“เอาให้เขาไปเถอะ” เจ๋อชุนชิวถอนหายใจ ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ โยนระฆังดาราออกมาทันที
สวีถังหรานรับมาไว้ในมือ แล้วมองหยางเจาชิง อารมณ์ที่อยู่ในแววตานั้นทำให้หยางเจาชิงอกสั่นขวัญแขวนเล็กน้อย ถามว่า “เป็นอะไร?”
อิ๋งอู๋หม่านตะคอกเช่นกัน “เร็วๆ!”
สวีถังหรานหันหน้ามาตอบ “บนตัวข้าถูกผนึกพลัง ไม่มีทางควบคุมระฆังดาราได้”
“…” อิ๋งอู๋หม่านพูดไม่ออก ตอนนี้เขาอ่อนไหวกับคำว่า ‘ผนึก’ มาก เพราะตอนนี้เขาก็เป็นผู้ถูกกระทำเหมือนกัน แต่ดันมีคนเอ่ยถึงติดกันหลายครั้ง คิดไปคิดมาก็พบว่าใช่ บนตัวสวีถังหรานมีผนึกจริงๆ จึงโบกมือให้อู๋เซียนฉีทันที บอกใบ้ให้มาคลายผนึกให้
“ท่านโหว ถ้าแม่ทัพใหญ่อ๋าวรู้ว่าพวกเราเจรจากับท่าน จะทำยังไงล่ะ?” หยางเจาชิงฉวยโอกาสเบี่ยงเบนความสนใจของอู๋เซียนฉี พยายามทำให้อู๋เซียนฉีพิจารณาทางด้านอื่น อย่าให้จำได้ว่าคลายผนึกบนตัวเขาออกแล้ว
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล โหวผู้นี้มีความคิดเป็นของตัวเอง” อิ๋งอู๋หม่านกล่าวเสียงต่ำ
หยางเจาชิงบอกอีกว่า “ท่านโหว ท่านย่อมไม่กลัวแม่ทัพใหญ่อ๋าวอยู่แล้ว แต่ข้านั้นไม่เหมือนกัน คนที่คุมสถานการณ์ข้างนอกตอนนี้คืออ๋าวเฟย ให้ข้างนอกเฝ้าไว้หน่อยได้มั้ย ถ้าแม่ทัพใหญ่อ๋าวมา จะได้แจ้งให้ข้าหลบทัน จะได้ไม่ต้องโดนจับได้คาหนังคาเขา”
อิ๋งอู๋หม่านกำลังลังจะบอกเขาว่าอย่ามายุ่งเรื่องคนอื่น ยังไม่ทันเอ่ยปาก หยางเจาชิงก็แย่งพูดแล้ว “อย่างน้อยทุกคนจะได้ไม่ต้องอึดอัด ไม่อย่างนั้นต่อให้ท่านโหวจะเจรจากับหัวหน้าภาคของพวกเราแล้ว แต่ถ้าแม่ทัพใหญ่อ๋าวเข้ามาเกี่ยวข้อง เกรงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง”
คำอธิบายนี้ทำให้อิ๋งอู๋หม่านเงียบไป สายตาจ้องไปทางทหารยศเล็กที่นั่งคุกเข่าโดยไม่กล้าถือวิสาสะยืนขึ้นเอง “ไป! ไปจ้องข้างนอก”
ทหารคนนั้นอยากจะไปอยู่แล้ว รีบลุกขึ้นแล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไป
อิ๋งอู๋หม่านจ้องไปที่สวีถังหรานอีก แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “เจ้ายังมัวอิดออดอะไร?”
สวีถังหรานที่กำระฆังดาราอยู่ในมือถอนกายใจเฮือกหนึ่ง เอามือลูบหน้าอกด้วยสีหน้าจนใจ “ท่านโหว โหยวฮ่วนทรมานข้าไม่เบาเลย ลูกน้องท่านก็ลงมือไม่ปรานี พลังอิทธิฤทธิ์เสียหายรุนแรงจริงๆ” เขามองไปที่อู๋เซียนฉี “ท่านโหวให้ยาแก่นเซียนผู้น้อยสักเม็ดได้มั้ย ให้อาการบรรเทาสักหน่อย ไม่อย่างนั้นพลังอิทธิฤทธิ์ในตอนนี้ก็ไม่พอสำหรับการเจรจาเลย ถ้าเจรจาได้ครึ่งทางแล้วหยุดพักก็คงจะไม่เหมาะหรอกใช่มั้ย?”
