ตอนที่ 2411

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,411 : ต้วนหลิงเทียนผู้ดื้อรั้น

 

“ข้าล่ะไม่คิดไม่ฝันจริงๆ…ต้วนหลิงเทียนที่แท้เจ้ากลับมียอดสมับติสวรรค์อย่างเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไว้ในครอบครอง!”

 

จางยี่กล่าวถึงจุดนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลากอึกใหญ่ สีหน้าท่าทีของมันที่ใช้มองเขายังเต็มไปด้วยความนับถือเลื่อมไส จนแทบจะใกล้เคียงกับการเทิดทูนบูชา ทำราวกับวัยรุ่นในโลกเก่าเขากำลังพบพานไอดอล…

 

“ต้วนหลิงเทียน…เจ้าเอาเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติออกมาให้ข้าดูชมหน่อยได้ไหม? รีบเอาออกมาให้ข้าดูเร็ว!”

 

จางยี่มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอย่างกระตือรือร้น

 

อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำเว้าวอนของจางยี่ สีหน้าต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนซึมเซา กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ถูกทำลายไปแล้ว ผู้เฒ่าหั่วเองก็ไม่รอด…”

 

“ว่าอะไร!?”

 

แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ สีหน้าจางยี่เปลี่ยนไปทันที ยังส่ายหัวออกมาอย่างแรง

 

“เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้! มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย! ในระนาบโลกียะไม่มีพลังอำนาจอะไรสามารถทำลายเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้!”

 

“ลำพังแค่ยอดสมบัติสวรรค์ทั่วไปก็ทนทานมากแล้ว นับประสาอะไรกับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติที่นับเป็นยอดสมบัติสวรรค์อันล้ำค่าในระนาบเทวโลก! กระทั่งให้ตัวตนอย่างต้าหลัวจินเซียนลงมือ ก็ไม่มีทางทำลายเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้!”

 

หลังกล่าวแย้งออกมาพักหนึ่ง จางยี่ก็มองจี้ถามต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียนเจ้าใช่ผิดไปหรือไม่ จริงอยู่เรื่องเจดีย์หลิงหลง 7 สมับติที่เจ้าได้รับมานั้นไม่ใช่ของปลอมแน่..แต่อาจเป็นเจ้าเข้าใจผิดไปเองว่ามันถูกทำลายไปแล้ว!”

 

รอบนี้จางยี่ไม่ได้สงสัยว่าต้วนหลิงเทียนได้เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปครองจริงหรือไม่

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องสีหน้าความรู้สึกเศร้าสลดที่ฉายชัดออกมาจากส่วนลึกของแววตา เรื่องอีกาทองคำ 3 ขาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงไม่เว้นยอดสมบัติสวรรค์ประจำชั้นต่างๆ มันก็รู้ได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้โกหก

 

“ก็ใช่ที่ในระนาบโลกียะ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพลังอำนาจอันใดสามารถทำลายยอดสมบัติสวรรค์ได้ ต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ก็ตามที…”

 

ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจ ค่อยกล่าวสืบต่อ “แต่ที่ไฉนมันถูกทำลายลง ทั้งหมดเป็นเพราะผู้เฒ่าหั่ว อีกาทองคำ 3 ขาวิญญาณประจำเจดีย์ใช้กลวิธีบางประการทำลายมันเพื่อสร้างทางหนีให้ข้า…และตอนนั้นเองพันธะระหว่างข้ากับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็สะบั้นลง…”

 

นึกถึงฉากเรื่องราวตอนที่ถังซวนลงมือเข่นฆ่าเข้ามา จนเขาถูกบีบคั้นให้ย้อนกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่าง สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็แลดูว่างเปล่านัก คล้ายสูญเสียสิ่งสำคัญไป

 

“อีกาทองคำ 3 ขาใช้กลวิธีบางประการทำลายเจดีย์เพื่อสร้างทางหนีให้เจ้า?”

 

จางยี่ได้ฟังก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาอีกรอบ “เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย แม้อีกาทองคำ 3 ขาจะเป็นวิญญาณประจำเจดีย์ แต่ก็ไม่มีทางฆ่าตัวตายเพื่อทำลายเจดีย์ได้”

 

“เพราะเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั่นนับเป็นยอดสมบัติสวรรค์ระดับต้นๆ! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่วิญญาณประจำเจดีย์ไม่มีทางมีพลังอำนาจมากพอกระทำแบบนั้น ต่อให้มีพลังอำนาจมากพอ…ต่อให้ระเบิดตัวเองอย่างไรก็ไม่มีทางทำลายเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้เลย!”

