“เบิกเก้าเนตร**!”**
เมื่อเสียงน่ากลัวของเทพปีศาจดังก้อง ฟ้าดินก็สั่นสะท้านเลื่อนลั่นราวกับหวาดกลัวยิ่งนัก
สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วนกวาดไปยังเทพปีศาจ
เทพปีศาจยืนตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า ดวงตาดวงที่เก้าที่ปิดอยู่ตรงสะดือสั่นสะท้านก่อนจะค่อยๆ เปิดออก
ขณะนี้ดวงตาที่ชั่วร้ายทั้งเก้าดวงเปิดขึ้นเพื่อมองโลกแล้ว
เมื่อดวงตาดวงที่เก้าเปิดขึ้น ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ว่าแรงกดดันปีศาจที่แผ่ซ่านจากเทพปีศาจพุ่งสูงขึ้นทบทวี ไม่เพียงแต่ทวีปหลิงหมัวเท่านั้น แม้แต่ทวีปใกล้เคียงก็แสดงสัญญาณของการล่มสลายภายใต้แรงกดดันปีศาจ
รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากรวมตัวกันอย่างรุนแรงที่เบื้องหลังเทพปีศาจ ก่อนจะกลายเป็นของเหลวสีดำหนาแน่นหยดแหมะลงมา ทุกหยดมีรัศมีปีศาจที่สามารถทำลายแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้…
รอยยิ้มน่าสยดสยองฉายบนใบหน้าเทพปีศาจ ของเหลวสีดำไหลบ่าราวกับกระแสน้ำบนมือเขา ส่งเสียงน่ากลัวออกมาเป็นครั้งคราว
นี่เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความโลภและการทำลายล้าง
เมื่อมู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้งมองไปที่เทพปีศาจในขณะนี้ ใบหน้าก็เคร่งขรึมลงขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามใหญ่หลวงที่มาจากอีกฝ่าย
“ข้าเกรงว่ามันจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่มหาพันภพอุบัติขึ้น” เซียวเหยียนถอนหายใจ แต่น่าเสียดายที่การมีอยู่เช่นนี้ไม่ได้เป็นจอมยุทธ์แห่งมหาพันภพแต่กลับกลายเป็นมหันตภัยล้างโลก
“ไม่ว่ามันจะทรงพลังแค่ไหน เราก็ปล่อยให้มันก้าวเข้าสู่มหาพันภพไม่ได้ เพื่อคนที่อยู่เบื้องหลัง” เสียงของหลินต้งดังก้อง
“งั้นก็ลุยกันเถอะขอรับ” มู่เฉินค่อยๆ กำหมัดแน่น สายตาเฉียบคมเต็มไปด้วยไอสังหาร
ตู้ม!
หลินต้งและเซียวเหยียนพยักหน้า ร่างเงาห้าเทพจอมยุทธ์ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับกระแสพลังห้าสายฉีกขาดขอบฟ้าพุ่งไปยังเทพปีศาจ
“ฮ่าๆ!”
เผชิญหน้ากับการโจมตีทั้งห้าสาย เทพปีศาจก็ไม่มีความกลัวบนใบหน้า ขณะที่เปิดปากหัวเราะร่าพลางสะบัดมือ
ตึง!
กระแสพลังกลายเป็นวงรัศมีปีศาจขนาดใหญ่กระจายออกไปโดยมีเทพปีศาจอยู่ตรงกลาง
ปัง ปัง!
กระแสพลังทั้งห้ากระทบกับวงรัศมีปีศาจ ทำเอาสวรรค์และโลกปรวนแปร ทว่าวงรัศมีปีศาจกลับแสดงพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว เมื่อมันกวาดออกก็ทำให้กระแสพลังทั้งห้าแตกเป็นประกายแสงโปรยปรายไปทั่วขอบฟ้า
วาบ!
ขณะที่แสงหลิงจางลงร่างเงาทั้งห้าก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ร่างเทพปีศาจ
อึดใจดาบใหญ่หัวตัดสีดำเมื่อมอาบด้วยเพลิง คทาสายฟ้าและหมัดสามหมัดที่ปกคลุมไปด้วยพลังที่แตกต่างกันก็ซัดตรงไปที่เทพปีศาจ
เทพปีศาจคลี่ยิ้มอ่อนยื่นมือออกมา กระแสพลังสีดำก็พันรอบมือ ก่อนที่เขาจะฟาดไปที่ดาบเพลิง
ประกายไฟแล่นเปรียะออกไป ดาบใหญ่หัวตัดก็สั่นสะท้าน มิติพังทลายลงในกระบวนท่า
ในเวลาเดียวกันเทพปีศาจก็สะบัดแขนเสื้อ กระแสพลังอีกสายก็พุ่งพรวดไปยังคทาสายฟ้า
ตู้ม!
