ตอนที่ 2202 ขั้นเทวะ? มันคือสิ่งใด?

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ลุงหยาน นี่มัน… จะไม่บ้าบิ่นเกินไปหน่อยหรือ?” เฉินลี่ได้แต่ต้องกล่าวขึ้นขัด

ส่วนทางด้านชาวบ้านทั้งหลายนั้นพวกเขาทั้งหลายต่างได้แต่ต้องมองภาพตรงหน้าด้วยคิ้วขมวดแน่น สายตาที่มองดูเย่หยวนนั้นล้นไปด้วยความสงสัย

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเจ้าเด็กคนนี้ที่ไม่มีแม้แต่ปราณใดๆ มีหรือที่จะคู่ควรไปแตะต้องสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์?

ไม่ว่าจะอย่างไรความหายากของสมุนไพรวิญญาณบนเขาผ่อนสงบนี้มันก็นับได้ว่าแทบไม่มีทางพบเจอได้

การปล่อยให้คนที่ความจำเสื่อมไปยุ่งกับมันมีแต่จะเสียของเปล่ามิใช่หรือ?

หากทำเช่นนั้นแล้วแม้แต่โอกาสหนึ่งในสิบนั้นมันก็จะเสียไปสิ้น

เวลานี้แม้แต่ทางเย่หยวนเองก็ยังต้องกล่าวขึ้น “ปู่หยาน ข้าว่า… มันคงไม่เหมาะหรือไม่?”

แต่ทางเฉินหยานกลับร้องกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น “เจ้าลองดูเถอะ หากมันเสียจริงๆ แล้วเฒ่าคนนี้จะรับผิดชอบมันเอง เฉินลี่ เจ้าไม่คิดค้านใช่หรือไม่?”

‘บ้าบอ! ข้าต้องคิดค้านสิ!’

แต่เฉินหยานผู้นี้มีตำแหน่งสูงล้ำในหมู่บ้าน นอกจากจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้านแล้วเขายังเป็นหมอยาที่รักษาคนในหมู่บ้านไว้นับไม่ถ้วน

หากไม่มีเขาคนนี้แล้วหมู่บ้านเฉินคงไม่อาจตั้งอยู่ได้จนทุกวันนี้

อย่างตัวเฉินลี่เอง ที่เขามีทุกวันนี้ได้มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะลุงหยานคนนี้สิ้น

เฉินลี่นั้นจึงได้แต่ต้องยิ้มรับออกมา “ในเมื่อลุงหยานคิดตัดสินใจไปแล้วข้าก็คงไม่อาจจค้านใดๆ ได้อีก”

เฉินหยานนั้นบอกว่ามันคิอห้องหลอมโอสถแต่แท้จริงมันก็แค่กระท่อมหลังน้อย

เรื่องราวของสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องสำคัญของทุกผู้คนในหมู่บ้านอย่างไม่ต้องสงสัย

หากโอกาสหนึ่งในสิบนั้นถูกวางไว้กับเฉินลี่แล้ว มันก็หมายความว่าหมู่บ้านมีโอกาสถึงหนึ่งในสิบที่จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

แต่ในเวลานี้มันกลับมีเด็กหนุ่มผู้ไม่มีแม้แต่ปราณใดๆ มายุ่งเล่นกับโอกาสหนึ่งในสิบนั้น มีหรือที่คนทั้งหลายจะอยู่กันอย่างสุขใจได้?

เมื่อเข้ามาถึงห้องหลอมโอสถนี้เย่หยวนก็รู้สึกโหยหามันขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

มันราวกับว่าอาการใดๆ ของเย่หยวนนั้นดีขึ้นมาในพริบตา

เฉินหยานเองก็ได้ดูแลเย่หยวนมานาน เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้านี้ตัวเขาเองก็สั่นสะท้านไปทั้งใจ

เขานั้นมีอายุมากที่สุดและได้พบเจอเรื่องราวบนโลกมามากที่สุดในหมู่บ้าน เขาจึงรู้

การที่เย่หยวนจะรอดจากบาดแผลเช่นนั้นได้มันย่อมจะมิใช่สิ่งที่นักยุทธสามัญทั่วๆ ไปจะทำได้

และในการรักษาตัวของเย่หยวนนี้ โอสถใดๆ ของเขามันกลับไร้ซึ่งผลสิ้น

สิ่งที่ทำให้เย่หยวนฟื้นกลับมาได้นี้มันคือพลังการฟื้นฟูของเย่หยวนสิ้น!

และก่อนหน้านี้ที่เย่หยวนกล่าวออกมาอย่างไม่ทันได้คิดนั้นมันย่อมจะเป็นเพราะสัญชาตญาณส่วนลึกของเขา

เขาจึงได้คาดเดาไปอีกครั้งว่าเย่หยวนอาจจะเป็นจอมเทพโอสถมาก่อนจะเสียความทรงจำ!

ในเมื่อสัญชาตญาณบอกเย่หยวนว่าเขาทำได้ เช่นนั้นแล้วเขาก็อาจจะทำได้จริงๆ

เฉินหยานนั้นรู้ดีว่าวิธีการหลอมของเหล่าจอมเทพโอสถนั้นมันลึกล้ำปานใด มันมิใช่สิ่งที่นักหลอมโอสถสามัญอย่างเขาจะคาดคิดถึงได้

ทุกผู้คนในหมู่บ้านต่างมายืนรออยู่ที่หน้าห้องหลอมโอสถมองดูเย่หยวนค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องหลอมโอสถนั้นก่อนจะเห็นว่าเขาค่อยๆ เดินวนไปมายกมือขึ้นลูบจับสมุนไพรและเครื่องมือต่างๆ

เมื่อได้ลองลูบสัมผัสสิ่งทั้งหลายนี้ดูเย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยราวกับว่ามันเป็นแขนขาของเขาเอง

ความคุ้นเคยเช่นนี้มันถูกฝังลงลึกในร่างกาย

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าเลือดลมในกายของเขาเริ่มที่จะพลุ่งพล่านขึ้นอย่างไร้สาเหตุ

“ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยเสียจริง!” เย่หยวนร้องบอก

ทุกสายตานั้นต่างมองดูตามการเคลื่อนไหวของเย่หยวนอย่างไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาจะทำอะไร

เพราะเวลานี้เขาเอาแต่เดินวนไปมาอย่างไม่คิดลงมือทำเรื่องราวใด

เฉินยองนั้นเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “มันก็แค่เดินวนไปมาเช่นนั้น กว่าจะได้ทำอะไรฟ้าคงมืดกันพอดี! ทำเช่นนี้แล้วมันจะได้ประโยชน์ใดหรือ?”

“ใช่! ทำไมข้าถึงไม่อาจวางใจเจ้าเด็กคนนี้ได้เลย เหมือนกับว่ามันนั้นกำลังแกล้งทำเป็นลึกลับอยู่!”

“ลุงหยานเองก็อยากได้ไปหลงท่าทางของมันเลย นี่มันสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เชียวนา!”

เวลานี้ชาวบ้านหลายต่อหลายคนย่อมจะไม่พอใจจึงได้แต่ร้องบ่นออกมาให้เฉินหยานฟัง

แต่ทางเฉินหยานนั้นกลับขมวดดิ้วแน่นก่อนจะหันมาตวาดด้วยเสียงเบาๆ “พวกเจ้าหุบปากลง! ใครคิดพูดจาใดๆ อีกก้าวออกมาพูดต่อหน้าข้านี้!”

เมื่อทุกคนได้เห็นความไม่พอใจนั้นของเฉินหยาน พวกเขาก็ย่อมจะเงียบปากลงอย่างไม่กล้ากล่าวว่าใดๆ

เฉินลี่เองทีแรกก็คิดจะเข้าไปร่วมบ่นว่าด้วยแต่พอได้เห็นท่าทางนั้นของเฉินหยานเขาก็ได้แต่ต้องหุบปากลงก่อนจะได้กล่าวใดๆ

การเดินเล่นของเย่หยวนนี้มันกินเวลาไปกว่าชั่วโมง

แต่จู่ๆ ฝีเท้าของเขาก็หยุดลงและหยิบเอาผลึกปราณเทวะระดับต่ำออกมาจากกล่องอันสวยหรู

ทุกผู้คนหน้าถอดสีทันที

เจ้าเด็กคนนี้มันตาดี!

ในสถานที่อย่างหมู่บ้านตระกูลเฉินนี้แค่ผลึกปราณเทวะขั้นต่ำผลึกเดียวนี้มันก็ล้ำค่าเกินกว่าสิ่งใดแล้ว

ที่เฉินหยานมีเก็บไว้นั้นมันมีเพียงแค่สามผลึกเท่านั้น

และเจ้าสามผลึกนี้มันคือผลงานที่เขาประหยัดอดออมมาทั้งชีวิต ต้องเสียสมุนไพรมากมายพร้อมด้วยแรงกำลังกายอย่างไม่อาจนับได้กว่าจะได้มันมา

เจ้าเด็กคนนี้ไร้ซึ่งความเกรงใจใด!

เย่หยวนนั้นหยิบผลึกปราณเทวะออกมาพร้อมปัดกวางของบนโต๊ะออกเผยให้เห็นพื้นที่ว่าง

จากนั้นมือของเขาก็ขยับใช้เจ้าผลึกปราณเทวะนั้นวาดลงบนโต๊ะในทันที

ทุกผู้คนที่เห็นต่างยืนนิ่ง มีเพียงเฉินหยานเท่านั้นที่เบิกตากว้างขึ้นเรื่อยๆ จนแทบถลนออกจากเบ้า

เย่หยวนกำลังวาดค่ายกล!

เขานั้นไม่อาจจะเข้าใจถึงค่ายกลที่กำลังถูกวาดนี้ได้แม้แต่น้อย มันเป็นสิ่งที่ลึกล้ำอย่างมาก!

นี่มันย่อมจะมิใช่ความรู้ที่จอมเทพโอสถหนึ่งดาวจะมีได้! เฉินหยานได้แต่ต้องร้องลั่นออกมา

ในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจเย่หยวนก็วาดมันจนเสร็จสิ้น

จากนั้นเขาก็เดินไปยังราวแขวนสมุนไพรและหยิบสมุนไพรออกมาโยนลงใส่ค่ายกลนั้นพร้อมๆ กับหญ้าใจหยก

“เจ้าหมอนี่มันหลับตาอยู่!”

“เขา… เขาจะไม่ดูสบายเกินไปหรือ?”

“หลอมโอสถเช่นนี้ก็ได้หรือ? ดูอย่างไรมันก็หยิบเอาสมุนไพรมาเล่นชัดๆ มิใช่หรือ?! เจ้าดูสิ มันไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้นเลย”

เหล่าชาวบ้านทั้งหลายต่างมึนงงอย่างมากเพราะเวลานี้เย่หยวนกลับกำลังหลับตาลงไม่ได้มองเรื่องราวใดๆ

แม้ว่าคนทั้งหลายนั้นจะไม่เข้าใจถึงค่ายกลใดๆ แต่ท่าทางของเย่หยวนมันก็จะดูสบายจนเกินไป

และค่ายกลที่เย่หยวนเขียนลงไปนั้นมันก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น

“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร? อาหนิงนั้นฝึกฝนทักษะจนกลายเป็นสัญชาตญาณ เขาไม่ต้องมอง ไม่ต้องวัด! พวกเจ้าหุบปากดูไปเถอะ!” เฉินหยานร้องตวาด

ทุกผู้คนจึงได้แต่ต้องเงียบปากลงอีกครั้ง

หนึ่งอึดใจ

สองอึดใจ

สามอึดใจ!

พรึบ!

เจ้าค่ายกลนั้นมันส่องสว่างขึ้นมาพร้อมดูดกลืนคลื่นพลังวิญญาณเข้าไปในห้องหลอมอย่างบ้าคลั่ง

เจ้าค่ายกลนี้มันคือค่ายกลดูดกลืนพลังวิญญาณนั่นเอง!

เวลานี้แม้แต่ตัวเย่หยวนเองก็ยังตกตะลึงกับภาพตรงหน้า

เขานั้นได้แต่ยกมือของตนขึ้นมามองดู

‘นี่คือฝีมือข้า?’

หลังผ่านไปได้อีกหลายอึดใจแสงนั้นมันก็ค่อยๆ จางหายก่อนจะปรากฏให้เห็นโอสถวางบนโต๊ะนั้น

ดวงตาของคนทั้งหลายเบิกกว้างขึ้นพร้อมปากที่อ้าค้าง สีหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความตกตะลึง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเฉินยองที่พูดกล่าวว่าออกมามากที่สุด

ในเวลานี้เย่หยวนกลับหลอมโอสถขึ้นมาได้จริงๆ

โดยวิธีการที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน!

ใช้ผลึกปราณเทวะวาดรูปบนโต๊ะนิดหน่อยก็หลอมโอสถได้แล้ว?

วิธีการเช่นนี้ต่อให้จะเป็นฝันเขาก็ไม่เคยฝันถึง!

เฉินหยานนั้นได้แต่ต้องเบิกตากว้างมองดูเย่หยวนด้วยประทับใจราวได้พบเจอเทพเจ้า

เขานั้นเดินออกไปด้านหน้าด้วยร่างกายสั่นเทาพร้อมค่อยๆ ยกโอสถนั้นขึ้นมามองดู “ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! นี่มันคือโอสถใจหยกแน่! เหมือนดั่งที่เขียนไว้ในตำรา! ค่ายกลดูดกลืนวิญญาณนั้นมันกลับทำให้สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เติบโตสมบูรณ์นั้นมีคุณสมบัติไม่แพ้สมุนไพรที่โตสมบูรณ์หลอมเป็นโอสถใจหยกขึ้นมาได้! ไม่สิ นี่มัน… มันมิใช่โอสถใจหยกทั่วๆ ไป! ห-หรือว่ามันจะเป็นโอสถใจหยกขั้นเทวะ?”

“หืม? โอสถใจหยกขั้นเทวะ? นี่มัน… จะเป็นไปได้อย่างไร?”

“พระเจ้าช่วยโอสถใจหยกขั้นเทวะ ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?”

“หรือว่าแท้จริงแล้วอาหยิงจะเป็นหนึ่งในจอมเทพโอสถในตำนานทั้งหลายนั้น?”

ไม่มีใครในหมู่บ้านนี้ที่จะเคยพบเจอจอมเทพโอสถมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะใดๆ

เวลานี้แม้แต่เฉินหยานเองก็ได้แต่คิดว่ามันมีอะไรผิดปกติและต้องเบิกตากว้าง

เย่หยวนที่เห็นเช่นนั้นจึงกล่าวถามขึ้น “โอสถใจหยกขั้นเทวะ? มันคือสิ่งใดกัน?”

เฉินหยานนั้นแทบจะทำโอสถหลุดมือร่วงลงพื้นเมื่อได้ยิน

ชาวบ้านทั้งหลายเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน เจ้าหมอนี่ไม่รู้ถึงระดับคุณภาพของโอสถแต่กลับหลอมโอสถขั้นเทวะขึ้นมาด้วยได้ท่าทางเช่นนั้น?

……………