ระยะนี้สัตว์ประหลาดยุคโบราณปรากฏตัวอย่างสะดุดตาไม่ขาดสาย เยื้องย่างในโลก ต่างสง่างามล้ำเลิศเหนือใคร ความโดดเด่นบดบังเหล่าผู้กล้าในปัจจุบันโดยสมบูรณ์

กระทั่งตอนนี้ยังไม่มีใครเอาชนะสัตว์ประหลาดยุคโบราณได้ ถึงกับพูดได้ว่าแทบถูกลิขิตให้ต้องถูกกำราบ!

แต่วันนี้เทพมารหลินที่เก็บตัวเงียบมาสองเดือนปรากฏตัวอีกครั้งอย่างโดดเด่น กำราบจินเซี่ยวหมิง สัตว์ประหลาดยุคโบราณจากเผ่างูราชันทองคำอย่างราบคาบ เรื่องนี้มีความหมายไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

หากแพร่ออกไปเทพมารหลินต้องได้รับเกียรติยศในฐานะที่กำราบสัตว์ประหลาดยุคโบราณได้เป็นคนแรก ทำให้ใต้หล้าจับจ้องแน่!

ทั้งบนล่างของภูเขาตอนนี้ต่างสะท้านไหวไม่อาจสงบใจได้ ทุกสายตาที่มองไปยังหลินสวินมีความเคารพเจือด้วยความยำเกรง

จินเซี่ยวหมิงซึ่งเย่อหยิ่งจองหองถึงที่สุดถูกกำราบ สามารทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องส่งเสียงร้องชื่นชม

“เฮ้อ โดนแย่งความโดดเด่นไปหมดแล้ว” เจ้าคางคกถอนใจยาว ท่าทางหดหู่

อาหลู่ตบไหล่เขา ดูเห็นอกเห็นใจยิ่งพลางพูดว่า “ไม่เป็นไร ภายหน้ายังมีโอกาสอีกเยอะ”

เวลานี้จินเซี่ยวหมิงถูกคุมตัวไว้ เลือดอาบไปทั้งตัว บาดแผลมากมาย นอนแผ่อยู่บนพื้น

เพียงแต่สีหน้าเขาไม่มีความหวาดกลัว โกรธเคืองหรือไม่ยินยอม กลับเย็นชาและสุขุมผิดธรรมดา

“ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ดูเบาเจ้าไป แต่นี่ก็เป็นเพียงร่างแยกร่างหนึ่งของข้าเท่านั้น หากร่างต้นของข้ามา ใครจะแพ้ใครจะชนะคงพูดยาก” จินเซี่ยวหมิงพูดเสียงเหี้ยม

ร่างแยก!

เมื่อพูดคำนี้ออกมาทั่วทั้งลานต่างตื่นตระหนก พวกฉีชงโต้วล้วนฉงนสงสัยอยู่บ้าง

ร่างแยกร่างหนึ่งยังแข็งแกร่งปานนี้หรือ

หากที่จินเซี่ยวหมิงพูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นก็น่าตกใจแล้ว!

หลินสวินกลับมีท่าทางเหมือนตระหนักได้โดยพลัน เอ่ยว่า “มิน่าถึงได้อ่อนแอเช่นนี้ แต่ร่างแยกยังอ่อนแอขนาดนี้ ข้าว่าร่างต้นก็คงไม่แข็งแกร่งอะไร”

เขาพูดออกมาอย่างผ่อนคลาย แต่เมื่อถึงหูทุกคนกลับเป็นคนละเรื่อง ต่างรู้สึกได้ถึงความแข็งกร้าวและอหังการอันไร้รูปร่าง!

ด้านจินเซี่ยวหมิงกลับโกรธจนแทบกระอักเลือด เดิมเขาคิดว่าหลินสวินจะหวาดกลัว ไหนเลยจะคาดว่าเจ้าหมอนี่กลับตอบสนองเช่นนี้

ยังมองเขาว่าอ่อนแอเกินไปดังเดิม ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา!

นี่เป็นการดูแคลนพลังต่อสู้ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งตรงไปตรงมาและหยาบกระด้าง!

“ได้ยินว่าเนื้องูก็เป็นยาบำรุง สามารถนำมาเคี่ยวเป็นน้ำแกงงูได้ เป็นหนึ่งในอาหารเลิศรสของโลก ไม่เลวจริงๆ”

หลินสวินประเมินจินเซี่ยวหมิงตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนกำลังประเมินวัตถุดิบอาหารชั้นเลิศชิ้นหนึ่ง

จินเซี่ยวหมิงพลันขนลุกเกรียว นัยน์ตามรกตทั้งคู่พลันหดรัดลง ไม่อาจสงบนิ่งได้โดยสิ้นเชิงแล้ว เจ้าหมอนี่…

เจ้าหมอนี่คิดจะกินเขาหรือ!?

จินเซี่ยวหมิงอึ้งงันอยู่บ้าง เขาเป็นถึงสัตว์ประหลาดยุคโบราณ แต่ตอนนี้กลับถูกมองว่าเป็นวัตถุดิบอาหาร นี่กระทบกระเทือนความภาคภูมิของเขามากเกินไปแล้ว

คนอื่นๆ ก็สีหน้าแปลกไปเช่นกัน ข่าวที่ลือมาเป็นจริงดังคาด เทพมารหลินไม่เพียงใจกล้าสะท้านฟ้า แม้แต่ความอยากอาหารก็แก่กล้าผิดขนบ!

นี่คือคิดจะกินร่างแยกของสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่งเชียวนะ!

หากแพร่งพรายออกไปใครจะเชื่อได้กัน

“เจ้าอย่าทำอะไรโง่ๆ จะดีที่สุด ขอเพียงเกิดเรื่องไม่คาดฝันสักนิดเดียวกับร่างแยกของข้า ร่างต้นก็จะจู่โจมมาทันที!” จินเซี่ยวหมิงสีหน้าเขียวคล้ำ น้ำเสียงเจือการข่มขู่

“ร่างต้นก็มาหรือ เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก จะได้เอาร่างต้นกับร่างแยกมาตุ๋นหม้อเดียวกันพอดีเลย” หลินสวินพูดอย่างสบายนัก

“เจ้า…” จินเซี่ยวหมิงแทบทรุดทลาย เขาเพิ่งเคยเห็นคนที่ยึดมั่นแข็งกร้าวจนเลอะเลือนเช่นนี้เป็นครั้งแรก

เขาสูดหายใจลึก พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “เจ้าควรรู้ว่าถ้าล่วงเกินข้าก็เท่ากับล่วงเกินกับเผ่างูราชันทองคำไปด้วย อีกทั้งสัตว์ประหลาดยุคโบราณบางคนที่ข้าเคยร่วมสาบานด้วยก็ย่อมไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

“หนวกหู!”

หลินสวินตบเขาจนกระอักเลือด ฟันร่วงลงมาหลายซี่ “ไม่ว่าเป็นใคร และไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนไหน ก็ช่วยเจ้าไม่ได้”

ผู้ฝึกปราณในที่นั้นหวาดหวั่น นี่เทพมารหลินกำลังประกาศศึกใช่ไหม

ผู้คนในโลกรอคอยมานานมากแล้ว ทุกคนต่างรอคอยให้บุคคลแห่งยุคอย่างอวิ๋นชิ่งป๋ หวังเสวียนอวี๋ เย่หมัวเฮอ เยี่ยนจั่นชิวและหลินสวินออกโรงโจมตี!

เพราะช่วงนี้สัตว์ประหลาดยุคโบราณต่างท่องโลก แทบกวาดล้างเหล่าผู้กล้ายุคปัจจุบัน นี่ทำให้คนรุ่นเยาว์ต่างเชิดหน้าไม่ขึ้น ในใจสั่งสมความไม่ยินยอม

หลายคนต่างตั้งหน้าตั้งตาคอย คอยให้สัตว์ประหลาดยุคโบราณประสบความพ่ายแพ้!

“หลินสวิน เจ้าคงไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดยุคโบราณ รากฐานพลังของคนอย่างพวกเราเกินกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้ เหนือกว่ายุคปัจจุบันไปไกล บุคคลขอบเขตมกุฎที่เหยียบย่างเข้าสู่ระดับบรรลุสูงสุดมีนับไม่ถ้วน กระทั่งยังมีบุตรเทพและครรภ์วิญญาณที่มีพรสวรรค์หลายคน!”

จินเซี่ยวหมิงน้ำเสียงอึมครึม “เจ้าเลือกเป็นศัตรูกับพวกเรา เกรงว่าผลลัพธ์จะไม่ใช่สิ่งที่เจ้ารับไหว!”

หลินสวินยิ้มหยัน “อย่างเจ้าก็คิดจะเป็นตัวแทนของสัตว์ประหลาดยุคโบราณในใต้หล้าหรือ เจ้าหุบปากจะดีที่สุด ขู่ข้าไปก็ไร้ประโยชน์ ถ้ายั่วให้ข้าหงุดหงิดแล้ว ข้าก็ไม่ถือสาที่จะเอาเจ้าไปตุ๋นหรอกนะ”

จินเซี่ยวหมิงสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เขารู้สึกได้ว่าแม้วาจาหลินสวินจะเรื่อยเปื่อย แต่เขาต้องกล้าทำเช่นนี้แน่!

ความจริงแล้วถ้อยคำที่จินเซี่ยวหมิงพูดไปก่อนหน้านี้นั้นยังก่อให้เกิดคลื่นระลอกใหญ่ ทำให้ผู้ฝึกปราณในที่นั้นล้วนจิตใจสั่นสะท้าน

บุคคลขอบเขตมกุฎที่เหยียบย่างระดับบรรลุสูงสุดมีมากมายนับไม่ถ้วนหรือนี่!?

หากนี่เป็นเรื่องจริง พลังที่แท้จริงทั้งหมดของสัตว์ประหลาดยุคโบราณต้องน่าหวาดหวั่นยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

“ข้าเพียงเตือนเจ้าว่ากระทั่งตอนนี้บุคคลน่ากลัวที่แท้จริงบางคนยังไม่เคยลงมือ ต่อให้เป็นบุคคลขอบเขตมกุฎชั้นยอดในยุคปัจจุบันอย่างเจ้า แต่เมื่อมหายุคมาเยือนก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้”

วาจาของจินเซี่ยวหมิงสำรวมลงมากอย่างเห็นได้ชัด ไม่กล้างัดข้อ แต่ในถ้อยคำยังเผยให้เห็นความข่มขู่ดังเดิม

ทว่าทำให้เขาผิดหวังเสียแล้ว เมื่อได้ยินวาจาเช่นนี้สีหน้าหลินสวินกลับเป็นปกติ ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เหมือนไม่สนใจเรื่องทั้งหมดนี้เลย

เจ้าหมอนี่เป็นเทพมารที่ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดจริงๆ หรือ

จินเซี่ยวหมิงออกจะท้อใจเสียแล้ว

และเห็นเช่นนี้ผู้ฝึกปราณในที่นั้นจึงแน่ใจเรื่องหนึ่งในที่สุด นั่นก็คือเทพมารหลินที่ออกจากการปิดด่านเก็บตัว ไม่กลัวสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ว่านั้นสักคนแล้ว!

กระทั่งพวกเขาถึงขั้นรู้สึกว่าหลินสวินออกจะตั้งตารอคอย อยากต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สัตว์ประหลาดยุคโบราณสักตั้ง!

ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะหลินสวินจองหองหยิ่งผยอง แต่เป็นเพราะเขาบ่มเพาะความผงาดผยองเหนือศัตรู ไม่หวั่นกลัวสรรพสิ่ง มีเพียงสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองถึงที่สุดจึงเป็นเช่นนี้

หลินสวินถึงกับกล้าตัดบท ขอเพียงทำได้เท่าเขา ทุกคนก็จะไม่กลัวการต่อสู้ และไม่ถูกการข่มขู่ใดๆ ส่งผลต่อปณิธาน

อย่างหมีเหิงเจินที่รับคำท้าสู้ของสัตว์ประหลาดยุคโบราณไป๋หลงถิงเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน ก็ต้องมีความกล้าแบบนี้เช่นกัน หาไม่แล้วเขาคงไม่ไปรับคำท้าเช่นนี้ในฐานะเจ้าภาพระหว่างจัดงานชุมนุมพันกระแส

