ตอนที่ 1092 พลังของซวีหลิง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เพียงชั่วครู่ที่ทุกคนกำลังตกตะลึงหลังจากได้ยินเสียงกระแสจิตของปี้เหยียน เหตุการณ์ก็พลิกผัน!

เงาสีเทาซึ่งเป็นร่างแปลงของซวีหลิงฉับพลันมีแสงสีแดงปรากฏขึ้นสองจุด ทันใดนั้นร่างเงาพลันกลับกลายเป็นแสงสีเทาสายหนึ่งพุ่งพรวดไปยังชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่ที่อยู่ใกล้ที่สุด รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด

ชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่เปลี่ยนสีหน้าไปทันที เขาสะบัดมือในทันใด เรียกกระบี่บินสีม่วงสองเล่มของเขากลับมาขวางด้านหน้า แล้วดีดแสงกระบี่สีม่วงยาวสิบกว่าจั้งสองสายฟันไขว้เข้าใส่ซวีหลิง

แสงสีเทาหม่นไหลบนร่างกายที่เหมือนหมอกควันของซวีหลิง ทันใดนั้นปราณกระบี่ของชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่ที่ฟันลงบนร่างเขากลับทะลุผ่านไปทันทีเหมือนไม่มีสิ่งใดอยู่

อึดใจต่อมาซวีหลิงพลันอ้าปากพ่นลำแสงสีเทาหนาเท่าแขนเส้นหนึ่งออกมา มันพุ่งออกมารวดเร็วยิ่งนัก กะพริบวูบเดียวก็มาถึงตรงหน้าชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่

ชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่ตกตะลึง แสงสีเทาส่องสว่างบนร่างวูบหนึ่ง ชุดเกราะสีเงินชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เปลวเพลิงสีเงินลุกโชนออกมาจากชุดเกราะ ขวางหน้าลำแสงสีดำไว้

ทว่าลำแสงสีดำเหล่านี้ไม่ทราบว่าก่อตัวมาจากสิ่งใด มันทะลวงผ่านเปลวเพลิงสีเงินชั้นแล้วชั้นเล่าประหนึ่งมันเป็นเงาว่างเปล่าแล้วโจมตีบนหน้าอกของชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่

ชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่รู้สึกว่าหน้าอกเย็นวูบ ร่างกายรวมถึงชุดเกราะสีเงินถูกลำแสงสีดำทะลวงผ่านไปดุจดั่งกระดาษ รูเลือดใหญ่เท่าชามข้าวปรากฏเด่นชัดบนหน้าอกของเขา

ชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่พ่นเลือดออกมาอย่างแรง บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ทำให้จิตสัมผัสของเขาพร่าเลือน ร่างกายโงนเงนใกล้ล้ม

ทันใดนั้นแสงสีเทาพลันสว่างวูบ เงาสีเทาของซวีหลิงฉวยโอกาสนี้โถมมาถึงตรงหน้าชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่ กรงเล็บผีสีเทาข้างหนึ่งตะปบมายังกะโหลกของเขา

ชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่ตื่นตระหนก เขาคิดจะหลบแต่ร่างกายเพิ่งขยับก็กระทบอาการบาดเจ็บทันทีจนต้องอ้าปากพ่นเลือดออกมาอีกคำ แสงคุ้มกันร่างที่เดิมทีอ่อนแรงอยู่แล้วแทบจะสลายไปอย่างสมบูรณ์

เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเทาดุจขี้เถ้าในทันใด

ตั้งแต่ซวีหลิงหลุดจากเส้นไหมสีเขียวของปี้เหยียนจนกระทั่งจู่โจมชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่กะทันหัน เวลาดูเหมือนยาวนานนัก แต่ความจริงเป็นเวลาเพียงพริบตาเดียว กำลังจะมีอีกคนหนึ่งสิ้นใจในเงื้อมมือซวีหลิงแล้ว!