 

“เพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่มันกลายเป็นวิญญาณประจำเจดีย์ มันก็เหมือนอุปกรณ์เสริมของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปแล้ว…ถึงจะฟังแล้วแสลงหูไปหน่อย แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

 

จางยี่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ

 

ในฐานะศิษย์คนหนึ่งของสำนักเทียนซือ นอกจากบ่มเพาะพลังแล้ว จางยี่ยังมีงานอดิเรกอย่างการอ่านหนังสือ และบันทึกเรื่องราวต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจดาวเหยียนหวง ดาวเคราะห์ต้นกำเนิดที่บรรพชนอพยพจากมา รวมถึงหาความรู้รอบตัวเท่าที่หาได้ในระนาบเหยียนหวง

 

ในบรรดาองค์ความรู้มากมายย่อมมีเรื่องวิญญาณประจำเจดีย์อยู่บ้าง ยอดคนในระนาบเหยียนหวงมากมายได้สรุปเรื่องนี้เอาไว้ไม่น้อย รวมไปถึงความแตกต่างระหว่างวิญญาณประจำสมบัติ กับจิตวิญญาณสมบัติ…

 

ดังนั้นมันจึงสรุปได้ทันที

 

ถึงแม้ว่าอีกาทองคำ 3 ขาจะเป็นวิญญาณประจำเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!

 

“แต่ตอนนั้น…พันธเชื่อมต่อระหว่างข้ากับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ขาดหายไปจริงๆ…”

 

ได้ยินคำกล่าวด้วยน้ำเสียงท่าทีจริงจังของจางยี่ ต้วนหลิงเทียนเองก็อยากจะเชื่อแบบนั้นเหลือเกิน แต่เขาพบว่ามันยากจะเชื่อได้

 

นอกจากนี้ยังมีใครที่หวังให้เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติรวมถึงผู้เฒ่าหั่วยังอยู่รอดปลอดภัยไม่ได้ถูกทำลายมากกว่าเขา?

 

แต่เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้ด้วยหรือ?

 

เพราะตอนนั้นเขาตระหนักได้ชัดเจน ว่าพันธะเชื่อมต่อระหว่างเขากับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ มันได้หายไป…

 

และพันธะที่เชื่อมระหว่างเขากับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้น ให้เป็นวิญญาณประจำเจดีย์อย่างผู้เฒ่าหั่ว ก็ไม่มีทางสะบั้นมันลงได้!

 

“ไหนเจ้าลองอธิบายรายละเอียดทั้งหมดให้ข้าฟังดู…ข้าลองถามตัวเองดูก็ตอบได้เต็มปาก ว่าหากเป็นเรื่องยอดสมบัติสวรรค์ข้าเองก็มีความรู้ไม่น้อย บางเรื่องข้ามั่นใจแน่ว่าไม่ผิด!”

 

ฟังจากประโยคดังกล่าว ดูเหมือนจางยี่จะมั่นใจในตัวเองเรื่องนี้มาก

 

เมื่อเห็นว่าจางยี่ไม่ได้ล้อเล่นเรื่องนี้ กระทั่งยังจริงจังนัก ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้จางยี่ฟังทันที ว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

“ตอนนี้เจ้ายังคิดว่า…เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติยังไม่ได้ถูกทำลายหรือไม่?”

 

หลังเล่าเรื่องจบ ต้วนหลิงเทียนก็มองถามจางยี่

 

“แน่นอน ข้ามั่นใจ!”

 

หลังได้ฟังเรื่องราวจากปากต้วนหลิงเทียนแล้ว แต่จางยี่ยังคงยืนยันคำเดิมด้วยความมั่นใจ

 

“ฟังจากเรื่องทั้งหมดที่เจ้าเล่ามาอีกาทองคำ 3 ขาอันเป็นวิญญาณประจำเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้น ยังฟื้นฟูพลังให้หวนกลับมาดังเดิมไม่ได้ด้วยซ้ำ เรื่องนี้ยิ่งทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติด้วยพลังของตัวเอง!”

 

“ให้พูดถอยหลังหมื่นก้าว แม้วิญญาณประจำเจดีย์จะเลือกระเบิดตัวเองจริง…แต่ก็ไม่อาจส่งผลกระทบอะไรต่อเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้เลย เรื่องจะมีพลังรุนแรงถึงขั้นทำลายเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ยิ่งเป็นไปไม่ได้!”

 

“อีกทั้งเจ้าต้องรู้ด้วยว่าวิญญาณประจำยอดสมบัตินั้นไม่ได้มีเอกสิทธิ์อะไรในตัวยอดสมบัติเลย ให้เรียกว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบ่าวก็ไม่เกินเลย…ไม่ว่าก่อนหน้าวิญญาณประจำเจดีย์จะมีพลังอำนาจสูงส่งเพียงใด แต่เมื่อกลายเป็นวิญญาณประจำยอดสมบัติสวรรค์ไปแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะริเริ่มทำลายยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนั้นๆ”

 

จางยี่กล่าวถึงตรงนี้ก็ สูดลมหายใจเข้า ค่อยสรุป “เช่นนั้นจากที่เจ้าพูดมา…เรื่องที่อีกาทองคำ 3 ขาเลือกที่จะทำลายตัวเองและเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเพื่อฉีกเปิดรอยแยกมิติส่งเจ้าไปยังเบื้องล่าง จึงเป็นไปไม่ได้เลย!”

 

“แต่ว่า…”

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนคล้ายจะกล่าวอะไรบางอย่าง

 

จางยี่พลันยกมือขึ้นขัดอีกครั้ง

 

“ฟังจากที่เจ้าเล่ามา ข้าเห็นว่าสมควรมีความเป็นไปได้เพียงทางเดียวเท่านั้น…พลังภายนอก! มีตัวตนทรงพลังได้สอดมือเข้ามาแทรกแทรงเพื่อช่วยเหลือเจ้าให้ย้อนกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่าง และริบเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปจากเจ้า”

 

“ตัวตนทรงพลังที่สอดมือเข้ามา…ยังต้องทรงพลังอย่างยิ่ง เพราะสามารถสะบั้นพันธะสัญญาของเจ้าได้!”

 

“กล่าวได้ว่า ไม่เพียงเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติจะยังอยู่ดี วิญญาณประจำเจดีย์อย่างผู้เฒ่าหั่วที่เป็นอีกาทองคำ 3 ขาของเจ้าก็สมควรอยู่ดีเช่นกัน”

 

จางยี่กล่าวถึงจุดนี้ก็มองต้วนหลิงเทียน ค่อยพูดออกมาต่อว่า “และฟังจากที่เจ้าเล่า เรื่องที่วิญญาณประจำเจดีย์ให้เจ้าเก็บยอดสมบัติสวรรค์ทั้ง 2 ชิ้นกลับลงไปในเจดีย์นั้น…ข้าเกรงว่านั่นคือการกระทำอย่างจงใจ!”

 

“จงใจให้เจ้าเก็บยอดสมบัติสวรรค์นั่นกลับเจดีย์ด้วยตัวเอง! เพราะสุดท้ายแล้วหากเจ้าไม่คิดเก็บยอดสมบัติสวรรค์ทั้ง 2 ชิ้นสักคน วิญญาณประจำเจดีย์ก็ไม่มีอำนาจทำอะไรเลย…อย่างที่ข้าเคยบอกไปแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติกับวิญญาณประจำเจดีย์ก็แทบไม่ต่างจากนายบ่าว…เจดีย์เป็นนาย และวิญญาณเป็นบ่าว!”

 

จางยี่กล่าวออกมารวดเดียวจบแล้วก็นิ่งไปไม่พูดอะไรต่อ หมายให้ต้วนหลิงเทียนย่อยข้อมูลที่ได้รับไปเสียก่อน

 

“มีพลังภายนอกแทรกแซง? มีบางคนช่วยส่งข้าไปภูมิภาคเบื้องล่าง แถมยังริบเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไป?”

 

ทว่าที่จางยี่คิดไม่ถึงก็คือ ต้วนหลิงเทียนดันไม่เชื่อเขา!

 

“ข้าก็หวังให้ผู้เฒ่าหั่วปลอดภัยและเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไม่เป็นอะไร…แต่นั่นมันแค่ฝัน”

 

ต้วนหลิงเทียนยืนยัน

 

สาเหตุที่ไฉนยืนยันแบบนี้ก็เพราะ

 

ต้วนหลิงเทียนไม่อาจนึกถึงพลังภายนอกที่ว่าได้เลย เขาไม่รู้จริงๆว่าจะมีใครทรงพลังถึงขั้นส่งตัวเขากลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่าง แล้วบอกให้ผู้เฒ่าหั่วเรียกเก็บกระบี่นิลสวรรค์กับบรรทัดจักรวาลกลับไป กระทั่งยังตัดพันธะระหว่างเขากับเจดีย์แบบนี้…

 

และในสายตาเขา…

 

สิ่งที่จางยี่พูดออกมาก็ไม่มีหลักฐานรองรับ

 

แค่การคาดเดาทั้งสิ้น!

