ราชันเร้นลับ 1240 : กระแส

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ยามเช้าตรู่ เอิร์ลฮอลล์ที่ตื่นขึ้นในเวลาปรกติกำลังเดินเล่นในสวนและสนามหญ้า

หลังจากเชยชมม้าพันธุ์ดีตัวโปรด มันเดินกลับไปยังชั้นสามของคฤหาสน์เพื่อเปลี่ยนชุดเตรียมออกไปข้างนอก ส่วนทางด้านภรรยาของมัน คุณหญิงเคทลินเองก็ตื่นแล้วและกำลังถ่ายทอดความคิดที่ตนเพิ่งนึกขึ้นได้ให้กับสาวใช้ เพื่อให้เธอนำไปกระจายบอกกับสาวใช้คนอื่น

“ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว” เอิร์ลฮอลล์ที่ยืนข้างราวแขวนชุดหันมายิ้มให้ภรรยา

ทันใดนั้นเอง มันได้ยินเสียงอึกทึกดังมาจากด้านนอก แถมยังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง

เอิร์ลฮอลล์ขมวดคิ้วก่อนจะหันไปทางบุรุษรับใช้ส่วนตัว

โดยไม่ต้องกล่าวคำใด บุรุษรับใช้รีบเดินไปทางหน้าต่างและเปิดม่านออก

เมื่อสิ้นเสียงรูดม่าน แสงสว่างส่องเข้ามาในห้องพร้อมกับเผยภาพที่คมชัด

บุรุษรับใช้กวาดสายตามองออกไป สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที

มันชำเลืองไปทางคุณหญิงเคทลินที่ยังคงสนทนากับสาวใช้ส่วนตัว จากนั้นก็เดินมาด้านข้างเอิร์ลฮอลล์และกระซิบ

“กลุ่มผู้ประท้วง ผู้คนจำนวนมากกำลังเดินขบวนประท้วงครับ”

ประท้วง? คำคำนี้มิได้แปลกหูสำหรับเอิร์ลฮอลล์ ในฐานะขุนนางทรงอำนาจแห่งโลเอ็นและผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของกลุ่มทุนถ่านหินและเหล็กกล้าคอนสแตน มันย่อมเคยเห็นกลุ่มผู้ประท้วงที่เรียกร้องให้ขึ้นค่าแรงและลดจำนวนเวลาทำงาน นอกจากนั้นตลอดสองเดือนที่ผ่านมา กรุงเบ็คลันด์เองก็เผชิญหน้าการประท้วงด้วยหลากหลายเหตุผล แต่ทั้งหมดก็ถูกจัดการได้รวดเร็วจนไม่สร้างปัญหาใด

สายตาเอิร์ลฮอลล์มองกวาดบนใบหน้าบุรุษรับใช้สักพักก่อนจะขมวดคิ้ว มันเริ่มสัมผัสได้ว่ากลุ่มผู้ประท้วงในวันนี้อาจแตกต่างไปจากทุกที

มันเดินไปทางหน้าต่างอย่างเงียบงัน

ดวงตาเอิร์ลฮอลล์พลันผงะเมื่อมองออกไปด้านนอก

ความสูงของชั้นสามช่วยให้มันมองเห็นฝูงชนที่เบียดเสียดกันจนเต็มถนน ทุกคนรวมตัวกันวิ่งมาทางคฤหาสน์ประหนึ่งเมฆครึ้มขนาดมหึมาที่เตรียมจะกลืนกินเบ็คลันด์

“ขนมปัง!”

“พวกเราต้องการขนมปัง!”

เสียงตะโกนของผู้คนนับหมื่นหรือมากกว่านั้นค่อยๆ ดังขึ้น บางเสียงดังชัดถ้อยชัดคำจนเอิร์ลฮอลล์ถึงกับขนลุก

เนื่องจากเคยเข้าร่วมมหามิสซาบ่อยครั้ง เสียงตะโกนของผู้คนหลักหมื่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเอิร์ลฮอลล์ แต่ในตอนนั้นมันคือส่วนหนึ่งของฝูงชน ไม่เหมือนปัจจุบันที่กำลังตกเป็นเป้าของมวลมหา ‘คลื่นมนุษย์’