จุดนี้อิ๋งอู๋หม่านรู้ดี ตอนสวีถังหรานถูกโหยวฮ่วนส่งตัวมาก็สะบักสะบอมมากแล้ว ทั้งยังถูกทรมานอีก นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง มิหนำซ้ำก็แค่ยาแก่นเซียนเม็ดเดียวเท่านั้น จะมีอะไรได้ล่ะ? เขาเอียงหน้ามองอู๋เซียนฉี “ให้เขา!”
อู๋เซียนฉีเองก็ไม่เห็นว่ายาแก่นเซียนเม็ดเดียวจะร้ายแรงอะไร จึงโยนให้สวีถังหรานเม็ดหนึ่ง
สวีถังหรานรับมาไว้ในมือ แล้วฉวยโอกาสบีบให้แตก
ปั้ง! มีเสียงดังหนึ่งครั้ง ยาแก่นเซียนที่สวีถังหรานรับมือระเบิดกลายเป็นหมอกขาว ถ้าของสิ่งนี้ไม่ถูกพลังอิทธิฤทธิ์ควบคุมไว้ก็จะเป็นสภาพอย่างนี้อยู่แล้ว
เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ขณะที่หมอกโผเข้ามาใส่หน้า ลมแรงกลุ่มหนึ่งก็โผเข้ามา อู๋เซียนฉีตั้งฝ่ามือต้านทานไว้โดยจิตใต้สำนึก ตอนที่ยื่นฝ่ามือออกไป ตอนที่เสียเวลาไปเล็กน้อยนั้น เขาก็แอบร้องว่าแย่แล้ว ในศาลามีเสียงตะคอกของหยางเจาชิงดังมา “ถ้าไม่อยากให้เขาตายก็หยุดเดี๋ยวนี้!”
บึ้ม! ห้องนั้นถูกพลังฝ่ามือของอู๋เซียนฉีถล่มพัง อู๋เซียนฉีสะบัดแขนเสื้อ ปัดไอหมอกกลุ่มใหญ่ออกไป
หมอกค่อยๆ หายไปกับความลึกลับ ในศาลา หยางเจาชิงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังอิ๋งอู๋หม่านแล้ว นิ้วทั้งห้าบีบบคออิ๋งอู๋หม่านไว้แน่น บีบจนอิ๋งอู๋หม่านแทบจะกระดิกกระเดี้ยไม่ได้
สวีถังหรานนอนหมอบอยู่บนพื้น ขณะที่บีบยาแก่นเซียนระเบิดและผลักไปหาอู๋เซียนฉี เขาเองก็หมอบแล้วเช่นกัน หมอบพื้นอย่างสุดชีวิต ลมแรงแทบจะถูหลังศีรษะเข้าออกไป แทบจะเอาชีวิตไม่รอด ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อแล้วจริงๆ สองขาสั่นระริก เกือบปัสสาวะราด ด่าหยางเจาชิงอย่างบ้าคลั่ง ว่าทำไมกล้าทำเรื่องที่เสี่ยงชีวิตอย่างนี้
หารู้ไม่ว่าหยางเจาชิงก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน แม้เขาจะอยู่ใกล้กับอิ๋งอู๋หม่านในศาลามาก อยู่ห่างไม่ถึงสิบเก้า แต่อาศัยวรยุทธ์ของเขา แค่ถลันตัวไปก็ถึงแล้ว แต่การตอบสนองของยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ก็ไม่ใช่เล่นๆ เขาต้องให้สวีถังหรานช่วยถ่วงเวลาให้สักหน่อย เวลาเล็กน้อยเพียงชั่วขณะจิตเท่านั้น
สวีถังหรานที่มวยผมสยายออก ผมเกินครึ่งหัวกลายเป็นผงแป้งทำสีหน้าตกใจกลัวมาก รีบกึ่งคลานกึ่งกลิ้งไปหาหยางเจาชิง แต่กลับถูกเงาคนที่ถลันเข้ามาบีบคอให้ล้มลงพื้น
เขายังหนีพ้นได้ก็แปลกแล้ว ถูกอู๋เซียนฉีบีบคอไว้ บีบคอจนขยับตัวไม่ได้
เจ๋อชุนชิวที่กระโดดลงจากเตียงตกใจค้าง แม้แผลที่แผ่นหลังยังรักษาไม่หาย แต่การเคลื่อนไหวนี้ก็ทำให้เขาเจ็บจนเหงื่อแตก เขายังเบิกตากว้างมองอยู่อย่างนั้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่าเหตุใดจึงกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว? เขาไม่ได้เตรียมตัวป้องกันใดๆ เลย
ผู้ติดตามข้างกายเขาก็ตกใจค้างเช่นกัน พบว่าสองคนนี้ใจกล้าเกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าเล่นลูกไม้นี้ใต้หนังตานักพรตระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ ช่างไม่กลัวตายจริงๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำสำเร็จแล้ว!
