อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1278 ไม่เป็นเด็กดี
กู้ชูหน่วนจับมือของเขาไว้ และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่”
ซือโม่เฟย ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย แล้วซบศีรษะลงบนหน้าอกของนาง “ข้ารู้”
“เจ้ารู้แล้วยังลูบคลำอีก”
“พี่สาว เรามาทำเรื่องหลักกันเถอะ”
“ตึง……”
กู้ชูหน่วนไม่ทันตั้งตัว ถูกซือโม่เฟย พลิกตัวล้มลงบนเก้าอี้มังกร
ลมหายใจอุ่นๆ ของชายหนุ่มโชยลงมา พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นแรงดังเข้ามาอยู่ในหูของนาง
พอมองไปที่ใบหน้าที่งดงาม น่าหลงใหลของเขา กู้ชูหน่วนก็หายใจเร็วขึ้น
“อาโม่เจ้าลุกขึ้นก่อน”
“พี่สาว พี่สาวไม่ชอบอาโม่หรือ”
“ไม่ใช่เช่นนั้น”
แต่อย่ามองนางเช่นนี้
นางกลัวว่านางจะจับเขากินเสียก่อน
สิ่งผิดปกติที่ปรากฏขึ้นบริเวณเอว ทำให้กู้ชูหน่วนอยากจะลุ่มหลงไปกับมัน นางอยากจะพลิกซือโม่เฟยลงไป แล้วกดอยู่ด้านล่าง
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงพูดอย่างสงสัยของอาโม่ก็ดังขึ้นมา
“พี่สาว เราต้องทำอย่างไรต่อหรือ”
บูม……
กู้ชูหน่วนได้สติขึ้นมาทันที
นางรีบลุกขึ้นยืนทันที
นี่นางกำลังทำอะไรอยู่?
นางมีความคิดที่ไม่ดีเช่นนี้กับอาโม่ได้อย่างไร?
“พี่สาว เหตุใกพี่สาวถึงหน้าแดงเช่นนี้”
“บอกข้ามา ใครบอกให้เจ้าทำเช่นนี้”
“อ๋องเสวี่ยฉินเขาบอกว่าขอแค่อาโม่นอนกับพี่สาว พี่สาวก็จะไม่จากอาโม่ไปตลอดชีวิต”
บ้าเอ๊ย
อ๋องเสวี่ยฉินอีกแล้ว
เขาบ้าไปแล้วใช่ไหม?
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ไปบอกให้อ๋องเสวี่ยฉินนำเงินหนึ่งหมื่นตำลึงมาส่งพรุ่งนี้ บอกว่าเป็นค่าทำขวัญของข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน ห้าหมื่นตำลึง ให้เขาเอาเงินมาห้าหมื่นตำลึง ถ้าไม่มีเงินก็ขายจวนที่พักซะ”
ทหารองครักษ์ตัวสั่นเทารีบไปรายงานตามคำสั่ง บรรดาสาวใช้ด้านนอกก็หวาดกลัว
ดูเหมือนพวกเขาจะไม่เคยเห็นฝ่าบาททรงกริ้วโกรธเช่นนี้มาก่อน
อ๋องเสวี่ยฉินมีชื่อเสียงเรื่องความจน เขาจะมีเงินห้าหมื่นตำลึงได้อย่างไร
คาดว่าเขาคงต้องขายวังจริงๆ
เงียบกริบ
เสียงในห้องจัดการพระราชกรณียกิจเงียบลง
มีเพียงซือโม่เฟย ที่กำลังมองมาที่นางด้วยใบหน้าเศร้า น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาที่แวววาว ทำให้หัวใจของกู้ชูหน่วนแทบสลาย
“โถ่ เหตุใดถึงร้องไห้เล่า เดี๋ยวข้าเช็ดให้ ถ้าร้องไห้จะไม่หล่อเอานะ”
“พี่สาว พี่สาวเกลียดอาโม่หรือ”
“พูดอะไรบ้าๆอาโม่น่ารักเช่นนี้ ข้าชอบเจ้ามากสิไม่ว่า จะเกลียดเจ้าได้อย่างไร”
“แล้วเหตุใดพี่สาวถึงไม่ยอมนอนกับอาโม่”
“ข้ายังมีฎีกาต้องจัดการอีกมาก เด็กดี เจ้าไปนอนก่อนดีหรือไม่”
“ข้าจะอยู่กับพี่สาวด้วย”
“ก็ได้ มานี่สิ เจ้านั่งกินขนมตรงนี้ก่อน ถ้าง่วง เจ้าก็นอนบนเก้าอี้เอนนอนตรงนั้นก่อนก็ได้”
“พี่สาว ข้าง่วงแล้ว พี่สาวมานอนกับข้าก่อน ตื่นแล้วข้าจะอยู่รอพี่สาวทำงาน”
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนตอบ ซือโม่เฟยก็อุ้มนางไปนอนลงบนเก้าอี้เอนนอนด้วยกันแล้ว
เขายกยิ้มหวาน แล้วมุดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของกู้ชูหน่วน
ชั่วเวลาหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกว่าตนเองตกเข้าไปในกลอุบายของซือโม่เฟย
เพราะพูดไปพูดมา สุดท้ายนางก็ต้องนอนกับเขาอยู่ดี
แต่พอมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาที่หลับใหล และหายใจอย่างสม่ำเสมอของเขา นางก็รู้สึกว่านางคิดมากไปเอง
ขึ้นครองบัลลังก์มาสามวัน นางก็แทบจะไม่ได้หลับตานอนพักผ่อนเลย ตอนนี้พอผ่อนคลาย ความง่วงงุนก็เข้าครอบงำนางทันที
ในขณะที่กำลังสะลึมสะลือ นางรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังพยายามถอดเสื้อผ้าของนาง และหอบหายใจแรงเป็นครั้งคราว
นางสะดุ้งตกใจ รีบลุกขึ้นมา แต่กลับเห็นซือโม่เฟยที่ไม่รู้ว่าตื่นนอนตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้กำลังถอดเสื้อผ้าของนางออกไปครึ่งหนึ่งแล้ว
พอเห็นนางตื่นขึ้นมา เขาก็หลับตาลงและแสร้งทำเป็นนอนหลับอีกครั้ง
เฮ้ย……
กู้ชูหน่วนบิดหูของเขาขึ้นมา
“เป็นเด็กเป็นเล็กไม่เรียนสิ่งดีๆ ไปเรียนวิธีแอบถอดเสื้อผ้า กล้ามากจริงๆ?
“ถ้าเช่นนั้น อาโม่ให้พี่สาวถอดเสื้อผ้าอาโม่คืน”
“…”
ทั้งที่เขาเป็นคนรังแกคนอื่น แต่ยังแสดงสีหน้าน่าสงสาร และไม่รู้เรื่องรู้ราวเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน?