บทที่ 1839 ถ้าไม่ปล่อยแล้วจะทำไม

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำที่มาพร้อมความแค้น พอได้ยินคำพูดนี้ไฟโกรธก็ดับลงทันที ต่างก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ รวมทั้งอ๋องอสรพิษดำด้วย

ถ้ามีคนมาก่อกวนที่นี่ อย่างมากเผ่าเทพอสรพิษดำก็ออกไปสู้ตายสักตั้ง แต่ถ้าแอบจับตัวขุนนางตำหนักสวรรค์ไว้จริง ทั้งยังกล้าระดมกำลังพลมาต่อต้าน ก็น่ากังวลจริงๆ ว่าหายนะการถูกฆ่าล้างเผ่าจะมาเยือน

ไฟโกรธในดวงตาอ๋องอสรพิษดำหายไปบางส่วน ในใจเกิดความสงสัยรางๆ เดิมทีนางก็แปลกใจอยู่แล้ว สงสัยว่าในนั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า แดนรัตติกาลอยู่ห่างจากที่นี่มาก เหตุใดหนิวโหย่วเต๋อจึงถ่อมาล้างเลือดไกลถึงขนาดนี้ จะแค่เพราะว่าเผ่าเทพอสรพิษดำอ่อนแอรังแกง่ายเชียวหรือ? ไม่มีเหตุผล หรืว่าฝั่งนี้มีคนจับตัวขุนนางตำหนักสวรรค์ไว้จริงจนอีกฝ่ายจับจุดอ่อนได้?

เรื่องลงมือกับขุนนางตำหนักสวรรค์ ใช่ว่าเผ่าเทพอสรพิษดำจะไม่เคยทำ เรื่องบางเรื่องต้องขู่ให้กลัวเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นถ้าปล่อยให้พวกขุนนางตำหนักสวรรค์พากันคิดว่าที่นี่เหมือนลูกพลับอ่อนที่บีบง่าย แบบนั้นจะไม่แย่เหรอ? ในบรรดาขุนนางตำหนักสวรรค์มีพวกโลภมากไม่ขาดอยู่แล้ว ต้องมีขู่กันบ้าง แต่ทีสำคัญคือต้องทำโดยไม่ให้จุดอ่อนไปตกในมือคนอื่น ไม่อย่างนั้นกฎสวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

แม้ในใจจะมีความสงสัย แต่อ๋องอสรพิษดำไม่ยอมรับแน่นอน ตะคอกตอบว่า “หากตั้งใจจะใส่ความ ก็หาข้ออ้างได้เสมอ!”

“พูดได้ดี!” เหมียวอี้แสยะยิ้ม แล้วกวักมือข้างหนึ่งเบาๆ ข้างหลังมีคนคุมตัวโหยวฮ่วนที่สภาพสะบักสะบอมมาตรงหน้าทันที เหมียวอี้เหล่ตามอง แล้วพลันตะคอกว่า “ผู้ช่วยโหยว บอกอ๋องของพวกเจ้าซิ ใครเป็นคนจับสวีถังหรานรองหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลไป?”

ชั่วพริบตานั้น สายตานับไม่ถ้วนจากเผ่าเทพอสรพิษดำไปจ้องอยู่บนตัวโหยวฮ่วนทันที ต่างก็รู้สึกประหลาดใจสงสัย รองหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลเหรอ?

แม้แต่พวกพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำที่ถูกจับไว้ก็หยุดร้องไห้แล้ว ทุกคนมองและตั้งใจฟังเงียบๆ

โหยวฮ่วนเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้ามีแต่ความจนใจ ไม่ยอมพูด และไม่กล้าพูดด้วย ยิ่งไม่กล้ามองสายตาของคนในเผ่า

อ๋องอสรพิษดำจ้องโหยวฮ่วนครู่หนึ่ง แล้วเอียงซ้ายเอียงขวา หลานคนเข้าใจความหมายที่นางสื่อ รีบถลันตัวจากไป ไม่รู้ว่าไปไหนและจะทำอะไร ส่วนอ๋องอสรพิษดำก็ตะโกนเสียงดังว่า “จะดำหรือจะขาวก็ไปโต้เถียงกันที่ตำหนักสวรรค์ได้ ปล่อยคนเผ่าเทพอสรพิษดำของพวกเราก่อน!”