 

ดังนั้นเขาเลยไม่เชื่อ

 

“เจ้า…”

 

เมื่อเห็นว่ามันเหน็ดเหนื่อยทั้งเปลืองน้ำลายอธิบายไปมากมาย แต่สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่เชื่อยังบอกว่าเป็นแค่ฝัน จางยี่ก็ถึงกับพูดไม่ออก!

 

“ช่างเถอะ…”

 

สุดท้ายจางยี่ก็ได้แต่กล่าวออกมาอย่างอ่อนแรง “เจ้าไม่เชื่อก็ลืมมันไปเถอะ…เรื่องบางเรื่องไว้เจ้ามีโอกาสพบเจอเดี๋ยวก็รู้เอง ไว้เจ้าไปยังระนาบเหยียนหวงแล้วสอบถามอาวุโสทั้งหลายเจ้าก็รู้เองว่าที่ข้าพูดมันถูก”

 

“ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะรู้เอง…”

 

จางยี่กล่าว

 

“อ่า งั้นไว้ก่อนเถอะ…”

 

อันที่จริงต้วนหลิงเทียนเองก็อยากจะเชื่อคำของจางยี่นัก เพราะจางยี่ไม่จำเป็นต้องโกหกเขา แต่ที่เขาไม่อาจเชื่อได้ก็เพราะทุกสิ่งอย่างเป็นเพียงคำพูดไม่มีหลักฐานแน่ชัด ให้จางยี่กล่าวแค่ไหนใจเขาก็ยากยอมรับได้อยู่ดี

 

“ระนาบเหยียนหวง…ข้าไปแน่!”

 

สองตาต้วนหลิงเทียทอประกายเรืองวูบ กล่าวออกมาด้วยความแน่วแน่

 

หลิ่วเสวียที่อยู่ด้านหลังก็เหินตามทั้งคู่ไม่ห่าง

 

แต่ต้นจนจบนางไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว…แต่ลึกลงไปในใจนางก็รู้สึกว่าข้อสันนิษฐานของจางยี่สมควรถูกต้อง

 

อย่างไรก็ตามนางเห็นชัดดี

 

เว้นเสียแต่นางกับจางยี่จะหาหลักฐานมารองรับ หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่ต้วนหลิงเทียนจะเชื่อคำพูดของจางยี่

 

ดังนั้นแม้นางเองจะเห็นด้วยกับจางยี่ แต่นางก็ไม่คิดจะกล่าวยืนยันอะไรออกมา เพราะรู้ดีว่าหากนางกับจางยี่ไม่มีหลักฐานมันก็เท่านั้น อย่าดันทุรังให้เหนื่อยเปล่าประเสริฐกว่า

 

กลุ่ม 3 คนก็เดินทางต่อไม่หยุด

 

หลังจากนั้นไม่นานเมื่อต้วนหลิงเทียนหายจากอารมณ์ขุ่นมัวแล้ว ก็อดมองถามจางยี่ไม่ได้ “จางยี่ก่อนหน้าเจ้าบอกว่า…ในระนาบเหยียนหวงของเจ้าก็มีครึ่งก้าวเซียนอมตะอายุไม่ถึงร้อยปีแต่แข็งแกร่งทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เข้ามาด้วย”

 

“แล้วนอกจากคนผู้นั้น…ในระนาบเหยียนหวงยังมีครึ่งก้าวเซียนอมตะแบบนี้อยู่อีกไหม?”

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอยากรู้นัก ว่าคู่แข่งของเขาเป็นใคร แล้วร้ายกาจแค่ไหน

 

“ย่อมมี!”

 

จางยี่พยักหน้า ค่อยพูดขึ้นมาว่า “นอกจากคนที่มาจากหมู่บ้านเกาเหล่า ยังมีครึ่งก้าวเซียนอมตะอายุไม่ถึงร้อยปีจาก ฮัวกั่วซาน ที่มีพลังฝีมือทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์…กล่าวไปคนของฮัวกั่วซานผู้นี้ยังร้ายกว่าคนของหมู่บ้านเกาเหล่าเสียอีก!”

 

“ฮัวกั่วซาน?!”

 

ได้ยินคำตอบของจางยี่ ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับผงะไปทันที