ตอนที่ 1284 เจ้ากัดข้านะ!

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

จู่ ๆ อาถิงก็หายไปและไปปรากฎตัวตรงหน้าพวกเขา กู้ไป๋อีรู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้

ไม่นานนักเขาก็พบว่าชายหนุ่มชุดเขียวผู้ดุจดั่งทวยเทพผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของผู้อาวุโสสามแห่งตำหนักตงจี๋ และตบร่างผู้อาวุโสสามเบา ๆ!

“หยุดเวลา!”

การหยุดเวลาในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่หยุดเวลาของทุกคนไว้ แต่ยังหยุดการเต้นหัวใจของผู้อาวุโสสามอีกด้วย

ผู้อาวุโสสามไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางการเจ็บปวดใด ๆ ด้วยซ้ำ ก็ก้าวเข้าสู่ความตายไปโดยไม่รู้ตัว!

ตุบ!

ยอดฝีมือระดับสูงสุดของตำหนักตงจี๋ผู้นี้ถูกอาถิงจับโยนกระแทกพื้นดินราวกับเป็นขยะก็มิปาน

ดวงตาอันสดใสบริสุทธิ์คู่นั้นเหลือบมองไปที่กู้ไป๋อี มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “การเคลื่อนไหวของเจ้าช่างเชื่องช้าจริง ๆ ข้าจัดการแล้ว เจ้ายังทำตัวเย็นชาอยู่เลย”

อาถิงแค่จัดการกับคู่ต่อสู้ของกู้ไป๋อีเท่านั้น ส่วนคู่ต่อสู้ของเหลิ่งหนิงจือกับชิงอิ่งก็ปล่อยให้พวกเขาจัดการทรมานคู่ต่อสู้กันต่อไปก็แล้วกัน

หลังจากนั้นอาถิงก็ไม่ได้สนใจกู้ไป๋อีอีก เขาเดินไปตรงหน้ามู่เฉียนซีและกล่าวว่า “หญิงอัปลักษณ์ ดูพอรึยัง ฝีมือข้าเก่งกาจขึ้นมากใช่มั้ยล่ะ?”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “เก่งกาจขึ้นไม่น้อยเลย”

“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว หากข้าไม่แข็งแกร่งขึ้น ครั้งต่อไปหากเจ้านั้นโผล่มาอีก เจ้ายังจะคิดให้หวงจิ่วเยี่ยลงมืออีกเหรอ เมื่อถึงตอนนั้นข้าว่าเขาไม่เพียงแค่ช่วยไม่ได้ แถมยังจะทำให้เจ้าลำบากไปด้วยน่ะสิไม่ว่า”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เช่นนั้น ต่อไปก็ต้องรบกวนอาถิงช่วยชี้แนะแล้วล่ะ”

“ชิ! ไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่น้อย”

“เจ้ายังต้องการความจริงใจแบบไหนอีกล่ะ?”

“ต่อไปอย่าได้หลงใหลคนหน้าตาหล่อ ๆ อีก อยู่ห่างจากเจ้านั่นหน่อย…” อาถิงกล่าวพลางชี้ไปที่กู้ไป๋อี จากนั้นกล่าวต่อว่า “ออ! แล้วก็เจ้าหมอนั่นที่กำลังนอนรักษาตัวอยู่ข้างในด้วย และที่สำคัญที่สุด อยู่ห่างจากเจ้าหวงจิ่วเยี่ยด้วย แล้วก็ช่วยตั้งใจฝึกบำเพ็ญให้มากสักหน่อย”

กู้ไป๋อีรู้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นชี้มาที่เขา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าชายผู้นั้นจะใช้อำนาจบาตรใหญ่สั่งให้ซีเอ๋อร์อยู่ห่างจากเขาเช่นนี้

แววตาของกู้ไป๋อีเย็นชาขึ้น ต่อให้เขามีความสามารถที่น่าทึ่งเพียงใด ก็ไม่อาจมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของซีเอ๋อร์ได้เด็ดขาด

มู่เฉียนซีกล่าว “นี่ อาถิง เจ้าเสียมารยาทเกินไปแล้ว เขาให้เกียรติเจ้า แต่ดูเจ้าสิ ไม่ให้เกียรติเขาเลย!”

เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว มู่เฉียนซีก็เอามือจับปลายคางทำท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มและกล่าวต่อว่า “เรียบเนียนเกลี้ยงเกลาถึงเพียงนี้! ข้าไม่เพียงแค่ชอบคนหล่อนะ ข้ายังชอบเด็กหนุ่มอรชรอ้อนแอ้นแบบเจ้าด้วย! เอ๊ะ นี่ ๆ ๆ นี่เจ้าจะกัดข้าเหรอ!”

อาถิงจะลงมือตีมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีจึงยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูเขาว่า “เจ้าตีสิ! หากเจ้ากล้าตีข้า ข้าจะฟ้องสุ่ยจิงอิ๋ง!”

“ออ! รอให้มังกรวารีกับนิรันดร์ตื่นขึ้นมา ข้าก็จะฟ้องพวกเขาด้วย เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาจะต้องรุมฆ่าเจ้าแน่”

สายลมบางเบาที่ร้อนผ่าวกระทบเข้ากับหูของอาถิง พลันนั้นอาถิงก็รู้สึกว่าหูของตนเองนั้นร้อนราวกับถูกไฟแผดเผา

“นี่เจ้า หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

“อย่านะ!”

ทำให้ใบหน้าขาวดุจดั่งหยกนั้นร้อนผ่าวจนแดงก่ำเช่นนี้ แววตาที่อาถิงมองมู่เฉียนซีนั้นราวกับต้องการจะฆ่านางเป็นหมื่น ๆ ครั้งก็มิปาน

กู้ไป๋อีเห็นภาพนี้แล้วรูม่านตาก็หดเล็กลงทันใด ทั้งสองดูสนิทสนมกันมาก

ความสนิทสนมเช่นนั้นดูเหมือนจะไกลเกินเอื้อมสำหรับเขา

ในใจเกิดอารมณ์ความรู้สึกอิจฉาริษยาขึ้น ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ปล่อยอาถิงแล้ว

“ไม่ทะเลาะกับเจ้าแล้ว! ท่านหมอปีศาจใจตำนานต้องสูงส่ง ดูมีความน่าเชื่อถือ ข้าไม่อยากทำลายภาพลักษณ์ของตัวเอง ครั้งนี้ถือว่าข้าปล่อยเจ้าไปก็แล้วกัน”

อาถิงกัดฟันกรอดพลางกล่าว “หญิงอัปลักษณ์ หากครั้งหน้าเจ้าพิฆาตวิญญาณนั่นจะฆ่าเจ้า ข้าไม่มีทางช่วยเจ้าเป็นอันขาด เจ้ารอร้องไห้ขี้มูกโป่งได้เลย!”

มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มและกล่าวว่า “ก็ได้! มีบุรุษรูปงามไม่เป็นสองรองใครอย่างเจ้าตายไปพร้อมกับข้า ข้าไม่เสียใจเลยสักนิด!”

“นี่เจ้า…” อาถิงโกรธแทบบ้าแล้ว

“เจ้ามันไร้เหตุผลจริง ๆ เลย!”

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “เจ้าไม่ใช่เพิ่งจะรู้จักข้าแค่วันเดียวนะ จะตื่นเต้นไปทำไมกัน?”

ตุบ!

ตูม!

กลางอากาศ เหลิ่งหนิงจือกับชิงอิ่งก็กำลังจัดการกับคู่ต่อสู้ยอดฝีมือระดับสูงทั้งสองคนได้แล้ว

เหลิ่งหนิงจือเดินมาข้างกายมู่เฉียนซี เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความโกรธ นางก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจขึ้นเล็กน้อย!

ชายหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งมาก เพียงขยับนิ้วแค่เล็กน้อยก็สามารถกำจัดศัตรูได้แล้ว แต่เหตุใดถึงช่วยแค่หัวหน้าตำหนักไป๋ ไม่ช่วยพวกเขาล่ะ!

เหลิ่งหนิงจือหันไปมองหัวหน้าตำหนักเป่ยหานผู้มีหน้าตาหล่อเหลาอย่างสมบูรณ์แบบผู้นั้น คาดว่าชายหนุ่มผู้นี้คงจะเห็นว่าหัวหน้าตำหนักเป่ยหานหน้าตาดีจึงเข้าช่วยเหลือ แต่นี่มันก็จะเกินไปแล้วกระมัง!

แต่หากเหลิ่งหนิงจือรู้ว่าใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นของชิงอิ่งเป็นเช่นไร นางคงไม่คิดเช่นนี้แน่นอน

มู่เฉียนซีกล่าว “จัดการเรียบร้อยหมดแล้วใช่ไหม?”

“เจ้าค่ะ!” เหลิ่งหนิงจือตอบ

“มู่อี!”

“ขอรับท่านผู้นำตระกูล!”

“ส่งคนเหล่านี้ไปที่ตำหนักตงจี๋ บอกว่าเป็นของขวัญจากท่านผู้นำตระกูลมู่”

“มู่อีรับคำสั่งท่านผู้นำตระกูลขอรับ!”

การต่อสู้ของหอหมอปีศาจโด่งดังไปทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศ!

ชื่อเสียงของหมอปีศาจก็ได้ร่ำลือไปทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศเช่นกัน!