“ปล่อยคน! ปล่อยคน!”

“ปล่อยคน! ปล่อยคน!”

ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำถูกจุดไฟโกรธขึ้นพร้อมกันทันที พากันโบกอาวุธคำราม เสียงดังขึ้นๆ ลงๆ ตามคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ ขณะเดียวกันก็แปรรูปขบวน เข้ามาล้อมทัพใหญ่แดนรัตติกาลไว้อย่างรวดเร็ว สร้างแรงกดดันให้ทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่ใช่น้อย ถึงอย่างไรทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำก็มีกำลังพลมากกว่าฝ่ายนี้ ทั้งยังดูมีศักยภาพไม่อ่อนแอด้วย แถวหน้าสุดก็ยิ่งมีแต่ยอดฝีมือยืนอยู่

ทว่าสำหรับเหมียวอี้ที่ช่ำชองสงครามและผ่านศึกความเป็นความตายมามาก สถานการณ์ตอนนี้กลับไม่มีอะไรให้กลัว ยิ่งอยู่ในเวลาแบบนี้ ยิ่งเขาใจเย็นมากเท่าไร ความคิดก็ปลอดโปร่งมากเท่านั้น เขามีสีหน้าเรียบเฉย สายตาเย็นชา ลักษณะท่าทางสุขุมเยือกเย็น ยามเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่ดุร้ายน่ากลัวก็ยังไม่สะทกสะท้าน มองข้ามทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำที่ล้อมเข้ามา

อ๋องอสรพิษดำและบุคคลระดับสูงของเผ่าเทพอสรพิษดำสังเกตปฏิกิริยาของเหมียวอี้ ตระหนักได้ทันทีว่าฉากนี้ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายตกใจเลย พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของหนิวโหย่วเต๋อมาแล้วไม่น้อย วันนี้ถึงได้รู้ว่าเป็นสมคำร่ำลือจริงๆ ตระหนักได้เช่นกันว่าเรื่องในวันนี้คงจะจบลงสมใจปรารถนาพวกเขาได้ยาก

ไม่ใช่แค่เหมียวอี้ หยางเจาชิงและเหยียนซิว มีใครบ้างที่ไม่ได้ติดตามฝ่าอุปสรรคมาพร้อมกับเหมียวอี้ตลอดทาง พวกเขายืนนิ่งสุขุมเช่นกัน ชิงเยว่กับหลงซิ่นก็ยิ่งเป็นขุนศึกในยุคบุกยึดใต้หล้า ทั้งสองกวาดสายตาเย็นเยียบมองไปรอบๆ อย่างไม่ลนลาน

รอจนกระทั่งฝั่งนี้ถูกล้อมไว้โดยสิ้นเชิง เหมียวอี้ถึงได้เหลือบตาขึ้น แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ปล่อยแล้วจะทำไม?”

อ๋องอสรพิษดำที่กระโปรงปลิวสะบัดกล่าวข่มทันที “อ๋องผู้นี้ได้รับแต่งตั้งจากฝ่าบาท สามารถเข้าประชุมขุนนางในราชสำนักได้ สระน้ำมังกรดำคือสถานที่ส่วนตัวของฝ่าบาท ไม่ยอมให้ใครมาพาลเกเรง่ายๆ หากมีใครมากำเริบเสิบสาน ก็อย่าหาว่าเผ่าเทพอสรพิษดำของข้าไม่เกรงใจ!”

เหมียวอี้เอียงหน้าถ่ายทอดเสียงทันที แล้วยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ่ว ตอบเสียงแข็งกลับไปว่า “หนิวคนนี้ก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะไม่เกรงใจยังไง!”

ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำยังไม่ทันเข้าใจว่าการยกนิ้วหมายความว่าอะไร กำลังพลข้างหลังเหมียวอี้ก็เคลื่อนไหวแล้ว นำพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำพันคนที่จับได้มาไว้ข้างหน้าทันที แต่ละคนถูกกดหัวเอาไว้

“เตรียมลงโทษประหาร!” หลงซิ่นตะโกนเสียงดัง

ดาบพันเล่มถูกยกขึ้นมา พร้อจะฟันลงไปได้ทุกเมื่อ

“ท่านอ๋อง! ช่วยพวกเราด้วย…”

พี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำที่กำลังจะถูกลงโทษประหารร้องไห้ด้วยความตระหนก มีเด็กจำนวนไม่น้อยตกใจจนร้องไห้

“หยุดนะ!”

