรมาจารย์นักปรุงยาคนอื่น ๆ ต่างเดินทางกลับไปที่กองกำลังของตนเองเพื่อประกาศลาออกจากกองกำลัง ทางด้านมู่เฉียนซีก็กำลังเดินทางกลับเช่นกัน

ทันทีที่มู่เฉียนซีย่างเท้าเดินออกจากหุบเขาปีกสวรรค์ นางก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งหลายสิบร่างที่กำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

คนที่รู้จักสถานะตัวตนของนาง นอกจากตาเฒ่ายอดปรมาจารย์นักปรุงยาเหล่านั้นแล้ว ก็มีเพียงแค่หลิงเฟิงกับหัวหน้าหุบเขาคนเก่าเท่านั้น

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี นางก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครกันแน่ที่เปิดเผยสถานะตัวตนของนาง

ขวับ ขวับ ขวับ! เงาร่างหลายร่างกระโจนออกมา และได้ห้อมล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้แล้ว

ในกลุ่มของคนเหล่านี้มียอดฝีมือระดับสูงสุดอยู่สองคน และเมื่อได้เห็นชุดที่พวกเขาสวมใส่ มู่เฉียนซีก็รู้แล้วว่าพวกเขามาจากแห่งหนใด

“ตำหนักตงจี๋ส่งตาเฒ่าอย่างพวกเจ้ามา นี่ไป๋อู๋ห่ายไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับข้าด้วยตัวเองหรืออย่างไร?”

เป็นอย่างที่เสี่ยวไป๋บอกเอาไว้ทุกอย่าง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของตำหนักเป่ยหานกับตำหนักตงจี๋ได้ทำการตกลงกันจริง ๆ

ตำหนักเป่ยหานไม่มีทางแย่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์กับตำหนักตงจี๋เป็นแน่ เพราะเป้าหมายของพวกเขาก็คือหม้อเทพนิรันดร์

ชายชราผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “รับมือกับสาวน้อยเหลือขอเช่นเจ้า ไม่จำเป็นต้องให้ท่านหัวหน้าตำหนักลงมือหรอก! ไปจับตัวนางมา!”

ยอดฝีมือระดับสูงสุดทั้งสองพุ่งเข้าไปจับมู่เฉียนซี ฝ่ามือของพวกเขานั้นดุร้ายและรุนแรงมาก

ทันใดนั้นเอง บริเวณรอบ ๆ พลันหนาวเหน็บขึ้น และเหลิ่งหนิงจือก็พุ่งออกไปแล้ว

นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไอ้พวกคนไม่รู้จักความตาย”

ปัง! พลังของนางปะทะกับพลังของยอดฝีมือสองคนนั้น

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ขวางนังผู้หญิงคนนี้เอาไว้ ข้าจะไปจับตัวมู่เฉียนซีเอง”

ชายชราทั้งสองไม่ได้ร่วมต่อสู้กัน คนหนึ่งขวางเหลิ่งหนิงจือ ส่วนอีกคนพุ่งไปหมายจะจับมู่เฉียนซี

และในขณะที่เขากำลังพุ่งตัวไปหามู่เฉียนซีนั้น จู่ ๆ ชิงอิ่งก็ปรากฏตัวขึ้นขวางเขาเอาไว้

“เข้าไปช่วยเร็วเข้า!”

ยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันในที่เดียว พยายามเข้าไปพัวพันกับเหลิ่งหนิงจือและชิงอิ่ง

ขณะเดียวกันนั้นร่างของมู่เฉียนซีก็เคลื่อนไหวเข้าไปในป่าด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

ยอดฝีมือระดับสูงสุดผู้นั้นยิ้มเยาะเย้ยหยันขึ้น คิดว่าหนีเข้าไปในนั้นแล้วจะรอดอย่างนั้นเหรอ?

มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวไปมาในขณะที่มุ่งหน้าเข้าไปในป่า พลันนั้นกลิ่นอายหลายร่างก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง หนึ่งในนั้นเป็นชายชราชุดขาว มู่เฉียนซีมองไปแล้วรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตามาก

“สาวน้อย เจ้ายอมเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ออกมาซะโดยดีเถอะ เห็นแก่ที่เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ในตอนที่อยู่ในหุบเขาปีกสวรรค์ ข้าจะทำให้เจ้าเป็นศพที่สวย”

คนผู้นี้ก็คือปรมาจารย์ไป๋ที่เจอกันตอนที่เดินทางมาถึงหุบเขาปีกสวรรค์ มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “ปรมาจารย์ไป๋ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าหักหลังข้าทั้ง ๆ ที่โดนพิษของข้าอยู่ เปิดเผยสถานะตัวตนของข้าออกไปเช่นนี้ ดูท่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ”

ปรมาจารย์ไป๋กล่าว “มู่เฉียนซี เจ้าคิดว่ายาพิษที่หม้อยาหม้อหนึ่งหลอมออกมาเป็นจำนวนมากในคราเดียวเช่นนั้นจะควบคุมข้าได้เหรอ ตำหนักตงจี๋มีเบื้องบนเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง พวกเขารับปากข้าแล้วว่าหลังจากที่ภารกิจครั้งนี้สำเร็จจะขอยาแก้พิษให้ข้า”

“เจ้ามันช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้วกระมัง! ยาลูกกลอนจากเบื้องบนนั้นนะเหรอ จะช่วยแก้พิษให้เจ้าได้”

“เป็นเช่นนั้นแน่นอน อยู่ในดินแดนสี่ทิศ ต่อให้เจ้าเก่งกาจมากเพียงใด เจ้าก็เป็นเพียงแค่กบในกะลาเท่านั้น ยาลูกกลอนเบื้องบนต้องแก้พิษให้ข้าได้แน่นอน” ปรมาจารย์ไป๋กล่าวอย่างมั่นใจ

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่อยากจะพูดจาไร้สาระกับเจ้าแล้ว ลงมือเลยดีกว่า! คิดจะแย่งของของข้า ก็ต้องดูด้วยว่าเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่”

ยอดฝีมือระดับสูงสุดกับยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงทั้งหมดล้วนแต่ไปขวางเหลิ่งหนิงจือกับชิงอิ่งหมดแล้ว ตอนนี้ ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะมีพลังขั้นมหาจักรพรรดิ แต่การคิดจะฆ่านางนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ

“ช่างเป็นสาวน้อยที่ไม่รู้จักความตายซะจริง ๆ ลงมือ!” ปรมาจารย์ไป๋กล่าวเสียงขรึม

มู่เฉียนซีเอากระบี่มังกรเพลิงออกมา เนื่องจากการปรากฏตัวของพิฆาตวิญญาณทำให้เจ้านี่ตกใจจนอกสั่นขวัญหาย และมังกรเพลิงก็อยู่ในช่วงที่กำลังใช้อัคคีฟื้นตัวอยู่

“มังกรเพลิง เจ้าก็อึดอัดเหมือนกันใช่ไหมล่ะ งั้นเรามาร่วมมือสู้รบกันสักตั้งเถอะ!”

มังกรเพลิงตอบกลับทันทีว่า “ข้าจะช่วยนายท่านฆ่าคนเลวเหล่านี้เอง!”

กระบี่ของมู่เฉียนซีกวัดแกว่งตัดผ่านอากาศ นางตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “มังกรเพลิงพิฆาต!”

มังกรเพลิงสีแดงฉานพุ่งทะยานออกไป ในตอนนี้กระบี่มังกรเพลิงมีวิญญาณกระบี่แล้ว พลังการทำลายล้างของมันจึงแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก

เห็น ๆ กันอยู่ว่านางเป็นเพียงแค่สาวน้อยพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเท่านั้น แต่กลับทำให้พวกเขาที่มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงเหล่านี้รู้สึกหวาดกลัวได้

เมื่อมังกรเพลิงพุ่งออกไป พวกเขาก็รีบหลบหลีกทันที

มู่เฉียนซีแยกร่างออกเป็นหลายร่าง และเมื่อพวกเขาต้องการจะลงมือโจมตีมู่เฉียนซีอีกครั้ง

ทุกการโจมตีของพวกเขาล้วนแต่โจมตีไปถูกร่างภาพลวงตาเท่านั้น จากนั้นมู่เฉียนซีก็อันตรธานหายไปต่อหน้าพวกเขา

พวกเขาต่างตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “มู่เฉียนซีหนีไปแล้วเหรอ!”

“บัดซบ! รีบตามไปเร็วเข้า คงหนีไปได้ไม่ไกล!”