ผู้อาวุโสสูงสุดรู้เรื่องนี้เข้าก็ตกใจจนอกสั่นขวัญหาย “เพียงขยับมือเล็กน้อยก็ทำให้ศัตรูกลายเป็นเด็กทารกได้ รวมถึงทำให้กลายเป็นคนแก่ที่ใกล้ตายได้ แถมยังควบคุมการเต้นของหัวใจคนอื่นได้อีก นี่เขายังใช่คนอยู่รึ?”

“หมอปีศาจผู้นี้ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว! เกรงว่าเขาจะควบคุมเวลาได้ อีกทั้งยังดูเชี่ยวชาญมากอีกด้วย”

“นึกไม่ถึงเลยว่าโลกนี้จะมีศัตรูที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวเสียงขรึมว่า “อย่าได้เป็นศัตรูกับหอหมอปีศาจ ถึงแม้ว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จะอยู่ที่มู่เฉียนซีก็ตาม”

“ขอรับ!”

อุบายนั้นของหมอปีศาจทำให้พวกเขาตกใจจนอกสั่นขวัญหาย ผู้ใดกล้าลงมือคนผู้นั้นจะต้องตาย!

กองกำลังอื่นในดินแดนสี่ทิศก็ตกใจกลัวเช่นกัน พระเจ้าช่วย! นึกไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าหอหมอปีศาจจะน่ากลัวถึงเพียงนี้!

ตอนแรกพวกเขามีความกล้าหาญดุจดั่งเสือดาว และกล้าจะต่อต้านหอหมอปีศาจ คิดจะแย่งชิงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์จากมู่เฉียนซี

แต่ตอนนี้ ใครจะยังกล้าอยู่ล่ะ!

พรวด พรวด พรวด! ขณะเดียวกัน เมื่อไป่อู๋ห่ายเห็นของขวัญที่มู่เฉียนซีส่งมาให้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนกระอักเลือดคำโตออกมา

ยอดฝีมือระดับสูงสุดของตำหนักตงจี๋ก็กำจัดไปง่าย ๆ เช่นนั้น อีกอย่าง…

“ผู้อาวุโสสูงสุด เราจะทำเช่นไรดี?” ไป๋อู๋ห่ายกล่าวถาม

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “หมอปีศาจผู้นั้นไม่ใช่คนในดินแดนนี้แน่นอน มีฝีมือและความสามารถถึงเพียงนี้ ต่อให้เราส่งคนไปมากแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี! ข้าว่ารีบรายงานเรื่องนี้ให้พระนางทราบจะดีกว่า!”

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “ท่านหรงเหรินและพวกกลับไปรายงานสถานการณ์แล้ว รอให้พระนางส่งคนมาก่อน ตอนนี้เราทำได้แค่นิ่งไว้เท่านั้น”

“ท่านหรงเหรินกลับไปนานแล้ว พระนางยังไม่ส่งคนมาสักที ข้าว่ามันชักจะแปลก ๆ แล้วนะ ด้วยความสนใจของพระนางที่มีต่อกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ พระนางไม่มีทางชักช้าเช่นนี้แน่นอน”

“บางที พระนางอาจจะกำลังคิดหาทางอยู่ก็ได้!”

ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าหรงเหรินผู้นั้นไม่ได้กลับไป แต่เขาถูกฆ่าตายอยู่ที่ดินแดนสี่ทิศแห่งนี้แล้ว

อาถิงลงมือในครั้งนี้ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับหอหมอปีศาจแล้ว

มู่เฉียนซีคิดจะจุดไฟขึ้นอีกครั้ง เพื่อเป็นการเตือนพวกเขา

“เสี่ยวเหลิ่ง! สำนักเทียนหลิงร่วมมือกับตำหนักตงจี๋วางแผนเล่นงานหอหมอปีศาจ เจ้านำกำลังคนไปกำจัดสำนักเทียนหลิงซะเถอะ”

เหลิ่งหนิงจือตอบรับ “เจ้าค่ะ!”

ยอดฝีมือส่วนใหญ่ของสำนักเทียนหลิงล้วนแต่ตายไปในกำมือของพวกเขาแล้ว และเมื่อเหลิ่งหนิงจือผู้เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดเตรียมนำกำลังคนไปบุกสำนักเทียนหลิง

การกำจัดในครั้งนี้ ง่ายดายมาก!

เช้าวันต่อมา เหลิ่งหนิงจือนำองครักษ์เงาของตระกูลมู่ และพิษที่มู่เฉียนซีเตรียมเอาไว้ให้เดินทางไปยังสำนักเทียนหลิง

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดขอรับ หอหมอปีศาจส่งคนไปทำลายล้างสำนักเทียนหลิงแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ในอาณาเขตของตำหนักเป่ยหานได้ ไม่เห็นตำหนักเป่ยหานของพวกเราอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย”

การเคลื่อนไหวของหอหมอปีศาจย่อมมีคนไปรายงานแน่นอน

.