ตอนที่ 2,417 : ผู้คนถูกเขย่าขวัญครั้งใหญ่!
กริ๊ง…กริ๊งกริ๊ง…กริ๊งกริ๊ง
ต้วนหลิงเทียนที่ถือกระดิ่งอันเป็นยอดสมบัติสวรรค์ในมือ ก็ลองพลิกไปพลิกมาทั้งลองเขย่ามันเล่นดู จนในที่สุดเขาก็พบว่าพลังอำนาจของกระดิ่งนี้คืออะไร…
‘สมควรเป็นยอดสมบัติสวรรค์ที่มีจุดเด่นด้านการโจมตีด้วยคลื่นเสียง…’
ทันทีที่ในใจต้วนหลิงเทียนคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ลองถ่ายทอดพลังลงตัวกระดิ่งทันที
และเมื่อสั่นกระดิ่งอีกครั้ง จนเกิดเสียงดังขึ้น…
กริ๊ง…กริ๊งกริ๊ง…กริ๊งกริ๊ง
วิ๊ง! วิ๊งงง! วิ๊งงงง!
ทันใดนั้นบังเกิดเสียงกังวาลปานระฆังแก้วดังขึ้น พร้อมคลื่นเสียงอันทรงพลังขุมหนึ่งระเบิดออกจากกระดิ่งในมือต้วนหลิงเทียนกระจายออกไปโดยรอบ พริบตาก็บรรลุถึงผู้คนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ
ทันใดนั้น
“อ๊ะ”
“อ๊อค!”
……
เสียงกรีดร้องเริ่มดังขึ้นระงม
บางคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อย ก็ถูกคลื่นเสียงดังกล่าวเล่นงานจนอวัยะภายในสะเทือนปั่นป่วนไปหมด! อดร้องออกมาเสียงหลงไม่ได้!!
ยิ่งไปกว่านั้นบางคนก็ถึงขั้นกระอักเลือดออกมาคำใหญ่!
ในบรรดาผู้คนดังกล่าวหลิ่วเสวียที่ไม่ทันตั้งตัวก็อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสีไปทันที บัดนี้เรียกว่าซีดขาวปานกระดาษไร้สีเลือด! มุมปากยังปรากฏโลหิตไหลย้อยออกมา!!
กระทั่งจางยี่ยังสะท้านไปแทบกระอักเลือด!
ทุกคนในที่นี้ที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ก็เห็นแต่จะมีเพียงชนชั้นครึ่งก้าวเซียนอมตะ และเซียนอมตะเสเพล 2 ทัณฑ์ขึ้นไปเท่านั้น
แน่นอนว่าในปัจจุบันตัวตนแรกมีเพียงคนเดียว
ส่วนอย่างหลังมีอยู่ด้วยกันหลายคน
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของเซียนอมตะเสเพล 2 ทัณฑ์ ก็เทียบได้กับครึ่งก้าวเซียนอมตะ
สำหรับตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ขึ้นไปนั้น ด้วยความที่พวกมันทรงพลังเหนือกว่าเซียนอมตะเสเพล 2 ทัณฑ์ ผลกระทบจากพลังของกระดิ่งก็เล็กจ้อยจนทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย
แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าพลังต้วนหลิงเทียนอ่อนด้อยเกินไป และกระดิ่งในมือมันไร้ประสิทธิภาพ
เป็นเพราะเมื่อครู่เขาถ่ายทอดพลังลงสู่กระดิ่งใบนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
เขาแค่อยากลองดูพลังอานุภาพของมันเฉยๆ…
‘พลังที่ข้าถ่ายลงตัวกระดิ่งเมื่อครู่ก็แค่พลังระดับเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเท่านั้น…แต่ยังสามารถทำร้ายเซียนสวรรค์ 8 ได้ กระทั่งเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนยังได้รับผลกระทบเล็กน้อย…’
มองไปยังกระดิ่งในมือ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบสะดุ้งในใจ
‘สมแล้วที่เป็นยอดสมบัติสวรรค์ ร้ายกาจจริงๆ!’
พลังที่ต้วนหลิงเทียนถ่ายทอดลงสู่ตัวกระดิ่งนั้น เหล่าชนชั้นเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ และเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ล้วนตระหนักได้ชัดเจน ว่านั่นเป็นแค่พลังเซียนต้นกำเนิดที่มีระดับเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเท่านั้น!
แต่กระนั้นยังทำร้ายเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อย่างสาหัส กระทั่งยังส่งผลกระทบถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!