ทหารที่ออกไปข้างนอกก่อนหน้านี้กลับเข้ามาดูความเคลื่อนไหวในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ พอวิ่งเข้ามาเห็นก็งงเป็นไก่ตาแตกเช่นกัน
สวีถังหรานใบหน้าแดงก่ำขณะตกอยู่ในมืออู๋เซียนฉี กำลังมองหยางเจาชิงด้วยสายตาบ้าคลั่ง แสดงออกว่าขอความช่วยเหลือ
อู๋เซียนฉีจ้องหยางเจาชิงด้วยสีหน้าดุร้าย ในใจร่ำร้องอย่างขื่นขมว่า ประมาทเกินไปแล้ว ประมาทเกินไป!
เขานึกเสียใจทีหลังจนไส้เขียว! ที่สำคัญคือต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่านักพรตบงกชรุ้งสองคนจะใจ้กล้าขนาดนี้ต่อหน้าเขา!
อิ๋งอู๋หม่านเองก็ถูกบีบคอจนพูดไม่ออกเช่นกัน เหลือกตาอย่างเดือดดาลโกรธแค้น เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าขนาดมียอดฝีมือคุ้มครองรอบกายแล้วยังเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้
หยางเจาชิงไม่ลนลาน ใช้มือข้างหนึ่งรูดกำไลเก็บสมบัติของอิ๋งอู๋หม่านมาไว้บนข้อมือตัวเอง พร้อมทั้งกล่าวช้าๆ ว่า “ทุกคนอย่าขยับซี้ซั้ว พลังอิทธิฤทธิ์ของข้ารวมอยู่ที่หัวใจของเขาแล้ว ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรขึ้นกับข้า พลังอิทธิฤทธิ์ของข้าที่ไร้การควบคุมก็จะทำให้หัวใจของเขาระเบิดทันที ถ้าเขาตายไป จุดจบของพวกเจ้าจะเป็นยังไง ก็คงไม่ต้องให้ข้าเตือนหรอกใช่มั้ย?”
ที่จริงในใจเขาก็กลัวแทบแย่ เพียงแต่ตั้งแต่รู้ว่าพลังอิทธิฤทธิ์บนตัวอิ๋งอู๋หม่านถูกควบคุม เขาก็คิดจะลงมือกับอิ๋งอู๋หม่านแล้ว ตอนบอกสวีถังหราน เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะโดนอู๋เซียนฉีผนึกพลังอิทธิฤทธิ์อีกรอบหรือไม่ ถ้าโดนอีกเขาก็จะคิดหาทางเบี่ยงเบนความสนใจคนพวกนี้ ให้สวีถังหรานลงมือเอง ตอนที่สัมผัสตัวสวีถังหรานก็แอบบอกให้สวีถังหรานรู้แล้ว
ใครจะคิดว่าอู๋เซียนฉีจะไม่ให้ความสำคัญกับเขาเลย แต่ก็เป็นเพราะเขาดูออกว่าพวกอู๋เซียนฉีเป็นทหารองครักษ์ที่ไม่ได้ทำหน้าที่สุดความสามารถ ดูจากเกราะรบบนตัวอู๋เซียนฉีก็รู้ถึงที่มาแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นคนที่ติดตามอยู่ข้างกายหัวหน้าภาคอย่างเหยียนซิว ความสนใจจะอยู่กับคนที่ต้องการจะปกป้องตลอดเวลา เขาหยางเจาชิงไม่กล้ามีความคิดนี้เลย
เจ๋อชุนชิวเองก็ไม่สนใจแล้วว่าตัวเองจะเจ็บหลัง ฉากตรงหน้าทำให้เขาตกใจจนชาไปหมด รีบกล่าวมาข้างหน้าแล้วกล่าวอย่างร้อนใจว่า “ปล่อยท่านโหว ข้ารับรองว่าพวกเจ้าสองคนจะได้ออกไปอย่างปลอดภัย!” เขาชี้สวีถังหรานที่อยู่ในมืออู๋เซียนฉี
“รับประกันบ้าอะไรล่ะ!” หยางเจาชิงพยักหน้าให้สวีถังหราน “ปล่อยเขาก่อนเดี๋ยวนี้”
“เลิกคิดไปได้เลย! ถ้าเจ้าไม่ปล่อยท่านโหว ก็เลิกคิดไปเลยว่าข้าจะปล่อยเขา!” อู๋เซียนฉีกัดฟัน
“พี่สวี ต่อให้เจ้าตายอยู่ที่นี่ก็คงไม่ถือว่าไร้ความเป็นธรรม! ชีวิตของเจ้าเทียบเท่ากับลูกชายของอ๋องสวรรค์อิ๋งแล้ว” หยางเจาชิงกล่าวกลั้วหัวเราะ มือค่อยๆ คลายออกจากคออิ๋งอู๋หม่าน แล้วกระซิบข้างหูเขาพร้อมรอยยิ้มบางๆ “ท่านโหว ให้คนของเจ้าปล่อยคนเดี๋ยวนี้!”
อิ๋งอู๋หม่านไอหนึ่งที อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ตวาดอย่างเดือดดาลทันที “โหวผู้นี้คือขุนนางตำหนักสวรรค์ผู้น่าเกรงขาม ข่มขู่ข้าแบบนี้ เจ้ารู้ถึงผลที่ตามมามั้ย?”
“แล้วนายท่านของพวกเราไม่ใช่ขุนนางตำหนักสวรรค์หรือไง? เจ้าฆ่าเขาได้ แต่ข้ากลับจับตัวเจ้าไม่ได้รึไง นี่มันหลักการอะไรกัน?” หยางเจาชิงถามเสียงเรียบ มองไปรอบๆ ด้วยความระวังตัวอย่างสูง ไถมือข้างหนึ่งจากแขนขออิ๋งอู๋หม่านลงมาที่ฝ่ามือ แล้วบีบนิ้วเขาเสียงดัง ‘แกร๊ก’ บิดให้หักเสียเลย พร้อมทั้งตะคอกว่า “ให้พวกเขาปล่อยคน!”
“อา…” อิ๋งอู๋หม่านครางเสียงต่ำ รู้สึกเจ็บจนสั่นไปทั้งตัว เหงื่อกาฬแตกในชั่วพริบตาเดียว
อู๋เซียนฉีช้อนมือสวีถังหรานขึ้นมาเพื่อโต้ตอบเช่นเดียวกัน
“เจ้าก็ลองดูสิ!” หยางเจาชิงตะคอก บิดนิ้วที่สองของอิ๋งอู๋หม่านแล้ว
อู๋เซียนฉีทำสีหน้าเหมือนจะเป็นบ้า บีบสวีถังหรานโดยไม่ลงมือสักที กลัวลูบหน้าปะจมูก เป็นเพราะนิ้วของอิ๋งอู๋หม่านแพงกว่ามากเมื่อเทียบกับสวีถังหราน
หยางเจาชิงดึงนิ้วของอิ๋งอู๋หม่านขึ้นมาตั้งตรงตาอิ๋งอู๋หม่าน ทำท่าเหมือนจะบิให้หักได้ทุกเมื่อ “สถานการณ์ข้างนอกเป็นยังไง ท่านโหวเองก็รู้ ในเมื่อข้ามาเจรจาที่นี่ในเวลานี้ ก็ไม่เตรียมจะรอดชีวิตกลับไปอยู่แล้ว ท่านโหวอยากจะเดิมพันกับข้ามั้ยล่ะ? ให้พวกเขาปล่อยคน!”
อิ๋งอู๋หม่านที่เจ็บจนหอบหายใจเฮือกใหญ่ตะโกนไปฝั่งตรงข้ามทันที “ปล่อยคน ปล่อยเขา!”