ส่วนจินเซี่ยวหมิงผู้นี้ แม้เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ ว่าด้วยความกล้ากลับด้อยกว่าขั้นหนึ่ง หลังจากพ่ายแพ้ยังเอ่ยวาจาข่มขู่ หวังจะอาศัยชื่อเสียงของผู้อื่นมาทำให้เขาหวาดกลัว

นี่เพียงพอพิสูจน์ได้ว่า ในใจจินเซี่ยวหมิงคิดว่าแม้ร่างต้นมาก็เป็นไปได้มากว่าจะปราชัย!

ไม่นานนักบรรยากาศบนเขาวิญญาณพันกระแสกลับมาครึกครื้น ทุกคนใช้ชาแทนสุรา พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน กลมเกลียวกันนัก

ส่วนหลินสวิน เจ้าคางคกและอาหลู่ก็เป็นจุดสนใจของงานชุมนุม ถูกผู้ฝึกปราณมากมายห้อมล้อม สนทนาพาที ประหนึ่งดาวล้อมเดือน

ส่วนจินเซี่ยวหมิงที่ถูกกักตัวไว้กับพื้นก็ถูกเมินไปทั้งอย่างนั้น

“ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ทำไมสหายยุทธ์หมีเหิงเจินยังไม่กลับมา คงไม่ใช่ว่า…”

มีคนเอ่ยปาก วิตกกังวลนัก

หมีเหิงเจินเป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนุมครั้งนี้ แต่ตอนนี้เขาไปประลองกับไป๋หลงถิงและยังไม่กลับมา นี่จะให้ทุกคนไม่กังวลได้อย่างไร

“ร่างต้นของเจ้าล่ะ ทำไมถึงยังไม่มาสักที ข้ายังรอจับพวกเจ้าไปตุ๋นหม้อเดียวกันนะ” หลินสวินทอดสายตามองจินเซี่ยวหมิง

จินเซี่ยวหมิงสีหน้าเหยเกถึงที่สุด ส่งเสียงหึหยันแล้วพูดว่า “ข้าจะบอกเจ้าให้ ร่างต้นข้าก็อยู่ที่เนินสิบลี้ กำลังดูการประลองระหว่างหมีเหิงเจินกับไป๋หลงถิงอยู่ ถ้าเจ้ากล้าจริงจะไปเองก็ได้!”

เนินสิบลี้!

นี่เป็นสถานที่ประลองของหมีเหิงเจินกับไป๋หลงถิงจริงๆ เพียงแต่ผู้ฝึกปราณในงานชุมนุมต่างคิดไม่ถึงว่าร่างต้นของจินเซี่ยวหมิงจะอยู่ที่เนินสิบลี้เสียได้!

เห็นได้ชัดว่าร่างแยกของเขามายังเขาวิญญาณพันกระแสคราวนี้ ก็เพราะแน่ใจอยู่ก่อนแล้วว่าหมีเหิงเจินไม่อยู่ ถึงได้กล้ามาหาเรื่องอย่างไม่หวั่นเกรง

“เนินสิบลี้อยู่ที่ไหน” หลินสวินถามฉีชงโต้ว

“ห่างจากที่นี่ไปหนึ่งหมื่นหกพันลี้” ฉีชงโต้วพูดถึงตรงนี้พลันรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง เอ่ยว่า “พี่หลินนี่เจ้าจะไปหรือ”

“ไปดูหน่อยก็ดี”

หลินสวินตัดสินใจแล้ว หมีเหิงเจินเป็นหนึ่งในบุคคลขอบเขตมกุฎที่โดดเด่นที่สุดในปัจจุบัน กิตติศัพท์สะเทือนแปดทิศ

ส่วนไป๋หลงถิงผู้นั้นก็เป็นคที่นเจิดจรัสยิ่งในหมู่สัตว์ประหลาดยุคโบราณ การประลองระหว่างทั้งสองดึงดูดใจหลินสวินอย่างยิ่ง

เพียงแต่เมื่อหลินสวินเตรียมจะเคลื่อนไหว บนเวิ้งฟ้าไกลออกไปจู่ๆ ก็มีเรือรบเก่าแก่ลำหนึ่งพุ่งมา บนลำยานปรากฏภาพสุริยันจันทราเจือแสงสว่างเป็นประกายแผ่พุ่งไปในชั้นเมฆ ไม่นานก็เข้ามาใกล้

“เป็นเรือรบของตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราของข้า ศิษย์พี่หมีเหิงเจินกลับมาแล้ว!”