เอิร์ลฮอลล์พยายามมองหาปลายแถวของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่มองเท่าไรก็ไม่เห็น จึงทำได้เพียงอาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมาเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์เบื้องต้นจากข้อมูลที่ตาเห็น

มันพบตำรวจและทหารในปริมาณน้อยมากบริเวณสองฝั่งของกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อเทียบกับจำฝูงชนจำนวนมหาศาล ตำรวจและทหารเป็นได้เพียงละอองฝอยที่เกิดจากคลื่นซัดสาด

เอิร์ลฮอลล์เชื่อว่าเขตราชินีย่อมมีระดับความเข้มงวดสูงที่สุด หากเกิดการชุมนุมประท้วง ไม่มีทางที่ตำรวจและทหารจะไม่ส่งกำลังพลมาทำงานอย่างสุดความสามารถ ดังนั้นสถานการณ์ปัจจุบันจึงสามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลเดียว:

ฝูงชนที่เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงมีจำนวนมากเกินไป!

จนทำให้ทหารกับตำรวจดูบางตาและกระจายตัวอย่างมาก!

การชุมนุมของผู้คนหลักแสน? หรืออาจจะมากกว่านั้นอีก… การชุมนุมที่เกิดจากภาวะขาดแคลนอาหารสามารถพัฒนาไปเป็นจลาจลและชิงทรัพย์ได้ทุกเมื่อ… แต่ตอนนี้ยังดูเหมือนมีระเบียบ พวกเขามีกลุ่มแกนนำ? บ้าจริง! ทั้ง MI9 และสามโบสถ์หลักไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปรกติล่วงหน้าเลยหรือ? การชุมนุมประท้วงที่ใหญ่ขนาดนี้จะเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืนได้ยังไง… ต่อให้กรุงเบ็คลันด์กลายเป็นถังดินปืน แต่ถ้าจะจุดไฟก็ต้องใช้ไม้ขีดหลายก้าน! ท่ามกลางกระแสความคิด สีหน้าของเอิร์ลฮอลล์ทวีความดำมืด

“ขนมปัง!”

“พวกเราต้องการขนมปัง!”

เสียงตะโกนดังขึ้นอย่างเป็นระเบียบและต่อเนื่อง ประหนึ่งภายในมหานครแห่งนี้กำลังเกิดคลื่นยักษ์

คนใช้และสาวใช้ในคฤหาสน์ตระกูลฮอลล์เริ่มตระหนักถึงความวุ่นวายภายนอก หลายคนเดินมายืนริมหน้าต่างและมองออกไปด้านนอกรั้ว

สีหน้าทุกคนพลันขาวซีดราวกับกำลังเผชิญหน้าคลื่นยักษ์ที่หลบไม่พ้น

“ขนมปัง!”

“เราต้องการขนมปัง!”

เสียงจากแหล่งกำเนิดที่แตกต่างกันกำลังดังสอดประสาน สร้างบรรยากาศกดดันรุนแรงที่ยากแม้แต่จะหายใจ

เอิร์ลฮอลล์รีบดึงสติกลับมา ภายในใจเริ่มวางแผนส่งโทรเลขถึงราชวงศ์เพื่อให้ระดมกองทัพออกมาปราบปราม

แต่เมื่อสังเกตกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง มันพบว่าหลายคนในนั้นแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหาร แถมบางคนก็อยู่ในสภาพพิการ

“ขนมปัง!”

“พวกเราต้องการขนมปัง!”

ทหารที่เข้าเวรรักษาความสงบมองไปทางกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยสีหน้าเห็นใจ ปากกระบอกปืนเล็งชี้ขึ้นฟ้า

ในบรรดากลุ่มผู้ชุมนุมเต็มไปด้วยอดีตสหายร่วมรบของทหาร บ้างก็เป็นพ่อแม่ ภรรยา และลูกของเพื่อนฝูง ทุกคนเพียงต้องการได้รับสิทธิ์ในการดำรงชีวิตต่อไปเหมือนกับคนอื่น พวกมันแค่ไม่อยากอดตาย แล้วจะให้ไม่เห็นใจหรือสงสารได้อย่างไร?

ความรู้สึกดังกล่าวเคยเกิดขึ้นแค่ในหมู่ทหารและตำรวจจำนวนน้อย แต่ภายหลังเริ่มแพร่กระจายไปจนทั่ว

หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าผู้บังคับบัญชาสั่งอะไรลงมาก็คงยอมทำตามโดยไม่ขัดขืน แต่ปัจจุบันหลายคนกำลังผุดความคิดหนึ่งตรงกัน:

ไอ้หน้าไหนที่สั่งให้ยิง มันนั่นแหละจะโดนยิงคนแรก!

“ขนมปัง!”

“เราต้องการขนมปัง!”

เสียงโห่ร้องของมวลมหาประชาชนทำให้ใบหน้าเอิร์ลฮอลล์ซีดลงหลายส่วน

มันอดไม่ได้ที่จะมองไปทางบอดี้การ์ดและกลุ่มผู้วิเศษที่ถูกจ้างมาคุ้มกัน จากนั้นก็มองไปทางผู้วิเศษจากโบสถ์รัตติกาลที่ถูกส่งมาปกป้องตระกูล นั่นทำให้เอิร์ลฮอลล์พบว่าคนเหล่านี้มีท่าทีแตกต่างกันออกไป

บอดี้การ์ดกำลังตื่นตระหนกและหวาดกลัว ส่วนผู้วิเศษที่ถูกจ้างยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม และคนคุ้มกันจากโบสถ์รัตติกาลเผยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ

ในสายตาศาสนจักร เราอาจมีค่าเทียบเท่าสาวกนับพัน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมประกอบด้วยสาวกนับหมื่นนับแสนหรือมากกว่านั้น… เอิร์ลฮอลล์เริ่มชั่งน้ำหนักถึงผลลัพธ์ของสิ่งที่มันกำลังวางแผน

ไม่ว่าจะติดอาวุธครบมือสักเพียงใด แต่จำนวนกองกำลังปกป้องคฤหาสน์เพียงเท่านี้ก็ไม่มากพอจะต้านทานกลุ่มผู้ประท้วงหลักแสน และผู้วิเศษของโบสถ์รัตติกาลก็คงไม่ช่วยเหลือหากมีการนองเลือดเกิดขึ้น ลำพังการหนีรอดจากเขตราชินีได้อย่างปลอดภัยก็นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว

นี่คือครั้งแรกที่เอิร์ลฮอลล์ตระหนักถึงความน่ากลัวของฝูงชนที่ร่วมใจสามัคคี

ท่ามกลางกระแสความคิด เอิร์ลฮอลล์ออกคำสั่งกับบุรุษรับใช้

“ส่งโทรเลขไปหานายกรัฐมนตรีและขุนนางคนอื่น แจ้งว่าผมจะเป็นแกนนำในการบริจาคอาหารจำนวนมากให้แก่ชาวเมืองเบ็คลันด์! ได้โปรดทำให้พวกเขาสงบลงด้วย!”

หลังจากสัญญาณวิทยุกระจายไปตามกระแสอากาศ บรรดาขุนนางในเขตราชินีทุกคนได้ทราบเจตจำนงของเอิร์ลฮอลล์

ดยุคนีแกนมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มันถอนหายใจสักพักก่อนจะหันไปพูดกับเลขานุการชายด้านข้าง

“แค่ปกป้องคฤหาสน์ไว้ก็พอ ห้ามใช้ความรุนแรงกับผู้คนโดยไม่จำเป็น ผมจะทำแบบเดียวกับเอิร์ลฮอลล์… นอกจากนั้นยังต้องเชือดพวกพ่อค้าที่กักตุนอาหารเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง!”

เอิร์ลฮอลล์ถอนหายใจโล่งอกหลังจากเหล่าชนชั้นสูงบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นและได้ข้อสรุปเกี่ยวกับวิธีการ มันเริ่มมีกะจิตกะใจจะแวะไปพบหน้าสมาชิกครอบครัวที่โถงรับประทานอาหาร

ขณะเดินมาถึงประตูห้องโถงรับประทานอาหาร เอิร์ลฮอลล์มองเข้าไปสำรวจสถานการณ์ด้านในตามความเคยชิน

ภรรยาของมันกำลังยืนริมหน้าต่างพลางมองออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล บุตรชายคนโตกำลังเดินกระวนกระวายด้วยความโกรธ บุตรสาวเพียงคนเดียวกำลังยืนข้างภรรยา เฝ้ามองคลื่นยักษ์ผู้ชุมนุมอย่างเงียบงัน

ทะเลหมอก อนาคตกาล

แคทลียาเดินบนสะพานดวงดาวระยิบระยับกลับมายังดาดฟ้าเรือ

“กัปตัน คุณควรรีบทำอะไรสักอย่างกับแฟรงค์ได้แล้ว!” สรั่งเรือนีน่าปรี่เข้ามาใกล้พร้อมกับตะโกน

ความโศกเศร้าของแคทลียาพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนจะขมวดคิ้วถาม

“เขาทำอะไรอีก?”