“ท่านโหว!” อู๋เซียนฉีลำบากใจสุดๆ
อิ๋งอู๋หม่านหายใจถี่กระชั้น ตวาดด้วยน้ำเสียงโมโห “ข้าบอกให้เจ้าปล่อยคน!”
เจ๋อชุนชิวเองก็รีบเร่งอู๋เซียนฉีเช่นกัน “ยังไม่รีบปล่อยคนอีกเหรอ?”
เฮ้อ! อู๋เซียนฉีร้องเฮ้อในใจ เขารู้ชัดดีมาก ว่าถ้าปล่อยไปก็จะเกิดปัญหาใหญ่แล้ว ถือว่าปล่อยให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ แต่เขาก็ไม่กล้าไม่ปล่อย คนที่อยู่ตรงหน้ามีฐานะสูงส่งมาก ถ้าได้รับความลำบากทุกข์ทนเพราะเขา เขาก็รับผิดชอบไม่ไหว
จึงใช้มือผลักออกไป กัดฟันผลักสวีถังหรานออกจากอ้อมกอด
สวีถังหรานที่ไอสองทีทั้งกลิ้งทั้งคลาน รีบวิ่งเข้าไปในศาลา ขบคิดถึงชั่วขณะที่ขวัญผวา
หยางเจาชิงสังเกตรอบๆ ด้วยความระวังตัวอย่างสูง พลางถ่ายทอดเสียงถาม “พี่สวีไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
สวีถังหรานตระหนกพอสมควร แต่พอเห็นว่าตัวประกันอย่างอิ๋งอู๋หม่านมีอิทธิพลมากขนาดนี้ ใจก็สงบลงเร็วมาก ช่วยระแวดระวังรอบๆ ถ่ายทอดเสียงตอบว่า “ไม่เป็นอะไร ไม่ตายหรอก!”
“เมื่อครู่นี้สถานการณ์บีบบังคับ หวังว่าพี่สวีจะไม่เก็บมาใส่ใจ”
“เข้าใจๆ เจ้าเองก็กำลังเสี่ยงชีวิตเหมือนกัน ตอนนี้จะเอายังไงต่อ?”
“ก็ต้องรบกวนให้คนที่อยู่ในมือไปส่งพวกเราสักรอบไง แต่ไม่สะดวกจะไปแบบเอิกเกริก ถ้าบีบให้อ๋าวเฟยจนตรอกเป็นสุนัขกระโดดกำแพงก็จะยุ่งยากแล้ว”
สายตาสวีถังหรานไปหยุดอยู่ที่ตัวเจ๋อชุนชิวและลูกน้อง เมื่อในมือมีที่พึ่งแล้ว เขาก็เริ่มคิดเรื่องล้างแค้น “เจ้าสองตัวนั้นทรมานข้าโหดมาก ความแค้นนี้ข้ากลั้นไว้ไม่ไหว!”
“พี่สวีอย่าบุ่มบ่าม เดี๋ยวข้าจัดการเอง!” หยางเจาชิงรีบถ่ายทอดเสียงห้าม จากนั้นก็หัวเราะอยู่ข้างหูอิ๋งอู๋หม่านอีก “ท่านโหว เกรงว่าต้องรบกวนให้ท่านไปส่งข้าสักรอบแล้ว แต่หวังว่าพวกเราจะเคลื่อนไหวเบาๆ หน่อยนะ ข้าว่าท่านโหวก็คงไม่อยากให้ทุกคนเห็นตัวเองในสภาพนี้หรอกใช่มั้ย? ท่านคือคนที่จะรับตำแหน่งอ๋องสวรรค์ จอมทัพของทัพตะวันออกในอนาคต จะไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีไว้สักหน่อยได้ยังไง?”
อิ๋งอู๋หม่านหอบหายใจ “ข้าแนะนำให้พวกเจ้าหยุดตอนนี้ ข้ารับประกันให้พวกเจ้าวางใจได้ รับประกันว่าจะให้พวกเจ้าทั้งสองจากไปอย่างปลอดภัย ไม่อย่างนั้น เจ้าน่าจะรู้ว่าอีกไม่นานอ๋าวเฟยจะพบความผิดปกติ ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างข้ากับอ๋าวเฟยเป็นยังไง เจ้าก็คงรู้มาบ้างแล้ว การที่ข้าเป็นตัวประกันให้เจ้า ดีไม่ดีอาจได้ผลตรงกันข้าม!”
……………