ในตอนนี้เองลำแสงสีขาวเส้นหนึ่งพลันร่วงลงมาจากฟ้าล้อมซวีหลิงไว้ด้านในอย่างไร้ลางบอกอย่างสิ้นเชิง

ร่างกายประหนึ่งหมอกควันของซวีหลิงฉับพลันหนักอึ้ง ขยับเชื่องช้าลงกว่าครึ่งโดยไม่รู้ตัว

ในตอนนี้เองคลื่นเปลวเพลิงอันร้อนระอุอย่างที่สุดสายหนึ่งก็โถมมาจากด้านหลัง เกิดคลื่นกระเพื่อมชั้นแล้วชั้นเล่ากลางอากาศ มังกรเพลิงยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งร้องคำรามแล้วโผมาถึง โจมตีซวีหลิงที่อยู่ในลำแสงสีขาวเสียงดังกึกก้อง

ขณะที่อีกเส้นยาแดงผ่าแปดมังกรเพลิงหวิดจะแตะต้องร่างของซวีหลิงแล้วนั่นเอง ร่างกายของซีหลิงก็เลือนหายไปราวกับละลายหายไปท่ามกลางลำแสงสีขาว กลายเป็นสภาพโปร่งใส

บึ๊ม!

เปลวเพลิงสีแดงฉานผืนใหญ่ที่มังกรเพลิงพามาท่วมทับลำแสงสีขาวไว้ด้านใน คลื่นความร้อนพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าและพุ่งพรวดออกไปสี่ทิศแปดทาง ทำให้ชั่วขณะหนึ่งผู้คนไม่อาจมองเห็นสภาพด้านในได้ชัด

ในเวลาเดียวกันนี้ ร่างกายของชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่ก็ถูกรัดแน่น แสงเรืองรองสีแดงสายหนึ่งที่ตามมาถึงติดๆ ม้วนตัวเขาไปวางไกลๆ

ผู้ที่พาเขาออกมาก็คือบุรุษคิ้วเฉียง เวลานี้บนร่างเขามีแสงเปลวเพลิงสีแดงชั้นหนึ่งปกคลุม ปากกำลังท่องมนตร์ พร้อมกับที่มือยิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่า ร่างของมังกรเพลิงสีแดงฉานที่โจมตีซวีหลิงอยู่ก็ขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด

อีกด้านหนึ่ง เหนือศีรษะของสือคูผู้เฒ่าชุดน้ำเงิน กระจกโบราณสีขาวหม่นบานหนึ่งปรากฏออกมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด ลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมาไม่ขาดสาย

ชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่เห็นว่าตนรอดพ้นความตายแล้วพลันโล่งอกยกใหญ่ รีบพลิกมือเรียกโอสถหลายเม็ดออกมากิน แผลตรงหน้าอกทอแสงสีเขียวชั้นหนึ่ง จากนั้นก้อนเนื้อนับไม่ถ้วนก็งอกออกมาอย่างบ้าคลั่ง เติมรูขนาดใหญ่บนหน้าอกอย่างรวดเร็วยิ่งนัก

“ขอบคุณทั้งสองท่านที่ช่วยเหลือ!” ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้พักหายใจสักเฮือก ชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่ประสานมือคำนับบุรุษคิ้วเฉียงกับผู้เฒ่าชุดสีน้ำเงิน

เวลานี้ผู้เฒ่าชุดสีน้ำเงินกับบุรุษคิ้วเฉียงกำลังจดจ่ออยู่กับการรับมือซวีหลิงย่อมไม่มีเวลาว่างมาตอบ จึงพยักหน้ารับไวๆ เท่านั้น

“ทุกคนต้องระวัง ลำแสงสีดำชนิดนั้นที่ซวีหลิงใช้ออกมาเมื่อครู่พลังโจมตีแข็งแกร่งยิ่งนัก อาวุธยมโลกป้องกันระดับต้นแบบอาวุธเวทป้องกันไม่ได้แม้แต่น้อย” แสงสีเขียวสว่างวูบหนึ่ง ปี้เหยียนที่ถือธงสีเขียวผืนน้อยอยู่ในมือร่อนลงมาข้างกายชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่ เขาพลิกมือเรียกยันต์แผ่นหนึ่งออกมาแปะลงบนร่างของอีกฝ่าย เกราะป้องกันสีเขียวชั้นหนึ่งล้อมเขาไว้ พร้อมกับเอ่ยบอกเสียงขรึม

เพิ่งสิ้นเสียง เผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกหัวพยัคฆ์ก็พุ่งออกมาจากสองฝั่งซ้ายขวาของเขา แส้ยาวสีเงินกับสามง่ามบินสีดำในมือกลายเป็นแสงสามง่ามกับเงากระบี่มากมายซัดสาดมืดฟ้ามัวดินเข้าใส่ซวีหลิงที่ถูกแสงสีขาวกับมังกรเพลิงกักขังอยู่

อีกด้านหนึ่งหลิ่วหมิงทำท่ามือของเคล็ดกระบี่ กระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกชะงักวูบหนึ่ง จากนั้นแสงกระบี่สีเทายาวยี่สิบถึงสามสิบจั้งเส้นหนึ่งพลันปรากฏขึ้นแล้วพุ่งพรวดไปด้านหน้า

เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดังขึ้น!

จุดที่ซวีหลิงอยู่ ฉับพลันถูกแสงสีขาว สีแดง สีเงิน สีดำและสีเงินล้อมเอาไว้!

ผลปรากฏว่าทันทีที่แสงเรืองรองหลากสีดับลง หมอกสีเทากลุ่มหนึ่งก็พุ่งพรวดออกมาจากด้านใน มันขยับหายวับไม่กี่ครั้งแล้วร่อนลงไม่ไกล เมื่อไอหมอกสลายก็ปรากฏร่างของซวีหลิง

เขาดูเหมือนไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับขมวดคิ้วเล็กน้อยมองพวกปี้เหยียน ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ มีจิตสังหารอันเลือดเย็นปรากฏออกมา

พวกปี้เหยียนเห็นสถานการ์เป็นเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปพร้อมกัน

ในใจหลิ่วหมิงลอบตกตะลึง

แม้ซวีหลิงผู้นี้จะระดับแก่นแท้ขั้นปลายเท่านั้น แต่พลังแข็งแกร่งเหนือกว่าที่เขาคาดคิด อีกทั้งไม่ทราบเพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกอยู่เลือนรางว่าพลังที่แท้จริงของซวีหลิงผู้นี้เหมือนจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้แน่

“พี่ปี้เหยียน ซวีหลิงผู้นี้แทบจะทำให้ร่างกายไร้ตัวตนได้ การโจมตีทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์ ในใจท่านมีวิธีรับมือหรือไม่?” เผ่ายมโลกครึ่งแมลงหันศีรษะไปมองปี้เหยียนแล้วเอ่ยถามเสียงเคร่งขรึม

“เดิมทีข้าวางแผนไว้ว่าพวกเราจะบุกเป็นแนวหน้า แล้วใช้ค่ายกลชั้นจำกัดของพี่ฉีซานรับมือกับวิชากลายร่างกับวิชาลับแฝงกายของซวีหลิง แต่ตอนนี้…” ปี้เหยียนเอ่ยช้าๆ เหมือนกำลังครุ่นคิด

เผ่ายมโลกครึ่งแมลงได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็เคร่งเครียด

“ทุกท่านไม่ต้องกังวล ตอนนี้ไม่ว่าจำนวนคนหรือพลังพวกเราล้วนเหนือกว่า วิชากลายร่างของซวีหลิงจะต้องมีจุดอ่อนของมันแน่ ขอเพียงพวกเราระมัดระวังสักหน่อย อย่าให้ถูกเล่นงานไปทีละตน คิดว่าสังหารเขาคงไม่ใช่เรื่องยาก” ปี้เหยียนยิ้มเย็นชา จากนั้นมือสองข้างพลันถูกัน มุกกลมสีฟ้าหม่นสิบกว่าเม็ดพุ่งรัวหลุดออกมาจากฝ่ามือของเขา แล่นตรงไปยังจุดที่ซวีหลิงอยู่

ซวีหลิงหัวเราะหึๆ ร่างกายขยับวูบเดียวก็โฉบออกไปด้านข้าง

ปี้เหยียนเห็นเช่นนี้ สีหน้าพลันเหี้ยมเกรียมขึ้นทันที มือทำท่าเคล็ดวิชา มุกกลมสีฟ้าสิบกว่าเม็ดหมุนตัวแล้วเลี้ยวเปลี่ยนทิศติดตามพร้อมกับที่ความเร็วเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว พริบตาเดียวก็ไล่ตามไปถึงสองสามจั้งรอบตัวซวีหลิง

ยังไม่ทันที่ซวีหลิงจะทำสิ่งใดตอบโต้ ปี้เหยียนพลันเปลี่ยนท่าเคล็ดวิชาที่มือ เอ่ยออกมาเบาๆ ว่า “ระเบิด”

“ปัง” “ปัง” เสียงระเบิดดังติดต่อกัน!

มุกกลมสีฟ้าสิบกว่าเม็ดระเบิดเสียงดังกึกก้องพร้อมกัน กลายเป็นไอหมอกสีฟ้าผืนหนึ่งกลืนร่างกายของซวีหลิงเข้าไปด้านใน

“นี่มันปราณเหมันต์หานเกิง…”

หลิ่วหมิงที่อยู่ไม่ไกลนักดวงตาเป็นประกายวูบหนึ่ง ไอหมอกสีฟ้าเหล่านี้เย็นยะเยือกยิ่งนัก พวกมันก็คือปราณเหมันต์หลานเกิงที่หลานซวี่แห่งเมืองหานสุ่ยเคยใช้นั่นเอง!

ปราณเหมันต์หานเกิงมากมายเช่นนี้ระเบิดพร้อมกันคราวเดียว ไอหมอกสีฟ้าซัดสาดล้อมบริเวณหลายร้อยจั้งรอบตัวซวีหลิงที่อยู่ตรงกลางในพริบตา

พวกหลิ่วหมิงห้าตนเห็นสถานการณ์ไม่ดี ร่างกายก็ขยับวูบถอยกลับมาก่อนจนหนีพ้นจากบริเวณที่ไอหมอกล้อมอยู่

เมื่อหลิ่วหมิงตั้งหลักได้แล้วมองไปด้านหน้าอีกครั้ง ทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็ทำให้ตกใจสะดุ้งโหยง

กลางท้องฟ้าบริเวณที่เดิมทีซวีหลิงเหาะอยู่มีรูปสลักน้ำแข็งรูปร่างเหมือนมนุษย์สีฟ้าใสแวววาวสิบกว่าตัว รูปสลักน้ำแข็งแต่ละตัวล้วนมีร่างกายที่หน้าตาเหมือนซวีหลิงทุกประการร่างหนึ่งถูกขังอยู่ด้านใน ดูราวกับมีชีวิต

แอ่งกระทะที่ตั้งหมู่บ้านเผ่าภูตแดงเบื้องล่างกลายเป็นโลกน้ำแข็งสีฟ้าแวววาวไปหมดสิ้น ภูตแดงหลายพันตนรวมถึงอาคารทรงรีทั้งหมดถูกผลึกน้ำแข็งสีฟ้าชั้นหนึ่งเยือกแข็ง ใบหน้าของภูตแดงทั้งหมดล้วนยังคงสีหน้าวินาทีก่อนที่จะถูกแช่แข็งเอาไว้ บางตนหวาดกลัว บางตนตกตะลึง บางตนสิ้นหวัง…

“พี่อิ่นหาน รีบใช้วิชามังกรพยัคฆ์เร็ว ปราณเหมันต์หลานเกิงของข้าขังเขาไว้ได้ไม่นาน” ตอนนี้เอง ในหูของหลิ่วหมิงก็ได้ยินเสียงปี้เหยียนเอ่ยเร่ง

หลิ่วหมิงได้ยินก็ไม่ชักช้าอีกต่อไป เขากางแขนทั้งสองข้างออก ปราณสีดำรอบร่างทะลักออกมาหมุนเอื่อยเฉื่อยรอบร่างของเขา พริบตาเดียวกลายเป็นมังกรหมอกกับพยัคฆ์ยักษ์หกตัว

จากนั้นกำปั้นสองข้างก็ขยับ มังกรหมอกกับพยัคฆ์ยักษ์สิบสองตัวกู่ร้องคำราม ทะยานโถมเข้าใส่รูปสลักน้ำแข็งสีฟ้าสิบกว่าตัวที่อยู่กลางท้องฟ้า

“คุกมืด”

“บึ๊ม” “บึ๊ม” เสียงดังขึ้นหลายครั้ง

มังกรหมอกหกตัวระเบิดตัวเองกลายเป็นแสงสีดำผืนใหญ่โถมเข้าใส่รูปสลักน้ำแข็งสิบกว่าตัวด้านหน้าในพริบตา

พริบตาเดียวลูกบอลแสงสีดำขนาดเกือบร้อยจั้งลูกหนึ่งก็ปรากฏขึ้น!