ครั้นแล้วพวกเขาก็แยกย้ายกันออกไปตามหาทั่วทุกสารทิศ มู่เฉียนซีกลืนยาลูกกลอนเข้าไปไม่น้อย จากนั้นก็โคจรพลังวิญญาณขึ้นอย่างบ้าคลั่งเพื่อออกไป

ถึงแม้ว่าจะมีกระบี่มังกรเพลิงอยู่ในมือ แต่การรับมือกับมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงมากมายเช่นนั้นมันไม่ค่อยจะราบรื่นนักสำหรับนาง แต่หากทำให้พวกเขาแยกจำนวนคนออกไปเช่นนี้ได้ จากนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนางแล้ว

ด้วยพลังจิตที่แข็งแกร่งพอ การเคลื่อนไหวของต้นไม้ใบหญ้าบริเวณรอบ ๆ มู่เฉียนซีล้วนแต่รับรู้ได้อย่างชัดเจน และพบว่ามีคนสามคนกำลังไล่ตามมาทางที่นางอยู่ ส่วนคนอื่นกลับมุ่งหน้าไล่ตามไปในทิศตรงข้าม

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มเย้ยหยันขึ้น มาก็ดี!

นางแอบซ่อนตัวอยู่ และในขณะที่พวกเขาใกล้เข้ามา ร่างในชุดม่วงก็กระโจนลงมาจากกลางอากาศ

ทันทีที่แขนอันเรียวยาวขยับ พลังธาตุวารีได้ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนบริเวณรอบ ๆ ตัวนาง และโจมตีลงมาด้วยทักษะวิญญาณหนึ่ง

“ทักษะโยวหลัว!”

ในขณะที่การโจมตีของมู่เฉียนซีโจมตีลงมา เข็มยาสองเข็มที่อยู่ในมือก็พุ่งออกไปด้วย

พรึ่บ! มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดผู้นั้นถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนร่างกระเด็นลอยออกไป และกระอักเลือดคำโตออกมา

ส่วนอีกสองคน หนึ่งคนหลบหลีกเข็มยามู่เฉียนซีได้ อีกคนหนึ่งถูกเข็มยาของมู่เฉียนซีจนได้รับบาดเจ็บไปแล้ว

พวกเขากัดฟันกรอดจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “บัดซบ! กล้าลอบโจมตีพวกข้า!”

“เสี่ยวหง อู๋ตี้ สองคนนี้มอบให้เป็นหน้าที่พวกเจ้าแล้ว”

มู่เฉียนซีเรียกเสี่ยวหงกับอู๋ตี้ออกมา ถึงแม้ว่าพวกมันยังไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหก แต่การรับมือกับคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและคนที่โดนพิษเช่นนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

อู๋ตี้กับเสี่ยวหงน้อมรับคำสั่ง “ขอรับ นายท่าน!”

คู่ต่อสู้ตรงหน้ามู่เฉียนซีเป็นผู้มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปด

“สาวน้อย แม้ว่าจะเหลือข้าเพียงคนเดียว แต่ก็พอที่จะจัดการกับเจ้าได้”

เขาจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความโกรธแค้นและจิตสังหารอันโหดเหี้ยม ร่างของเขาเคลื่อนไหวขึ้น จากนั้นหมัดสังหารหมัดหนึ่งก็พุ่งเข้าหามู่เฉียนซี

เผชิญหน้ากับการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้ามาเช่นนี้ สีหน้าของมู่เฉียนซียังคงไม่เรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยน นางหลบหลีกได้อย่างรวดเร็วราวกับเพียงแค่กระพริบตา

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!

เมื่อพลังของหมัดนั้นแผลงฤทธิ์ ต้นไม้บริเวณโดยรอบนับไม่ถ้วนต่างหักล้มลง

มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”

ทันใดนั้น มังกรน้ำแข็งอันทรงพลังและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังสังหารอันน่าสะพรึงกลัวตัวหนึ่งก็พุ่งไปที่คนตรงหน้าผู้นี้

สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป และรีบหลบหลีกอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เขาคิดว่าตนเองหลบหลีกได้แล้ว จู่ ๆ บัวอัคคีสีแดงฉานดอกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอยู่เหนือหัวเขา น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งที่เต็มไปด้วยจิตสังหารดังก้องขึ้นในหูเขาว่า “บัวแดงพิฆาต!”

.

.