เมื่อตระหนักได้ถึงพลังอำนาจของกระดิ่งในมือต้วนหลิงเทียน สายตาของเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์และ 4 ทัณฑ์ทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะลุกวาวขึ้นมาด้วยความโลภ!
แต่เป็นธรรมดาว่าถึงแม้พวกมันจะแทบทนรอพุ่งเข้าไปฉกกระดิ่งมาจากมือต้วนหลิงเทียนไม่ไหวแล้ว แต่พวกมันก็ไม่กล้าลงมือก่อการใดๆ…
เพราะพวกมันรู้ดีว่าไม่ใช่คู่มือต้วนหลิงเทียน
“กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์อย่างเผยกุ่นซานยังตกตายคามือมันอย่างที่ไร้พลังจะต้านทาน อาสัยพลังที่มันเผยออกมาก่อนหน้าก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์เข้าไปแล้ว…คิดแย่งยอดสมบัติจากมือมันยังจะต่างอะไรกับแย่งเนื้อจากปากเสือ!”
“มันกลับครอบครองยอดสมบัติสวรรค์ได้ถึง 2 ชิ้น…หากข้าเป็นเซียนอมตะเสเพลที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นจักดีแค่ไหนกันนะ?”
…
เหล่าเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์และ 4 ทัณฑ์ ตอนนี้ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอิจฉาอย่างถึงที่สุด
แต่ถึงแม้พวกมันจะอิจฉาเพียงใด แต่ก็มีเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์อย่างเผยกุ่นซานเป็นกรณีตัวอย่างให้เห็นกันจะๆ พวกมันย่อมได้รับบทเรียนเรื่องนี้กระจ่างใจ ไม่กล้าคิดจะแหยมกับต้วนหลิงเทียนแน่นอน!
ยอดสมบัติสวรรค์ล้ำค่าก็จริง แต่ไหนเลยจะล้ำค่าไปกว่าหนึ่งชีวิตของพวกมัน?
โดยเฉพาะเหล่าเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ทั้งหลาย ที่เห็นฉากสังหารเผยกุ่นซานกับตา…
กระบี่ของต้วนหลิงเทียนเล่มนั้น มันพุ่งออกไปด้วยสภาวะราวกับคมเคียวของยมทูต และก่อนที่เผยกุ่นซานจะทันได้ตอบสนองสิ่งใดก็ถูกฆ่าตายไปเสียแล้ว ยิ่งเผยเลี่ยนเฉิงนั่น…เกรงว่าจนบัดนี้สมควรยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันกับปู่มันโดนอะไรตาย…
กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ยังตายคามือต้วนหลิงเทียน พวกมันมีหรือจะกล้าแหยมต้วนหลิงเทียน?
เช่นนั้นพวกมันก็ทำได้แค่ถลึงตามองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความอิจฉาจับใจเท่านั้น
ยอดสมบัติสวรรค์ปรากฏให้เห็นตรงหน้าถึง 2 ชิ้น…อนิจจาดูได้แต่ตามือไม่อาจต้อง!
หลังสิ้นเสียงกระดิ่งที่แฝงไปด้วยพลังเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนพักหนึ่ง เหล่าครึ่งก้าวเซียนอมตะและผู้ที่ไม่ถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ที่บาดเจ็บก็เดินพลังรักษาตัว ที่ยังดีก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
และสายตาที่พวกมันใช้มองมาคราวนี้ไม่เพียงตื่นตระหนก ยังอิจฉาจับใจเช่นกัน!
“ดูท่าแล้วเจ้านี่ก็ไม่เลวเลย…”
มองไปยังกระดิ่งในมือต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนที่ร่างจะอันตรธานหายไปอีกครั้ง ค่อยมาปรากฏตัวข้างๆหานเฉวี่ยไน่
“เฉวี่ยไน่…หากข้าจำไม่ผิด มรดกของธุลีแดงที่เจ้าได้รับสืบทอดมา ก็มีกระบวนท่าโจมตีด้วยคลื่นเสียงอยู่ด้วยใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามหานเฉวี่ยไน่ และก่อนที่หานเฉวี่ยไน่จะทันได้ตอบอะไร เขาก็ยืนส่งกระดิ่งไปให้นาง “กระดิ่งใบนี้มันอยู่ในมือข้าก็เสียของเปล่าๆ เจ้าเก็บไว้ใช้เถอะ…”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนยื่นส่งกระดิ่งมาถึงหน้า หานเฉวี่ยไน่ก็ตะลึงไปชั่วขณะ
ด้วยนางไม่คิดเลยว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนจะมอบสิ่งของล้ำค่าเช่นนี้ให้กับนางได้หน้าตาเฉย!
ต้องทราบด้วยว่านี่คือยอดสมบัติสวรรค์ เป็นอะไรที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าศาสตราใดๆในระนาบโลกียะ!
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่ใช้มัน แต่ภรรยาทั้ง 2 ของต้วนหลิงเทียนเล่า? ไหนจะยังพี่สาวเทียนหวู่อีก ย่อมใช้ได้เหมือนกัน!
นางเองก็รู้ดี
หากเทียบกับพี่สะใภ้ทั้ง 2 และพี่สาวเทียนหวู่แล้ว นางก็ไม่นับว่าเป็นอะไรในสายตาพี่ใหญ่…
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดของหานเฉวี่ยไน่ฝ่ายเดียว
เพราะในสายตาของต้วนหลิงเทียน หานเฉวี่ยไน่นั้นมีความสำคัญไม่น้อย เขายังเห็นนางไม่ต่างอะไรจากน้องสาวแท้ๆ
“รับไปเถอะน่า…กระดิ่งใบนี้มันไม่มีค่าอะไรกับข้าเลย เก็บไว้ก็รกแหวนข้าเปล่าๆ…”
เมื่อต้วนหลิงเทียนพูดขึ้นมาอีกรอบ วาจาประโยคนี้ของเขาก็ทำให้ร่างผู้คนโดยรอบสะท้านไปปานถูกฟ้าผ่า
พอได้ยินแล้วบางคนแทบกระอักเลือดออกมาให้ได้!
ไม่มีค่า?
นั่นมันยอดสมับติสวรรค์นะ!
รกแหวนท่านเหรอ?
รกมากหรือไม่?!
พี่ท่านกับแม่นางน้อย…หากพวกท่านทั้งสองไม่ต้องการได้โปรดโยนมาให้ข้าเร็วๆ!!
“เหอะๆ…คำพูดของน้องหลิงเทียนช่างทำร้ายผู้คนสาหัสนัก…”
จางยี่ได้แต่เผยยิ้มขื่นขม เพราะตอนนี้อารมณ์ของมันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้คนโดยรอบเลย
สำหรับหลิ่วเสวียนั้น ได้แต่มองหานเฉวี่ยไน่ด้วยความอิจฉาจับใจ ยังหวังให้นางกลายเป็นหานเฉวี่ยไน่แทน
นางไม่อาจจินตนาการได้ออกจริงๆ ว่าความรู้สึกยามมีคนยื่นส่งยอดสมบัติมาให้แบบนี้จะเป็นอย่างไร…
“พี่ใหญ่หลิงเทียน กระดิ่งนี่ท่านเก็บไว้ให้พี่สาวเค่อเอ๋อ หรือพี่สาวเทียนหวู่เถอะ…ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ต้องการเหมือนกัน ท่านก็เพียงเก็บไว้ให้พี่สาวลี่เฟยก็ได้…”
มองไปยังกระดิ่งที่ต้วนหลิงเทียนยืนส่งมาให้ หานเฉวี่ยไน่ไม่เอื้อมมือไปรับเพียงกล่าวบอกปัดออกไปแทน
เผชิญกับความเย้ายวนของยอดสมบัติสวรรค์ไหนเลยใจนางจะสงบและไม่อยากได้? แต่นางรู้ดีว่าของล้ำค่าขนาดนี้นางไม่อาจรับไว้ และยังไม่ควรรับไว้อีกด้วย!
“เฉวี่ยไน่…ที่แท้หลังไม่เจอกันไม่กี่ปี เจ้ากลายเป็นเด็กดื้อไปแล้วหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาด้วยทีท่าไม่พอใจ “เอาล่ะๆ กระดิ่งใบนี้ถ้าเจ้าไม่อยากได้มันจริงๆ งั้นข้าโยนทิ้งแล้วนะ ใครเก็บได้ก็เอาไปเลยแล้วกัน…”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดประโยคนี้ออกมา ใจของผู้ชมโดยรอบพลันกระตุกไปทันที
สวรรค์!
นั่นมันยอดสมบัติสวรรค์!
ยอดสมบัติสวรรค์เชียวนะ!!
แต่ชายหนุ่มผู้นี้จะโยนมันทิ้งราวขยะ?
‘แม่นางรีบตอบว่าไม่เอาเร็ว…ไม่เอา ไม่เอา…พูดไม่เอาเร็วๆ!!’
‘แม่นางน้อย เจ้าต้องมีจิตใจแน่วแน่ยึดมั่น…บอกไม่เอาก็คือไม่เอา!’
…
ตอนนี้ทุกสายตาพากันไปจับจ้องมองหานเฉวี่ยไน่ ยังพากันภาวนาอธิษฐานในใจ หวังให้หานเฉวี่ยไน่ยืนกรานปฏิเสธ
และหวังว่าหลังจากที่หานเฉวี่ยไน่ยืนกรานไม่รับแล้ว ต้วนหลิงเทียนจะโยนกระดิ่งนั่นทิ้งจริงๆ!
ถึงแม้พวกมันจะรู้ดีว่าเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ไหนเลยจะเกิดขึ้นได้จริงๆ…
แต่พวกมันก็อดคิดหวังไปในทำนองนี้ไม่ได้
โดยเฉพาะเหล่าเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์!
ในความคิดของพวกมัน มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น พวกมันถึงจะมีสิทธิ์ช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์มาครองได้!
“พี่ใหญ่หลิงเทียนท่าน…”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ทำราวกับดุเด็กน้อยของต้วนหลิงเทียน หานเฉวี่ยไน่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับจน และเมื่อไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอบไปดี ก็พาลทำให้บรรยากาศกลายเป็นกระอักกระอ่วนไม่น้อย
“เอ้า! รับ!!”
ต้วนหลิงเทียนไม่พูดพร่ำทำเพลงใดอีก เพียงโยนกระดิ่งไปให้หานเฉวี่ยไน่ ก่อนที่จะวูบร่างกลับไปหาจางยี่ก่อนที่หานเฉวี่ยไน่จะทันได้ทำอะไร
ตอนนี้เหลือเพียงหานเฉวี่ยไน่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น
และทันใดนั้นทุกสายตาก็หันไปมองจ้องหานเฉวี่ยไน่ กับกระดิ่งที่กำลังลอยไปหาหานเฉวี่ยไน่อย่างใจจดใจจ่อ
ตราบใดที่หานเฉวี่ยไน่ไม่รับไว้ พวกมันก็มีโอกาสช่วงชิงกระดิ่งนั่นแล้ว!!
“ขอบคุณพี่ใหญ่หลิงเทียนมาก”
จังหวะนี้หานเฉวี่ยไน่ก็ไม่อาจไม่รับ จึงทำได้เพียงเอื้อมมือไปคว้ากระดิ่งดังกล่าวเอาไว้เท่านั้น และหันไปมองขอบคุณต้วนหลิงเทียนด้วยความรู้สึกตื้นตัน
“ฮาย เจ้ากับข้าพวกเราใช่พึ่งจะรู้จักกันมาวันสองวัน ไฉนยังต้องเกรงใจแบบนี้เล่า ข้าไม่คุ้นชินเลย…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางกล่าวกับหานเฉวี่ยไน่อย่างสบายๆ สุดท้ายก็เอ่ยชวนหานเฉวี่ยไน่ว่า “ในเมื่อพวกเราเจอกันแล้ว ถ้างั้นเจ้าก็มากับข้าเถอะ…มาๆ พี่ใหญ่หลิงเทียนมีคนจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก”
หานเฉวี่ยไน่ก็ไม่คิดปฏิเสธเรื่องนี้ เร่งเหินร่างตามมาหยุดข้างต้วนหลิงเทียนแต่โดยดี
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็แนะนำให้นางกับจางยี่และหลิ่วเสวียรู้จักกัน
หลังจากทั้ง 3 แนะนำตัวกันแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ชวนทั้ง 3 ให้เหินร่างจากไปทันที
แต่ต้นจนจบเขาเห็นผู้คนรอบๆไม่ต่างอะไรจากอากาศธาตุอย่างสมบูรณ์…
และอันที่จริงแล้วสำหรับต้วนหลิงเทียนตอนนี้ คนอื่นๆก็ไม่ได้ต่างใดจากอากาศธาตุจริงๆ!
หลังจากที่กลุ่มของต้วนหลิงเทียนเหินร่างจากไป หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ต้องทราบด้วยว่าในสายตาของพวกมัน ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ หากแต่เป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์!
“ชายหนุ่มผู้นั้น…ที่แท้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่!?”
“ด่านพลังเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่กลับมีพลังอำนาจทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์…มันมาจากระนาบโลกียะใดกันแน่!?”
“ข้าก็มิรู้…แต่ที่ข้ารู้คือระนาบฉีอวิ๋นของข้ามิมีตัวตนที่ร้ายกาจเยี่ยงสัตว์ประหลาดนี้แน่!”
“ระนาบโหมหลัวของข้าก็ไม่เคยได้ยินเรื่องที่มีสัตว์ประหลาดพรรค์นี้ปรากฏขึ้นมาก่อน!!”
……