ฉีชงโต้วตาลุกวาว มีชีวิตชีวาขึ้นมา

ในขณะเดียวกันทุกคนก็เห็นว่าบนเรือรบมีเงาร่างสูงใหญ่กำยำร่างหนึ่งยืนตระหง่านอยู่ รอบกายอาบอยู่กลางรัศมีสุริยันจันทรา สง่างามเหนือผู้ใด

เมื่อมองอย่างละเอียด คนผู้นั้นเป็นชายหนุ่มที่สวมชุดแขนกว้างเข็มขัดใหญ่ รูปลักษณ์สง่างามหมดจด หน้าผากกว้างผุดผ่อง ท่วงท่างดงาม

มีบางคน ปราดเดียวก็ดูความไม่ธรรมดามีเอกลักษณ์ออก

เช่นหมีเหิงเจินที่ปรากฏตัวขึ้นเวลานี้!

เพียงแต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะโห่ร้องยินดี กลับเห็นว่าด้านหลังเรือรบยังมีรุ้งเทพสีเขียวสายหนึ่งแหวกห้วงอากาศเข้ามาใกล้ด้วยความรวดเร็วน่าเหลือเชื่อ

ในขณะเดียวกันจินเซี่ยวหมิงที่ถูกกักตัวไว้กับพื้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา ความปรีดาแผ่พุ่งออกมาจากนัยน์ตาสีเขียวมรกต

และทุกคนก็ได้เห็นว่ารุ้งเทพสีเขียวสายนั้น มีชายหนุ่มที่รูปลักษณ์เหมือนกับจินเซี่ยวหมิงไม่มีผิดผู้หนึ่งขี่อยู่

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ต้องเป็นร่างต้นของจินเซี่ยวหมิง!

“สหายยุทธ์ เจ้าตามติดข้ามาตลอดทาง อยากจะประลองกับข้าสักครั้งตามไป๋หลงถิงด้วยหรือ” บนเวิ้งฟ้า เรือรบหยุดลง หมีเหิงเจินหันหลังฉับพลัน มองไปยังจินเซี่ยวหมิงที่พุ่งเข้ามา

“หึ! เจ้าคิดมากไปแล้ว ร่างแยกของข้าถูกกักอยู่บนเขาวิญญาณพันกระแส ข้ามาดูเสียหน่อยว่าเป็นอริยเทพคนใดกันแน่ที่กล้ากำราบข้า!”

ร่างต้นจินเซี่ยวหมิงร้องหึหยัน สุ้มเสียงราวอสนีบาตสะเทือนฟ้าดิน

หมีเหิงเจินอึ้งไป เหมือนประหลาดใจอยู่บ้าง เอ่ยว่า “บนเขาวิญญาณพันกระแสยังมีคนที่สามารถกำราบร่างแยกของเจ้าได้หรือนี่ เก่งกาจเช่นนี้ข้าก็อยากรู้จักเสียหน่อย”

น้ำเสียงเจือความสงสัย

ร่างต้นของจินเซี่ยวหมิงสีหน้าถมึงทึง คิดว่าคำพูดนี้ของหมีเหิงเจินแฝงอาการมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น

ยามเอ่ยวาจา พวกเขาก็มาถึงเบื้องหน้าเขาวิญญาณพันกระแสแล้ว และตอนนี้ร่างต้นของจินเซี่ยวหมิงก็ตะคอกออกมาว่า “ใครมันรังแกร่างแยกของข้า ยังไม่เสนอหน้าออกมาอีก!”

เสียงดังกึกก้อง เผยไอสังหารคับฟ้า

——