ทันทีที่ลูกบอลแสงสีดำก่อตัว ฉับพลันด้านในก็เกิดเสียงระเบิดดังเปรี้ยงปร้าง!

“ปราณเหมันต์หานเกิงขังเจ้าสารเลวตัวนี้ไม่อยู่จริงๆ โชคดีที่คุกมืดนี่มีฤทธิ์กักขังภูตผีจำพวกร่างวิญญาณ!” ปี้เหยียนเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจโล่งอก ในดวงตาปรากฏแววตายินดีจางๆ

ทว่าเวลานี้หลิ่วหมิงกลับสีหน้าเคร่งขรึม ไม่กล้าผ่อนคลายสักนิด สองมือทำท่าเคล็ดวิชาไม่หยุด ส่งไอหมอกสีดำสายแล้วสายเล่าจมลงไปในลูกบอลแสงสีดำกลางอากาศ

“พลังคุกมืดขั้นปลาย! เหอะ ปี้เหยียน เพื่อต่อกรกับข้า เจ้าช่างลงทุนลงแรงเสียจริง หากเป็นเมื่อหลายสิบปีก่อน ข้าก็คงเสียท่าให้แก่วิชานี้แล้วจริงๆ แต่ยามนี้ร่างวิญญาณหลบเร้นของข้าบรรลุขั้นปลายแล้ว คุกมืดกระจอกๆ นี่จะทำอันใดข้าได้อีก?”

ภายในคุกมืด ซวีหลิงมองโลกสีดำอันไร้แสงสว่างกับภูตผีสีดำที่โถมเข้ามาไม่หยุดรอบตัว แต่เขากลับเอ่ยพึมพำกับตนเองอย่างไม่ตื่นตระหนกลนลาน

ต่อจากนั้นเสียงภูตผีกรีดร้องก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

ภูตผีเขาเดียวมากมายแยกเขี้ยวกางกรงเล็บโถมเข้าใส่ซวีหลิง!

ในตอนนี้เองซวีหลิงก็หัวเราะ ร่างกายขยับวูบเดียวกลายเป็นหมอกควันสายแล้วสายเล่าพัดหายเข้าไปในหมู่ภูตผีเขาเดียวที่โถมเข้ามา หายไปไม่เห็นร่องรอย

“นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!” หลิ่วหมิงด้านนอกคุกมืดขมวดคิ้วเป็นปม ไร้วาจาไปชั่วครู่

เวลานี้ผีน้อยแม่น้ำมืดร้อยตัวที่เขาเรียกออกมาในคุกมืดต่างถูกหมอกควันซึ่งเป็นร่างจำแลงของซวีหลิงส่วนหนึ่งเกาะติดอยู่บนร่าง

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ผีน้อยแม่น้ำมืดแต่ละตัวอาจถูกร่างจริงของซวีหลิงแฝงกายอยู่ แต่เขาไม่อาจแยกแยะได้แม้แต่น้อยว่าบนร่างของผีน้อยแม่น้ำมืดแต่ละตัวมีสิ่งใดที่แตกต่างกัน

อย่างไรเขาก็คงไม่อาจควบคุมผีน้อยแม่น้ำมืดร้อยตัวนี้ให้เข่นฆ่ากันเองได้กระมัง หากเป็นเช่นนั้นมีแต่จะผลาญพลังเวทของตนเองไปอย่างเปล่าประโยชน์ ไม่อาจทำร้ายซวีหลิงได้จริงๆ แต่ประการใด

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ขมวดคิ้วคลายเคล็ดวิชาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

“ฟู่!”

คุกมืดขนาดเกือบร้อยจั้งที่อยู่ไกลออกไปพังทลายเสียงดังกึกก้อง กลายเป็นไอหมอกสีดำเต็มท้องฟ้า!

แสงสีเทาหลายร้อยสายพุ่งออกมาจากไอหมอกสีดำมากมายถี่ยิบ พวกมันพุ่งวูบเดียวก็จมหายเข้าไปในรูปสลักน้ำแข็งสีฟ้าของเผ่าภูตแดงเบื้องล่าง หายไปไม่เห็นร่องรอย