นีน่าตอบด้วยเสียงโกรธขึ้ง

“เขาถามฉันว่าอยากมีลูกไหม เขาต้องการศึกษาว่าชีวิตและวิญญาณเกิดขึ้นได้อย่างไร!”

“…ชกเขาไปหรือยัง?” แคทลียาถามเสียงขรึม

“แน่นอน!” นีน่าไม่ปิดบัง

แคทลียามองไปทางแฟรงค์ที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็ถามโดยไม่แยแสใบหน้าที่บวมเป่ง

“คุณควรเริ่มจากการศึกษาวิธีขยายพันธุ์ของปลา”

“ก็ได้…” แฟรงค์เกาหัวอย่างเชื่อฟัง

แคทลียาหันไปพยักหน้าให้กับเงาดำที่ยื่นออกจากเขตห้องโดยสาร – ผู้ไร้เลือด ฮีธ·ดอยล์

“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”

ฮีธ·ดอยล์ผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด

“ครับ กัปตัน”

หลังจากสะสางเรื่องชวนปวดหัวของลูกเรือ แคทลียามีเวลาอยู่กับตัวเอง เธอบินกลับห้องกัปตันพลางลูบหน้าผากในตอนที่ไม่มีใครเห็น

จากนั้นก็ผนึกห้องกัปตันและนำสมบัติปิดผนึกระดับ 0 อย่างตะเกียงวิเศษประทานพรออกมา

หลังจากเตรียมการเสร็จ แคทลียานั่งลงบนโต๊ะทำงานในท่าก้มหน้า ตามด้วยการเปล่งพระนามเต็มอันทรงเกียรติของเดอะฟูลเพื่อรายงานข้อมูลเกี่ยวกับราชินีเงื่อนงำ

ไคลน์ที่กำลังสำรวจเขตรอบนอกของซากเมืองนอร์ธด้วยโคมไฟ รีบหันหน้าไปยังทิศทางหนึ่งและตั้งใจฟังเป็นเวลานาน จากนั้นก็รีบส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก

ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้เดอะฟูลและถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในดาวแดงตัวแทน ‘เฮอร์มิท’

ราชินีเงื่อนงำมีเบาะแสเบื้องต้นเกี่ยวกับเกาะโบราณแห่งนั้นแล้ว เธอคิดจะออกจากน่านน้ำปลอดภัยเพื่อไปค้นหา…

เกาะโบราณที่โรซายล์พบเข้าโดยบังเอิญน่าจะเป็นที่ตั้งของหนึ่งในเก้าสุสานลับ… และคงเป็นแห่งเดียวที่ยังไม่ถูกทำลาย เป็นความหวังสุดท้ายในการคืนชีพของจักรพรรดิ…

แต่ถ้าจำไม่ผิด สิ่งมีชีวิตบนเกาะโบราณกราบไหว้บูชาพลังจากอวกาศ… แค่เข้าใจอวกาศก็เพียงพอแล้วที่จะถูกกัดกร่อน… เราต้องเตือนเรื่องนี้ให้ราชินีเงื่อนงำทราบผ่านมาดามเฮอร์มิท…

ตะเกียงวิเศษประทานพร… อยู่กับราชินีเงื่อนงำนี่เอง… เกิดจากตะกอนพลังผู้ชี้นำปาฏิหาริย์และตะกอนพลังปริศนาอีกหนึ่งชนิด กระทั่งเทพก็มิอาจป่นให้เป็นผุยผงได้… หลังจากได้ฟังข้อมูลของ 0-05 ไคลน์จ้องเข้าไปในภาพและทำการขยายเพื่อดูรายละเอียดของกาต้มน้ำสีทอง

ทันใดนั้น ไส้ตะเกียงที่ปากกาต้มน้ำพลันถูกจุดขึ้นด้วยตัวเอง!

……………………