“เจ้ากล้าเหรอ!”

“เจ้าลองดูสิ!”

ฝั่งทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำมีเสียงตะโกนทันที บ้างก็ตะโกนห้าม บ้างก็ใช้อำนาจข่ม บ้างก็ขู่ให้ตกใจ เสียงของอ๋องอสรพิษดำก็ปนอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน

เหมียวอี้สีหน้าเย็นชา ตะโกนเสียงดังว่า “ประหาร!”

ชวิ้ง! เงากระบี่แสงดายแวบผ่านไป เสียงร้องไห้ที่ดังระงมเงียบแล้ว ศีรษะหลายใบลอยออกไปในดาราจักร เลือดสดหลายสายพุ่งออกมา แล้วกระเด็นไปทางทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำที่อยู่ตรงข้าม

เด็กสตรีและคนชราของเผ่าเทพอสรพิษดำนับพันวอดวายชีวาในชั่วพริบตาเดียว ศพคืนร่างเดิมอย่างรวดเร็ว กลายเป็นงูดำที่ตัวกับหัวอยู่กันคนละที่ ศพที่ไม่สมประกอบถูกผลักไปฝั่งทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำแล้ว เศษร่างกายม้วนกลิ้งอย่างไร้ระเบียบอยู่ในดาราจักร ตัดกับสีของดาวเคราะห์ทะเลเพลิงที่อยู่ไม่ไกล อยู่ในดาราจักรสามารถมองเห็นทะเลเพลิงบนดาวเคราะห์ดวงนั้นได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ราวกับเป็นพระอาทิตย์ดวงเล็ก แต่สิ่งที่แตกต่างกับพระอาทิตย์ก็คือมีควันหนาลอยโขมง

มือดาบที่ลงโทษประหารแล้วถอยกลับเข้าไปในกระบวนทัพใหญ่ทันที

ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำตะลึงค้างแล้ว จากนั้นก็มีคนคำรามอย่างโกรธแค้น “ท่านอ๋อง! ฆ่าพวกมันเลย!”

บางคนถึงขั้นไม่สนใจคำสั่งท่านอ๋อง ตะโกนเสียงแตกบอกคนในเผ่าตัวเองแล้วว่า “ตามข้าไปสังหาร!”

กระบี่ในมือเหมียวอี้จ่อบนคอโหยวฮ่วนแล้ว หลงซิ่นส่งสัญญาณมือให้ทัพใหญ่ข้างหลังทันที ทัพใหญ่แดนรัตติกาลจ่อดาบบนคอเชลยศึกเผ่าเทพอสรพิษดำอีก

“ท่านอ๋อง! ช่วยพวกเราด้วย…”

ชั่วพริบตาเดียว เสียงร้องตกใจ เสียงกรีดร้อง เสียงร้องไห้ดังขึ้นอีกครั้ง

“หยุดนะ!” อ๋องอสรพิษดำรีบตะโกนห้ามคนที่พุ่งออกไป

ไม่ต้องรอให้นางตะโกน กำลังพลกลุ่มที่พุ่งออกไปชำเลืองมอง เด็กสตรีและคนชราเผ่าเทพอสรพิษดำที่กำลังจะหัวหลุดแล้ว พวกเขาทยอยกันหยุดเพราะกลัวลูบหน้าปะจมูก ชายร่างกำยำที่นำหน้ามาตะโกนด่าเหมียวอี้อย่างเกรี้ยวกราด “ต่ำช้า! ไร้ความละอาย!”

เหมียวอี้ชี้กระบี่ในมือไปทางกำลังพลที่พุ่งเข้ามา กำลังพลสามพันคนข้างหลังเขาลอยขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็วธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สามพันคันง้างสายแล้ว

“ถอย!” ชายร่างกำยำที่พุ่งเข้ามาสั่งให้กำลังพลถอยไปข้างหลังทันที

ทว่าบอกให้ถอนกำลังตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เหมียวอี้โจมตีอย่างไม่ปรานีหากคนพวกนี้เคลื่อนไหวผิดปกติ เจตจำนงที่เขาแสดงออกมาตอนนี้ จะให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขากังวลหรือหวั่นไหวไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับเอาชีวิตของทัพใหญ่หนึ่งแสนมาล้อเล่น ต้องรู้ไว้ว่าตอนนี้ทัพใหญ่หนึ่งแสนกำลังถูกทัพใหญ่ของ่ายตรงจ้ามล้อมไว้ เจตจำนงและการแสดงออกของเขาจะเป็นตัวตัดสินขวัญกำลังใจของทัพใหญ่หนึ่งแสนโดยตรง

ในฐานะผู้บัญชาการทัพ ตอนนี้เขาแสดงความเด็ดขาดในการสังหารออกมาจนหมด อยู่บนสนามรบต้องพลิกแพลงตามสถานการณ์ ต้องไร้หัวใจ เพราะผลที่ตามมาจากการเมตตาศัตรู เขาเองนั้นรับผิดชอบไม่ไหว

เขาผ่านศึกเล็กศึกใหญ่มาแล้วกี่ครั้ง แม้แต่ตัวเองก็นับจำนวนได้ไม่ชัดเจน เริ่มตั้งแต่ที่พิภพเล็ก เวลานำทัพออกรบแล้วกลับมา หลายครั้งที่เขามองกำลังพลที่เหลือด้วยความหดหู่  ศึกที่น่านฟ้าระกาติงยับเยินขนาดไหน กำลังพลครึ่งกองธงถูกโจมตีจนพิการ ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพ นั่นคือผลลัพธ์ที่เขาไม่อยากเห็น ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพ เมื่อนำกำลังพลออกมาแล้ว ความรับผิดชอบตามจริยธรรมของเขาก็คือพยายามนำกำลังพลกลับไปโดยครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับไม่ซื่อสัตย์ต่อกลุ่มคนที่จงรักภักดีต่อตน!

ดังนั้นเขาจึงชี้คมกระบี่ไปตรงหน้าอีกครั้งด้วยสีหน้าเย็นเยียบเงียบขรึม ออกคำสั่งโจมตี!

เสียงยิงลูกธนูดาวตกดังเหมือนจุดปะทัด ลูกธนูสามดอกยิงพร้อมกัน ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สามพันคัน มีลูกธนูดาวตกเกือบหมื่นกลายเป็นลำแสงยิงออกไปราวกับพายุฝนคลั่ง

กำลังพลตรงข้ามที่กำลังถอยหลังชุลมุนวุ่นวายทันที ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังถี่และต่อเนื่อง บางคนลนลานยกโล่ขึ้นมากำบัง บางคนส่งเสียงร้องคร่ำครวญ

คนสิบกว่าคนรีบชูโล่กำบังมาขวางตรงหน้าชายร่างกำยำคนนั้น แต่กลับถูกฝนธนูที่ยิงรวมเข้ามาอย่างหนาแน่นถล่มจนกระเด็นออกไปแล้ว ชายร่างกำยำสะเทือนจนกระอักเลือด ร่างกายสั่นเทิ้มอยู่พักหนึ่ง ทั้งตัวถูกลูกธนูเสียบราวกับเม่น ลูกธนูที่เด้งกลับมาดึงเลือดให้พุ่งกระฉูดออกมาด้วย ลูกธนูดาวตกเกือบหมื่นส่วนใหญ่เล็งไปหาเขาที่พุ่งนำออกมาก่อน แค่คิดก็รู้แล้วว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

ในดาราจักรทิ้งศพไว้อีกนับร้อย คนที่เหลือรอดหนีกลับมาอย่างหวาดกลัว

“หนิวโหย่วเต๋อ!” อ๋องอสรพิษดำที่งดงามราวเทพีไม่รักษาภาพลักษณ์แล้ว ชี้หน้าคำรามใส่เหมียวอี้จนคอแทบแตก

ทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำแต่ละคนเดือดดาลจนตาแทบลุกเป็นไฟ อยากจะพุ่งเข้าไปสับเหมียวอี้เป็นพันชิ้นหมื่นชิ้น ทว่าไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ชีวิตของเด็กสตรีและคนชรานับแสนของเผ่าเทพอสรพิษดำอยู่ภายใต้คมดาบของเหมียวอี้แล้ว

โหยวฮ่วนที่มองตาปริบๆ มีสีหน้าอย่างไรบอกไม่ถูก ให้ความรู้สึกเหมือนโดนทรมานจนเป็นบ้าไปแล้ว ถ้ายังมีโอกาสรอดชีวิตต่อไป ทั้งชีวิตนี้เขาก็ไม่อยากเห็นหนิวโหย่วเต๋อคนนี้อีก!

เหมียวอี้ราวกับราชามารที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “หนิวจะพูดอีกครั้ง ส่งตัวสวีถังหรานมา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าหนิวคนนี้เอาชีวิตพวกเจ้าฝังลงหลุมศพเป็นเพื่อนสวีถังหราน!”

ในขณะนี้เอง โหยวโยวมาแล้ว ถูกผู้อาวุโสหลายคนของเผ่าเทพอสรพิษดำลากกลับมาด้วยกัน ผมยาวยุ่งเหยิง ทั้งตัวราวกับสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มองดาวเคราะห์ที่ยังคงลุกไหม้ แล้วมองศพเผ่าเทพอสรพิษดำที่ลอยอยู่ในดาราจักรอีกครั้ง สีหน้าเศร้าสลดใจ

หลังจากทำให้เรื่องลุกลามจนไม่อาจแก้ไขได้ นางเคยคิดจะหนี อยากจะหนีหายไปในทะเลดาวอันกว้างใหญ่และไม่คิดจะกลับมาอีก แต่ลูกชายนางอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อ ทั้งยังมีเผ่าเทพอสรพิษดำมากมายที่ตกอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋ออีก สุดท้ายนางก็ไม่ได้หนี

ตอนนี้นางไม่กล้าเผชิญหน้ากับสายตาของคนในเผ่า นางเห็นลูกชายที่กำลังทำสีหน้าเศร้าสลด พอจะเดาออกแล้วว่าคนที่อยู่หน้าสุดฝ่ายตรงข้ามคือหนิวโหย่วเต๋อ จู่ๆ น้ำตาก็ไหลพราก กล่าวด้วยรอยยิ้มน่าเวทนา “หนิวโหย่วเต๋อ ถ้ามีอะไรข้าจะรับไว้คนเดียว คนในเผ่าข้าไม่เกี่ยว ปล่อยพวกเขาไป!”

หลังจากได้รับคำบอกใบ้นี้ รู้แล้วว่าคนคนนี้คือโหยวโยว เหมียวอี้ก็บอกว่า “ชีวิตต่ำต้อยของเจ้าชีวิตเดียวรับผิดชอบไม่ไหวหรอก ส่งตัวสวีถังหรานมา ข้าจะปล่อยพวกเขาไป ไม่อย่างนั้นก็เลิกคิดจะรอดกลับแม้แต่คนเดียว!”

“มีเรื่องอะไรกันแน่?” อ๋องอสรพิษดำเดือดดาลแล้ว จ้องโหยวโยวพลางตะคอกถาม

โหยวโยวหันตัวมาช้าๆ แล้วร้องไห้พลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ไฟ ไม่ได้ปิดบังอะไร

ขอบเขตการถ่ายทอดเสียงไม่กว้างมาก มีเพียงพวกอ๋องอสรพิษดำที่อยู่ตรงหน้าที่ได้ยิน ทว่าความจริงของเรื่องนี้ก็ทำให้คนโกรธจนตัวสั่น แต่ละคนอยากสับนางสักพันดาบ

“เจ้า…” อ๋องอสรพิษดำชี้นาง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่กระชั้น สุดท้ายนางก็พยายามข่มไฟโกรธเอาไว้ ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องรับมือกับภายนอก เรื่องภายในเผ่าเทพอสรพิษดำเดี๋ยวค่อยว่ากัน นางจ้องเหมียวอี้อีกครั้ง แล้วกล่าวเสียงดังว่า “คนที่เจ้าต้องการอยู่ในมือตระกูลอิ๋ง ถ้าตอนนี้เจ้าปล่อยพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำของข้ามา ข้าจะทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ข้ารับประกันตรงนี้ ว่าเผ่าเทพอสรพิษดำจะไม่สืบสาวเอาเรื่อง ถ้าอยากได้คนก็ไปเอาที่ตระกูลอิ๋งเอง ปล่อยคนเดี๋ยวนี้!”

………………