ขณะที่ร่างกายเขาสั่นสะท้าน กระแสพลังอีกสามสายก็แยกออกจากวงรัศมี กลายเป็นหมัดปีศาจสามหมัดปะทะเข้ากับหมัดของมู่เฉิน
“ฮ่าๆ ไสหัวไปให้หมด!”
เทพปีศาจหัวเราะขณะที่แรงกดดันปีศาจมหาศาลแผ่ออกมา
ตึง ตึง!
พร้อมกับเสียงอึกอักในลำคอ ทั้งห้าก็ถอยกลับ ฝ่าเท้าทิ้งรอยไว้บนมิติอยู่เป็นเวลานานไม่ได้สลายลงไป
เมื่อผู้คนในมหาพันภพเห็นฉากนี้ ความโกลาหลก็แตกออกซึ่งอัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าเมื่อเทพปีศาจเปิดดวงตาดวงที่เก้า เขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบขึ้นมา
หลังจากซัดมู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้งให้ถอยห่างออกไป เทพปีศาจก็แสยะยิ้ม กระแสพลังสีดำเลื้อยไปมาบนร่างราวกับเป็นอสรพิษ เขามองไปที่ทั้งห้าคนกล่าวว่า “ดูเหมือนกลในการพึ่งพาจำนวนของพวกแกจะเริ่มไร้ประโยชน์แล้ว”
ทุกคนสามารถบอกได้จากการแลกกระบวนท่าครั้งก่อนเขาถือไพ่เหนือกว่า
เทพปีศาจเก้าเนตรน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ท่านจอมยุทธ์ พวกเจ้าถือได้ว่ามีพรสวรรค์ที่สามารถมาได้ไกลขนาดนี้ ถ้าพวกเจ้ายอมสวามิภักดิ์ ข้าจะรับประกันความปลอดภัยของเพื่อนและญาติสนิทของเจ้าได้” เทพปีศาจมองไปที่มู่เฉิน เซียวเหยียนและหลินต้ง
ทว่าเมื่อได้ยินคำเชิญชวนของเทพปีศาจทั้งห้าคนก็ยิ้ม
“ดูเหมือนเจ้าจะมั่นใจในชัยชนะของตนเองมากเหลือเกินนะ…” เซียวเหยียนหลุบตาลงขณะที่สีหน้าสงบนิ่งพลางถอนหายใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้พวกเราสามคนลิ้มรสกับสภาพเก้าเนตรซะหน่อยแล้วกัน!”
เสียงคำรามของเซียวเหยียนเต็มไปด้วยเจตนาฆ่ากระจายออกไป
จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก เพลิงจักรพรรดิที่ลุกโชติช่วงรอบตัวถอยกลับเข้าสู่ร่างกายทันที
ทว่าในขณะนี้ร่างกายเขากลับโหมกระหน่ำราวกับว่าเป็นหม้อกลั่น
เขาค่อยๆ ยืดฝ่ามือออก ทั่วสรรพางค์กายดูเหมือนหม้อกลั่นราวกับว่ามีบางอย่างกำลังต้มอยู่ภายใน ชั่วครู่ก็เกิดการสั่นไหวบนฝ่ามือขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นดอกบัวพร่างพราว
ดอกบัวสลักด้วยอักขระนับไม่ถ้วน แต่ละอักขระมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นตัวแทนของแก่นเพลิงที่แตกต่างกัน
ขณะที่ดอกบัวเบ่งบานก็ไม่มีความผันผวนของพลังงานหลิงแทรกซึม แต่ทุกคนสามารถมองเห็นร่างลุกเป็นไฟภายในดอกบัว
ร่างนั้นสวมมงกุฎจักรพรรดิ ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมเพลิงร้อนแรงซึ่งคล้ายกับเทพเพลิงอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อร่างนั้นถือกำเนิดขึ้นในดอกบัว ผู้คนในมหาพันภพก็รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิโดยรอบเพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้
เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวของเทพจักรพรรดิอัคคีครั้งนี้มีพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้
ในขณะที่เซียวเหยียนวาดกระบวนท่า หลินต้งก็เคลื่อนไหวเช่นกัน สัญลักษณ์โบราณเริ่มหมุนเวียนรอบตัวโดยแต่ละสัญลักษณ์แสดงถึงองค์ประกอบที่แตกต่างกัน
สุดท้ายหลินต้งก็ดึงมือกลับ สัญลักษณ์เทวลิขิตทั้งแปดปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ทำให้เกิดแรงกดดันลึกลับ
มู่เฉินหายใจเข้าลึก เขารู้ว่าทั้งเซียวเหยียนและหลินต้งได้นำกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาเองก็ไม่ต้องออมมือเช่นกัน
“นิรันดร์” เสียงแผ่วเบาดังออกมาจากปากของมู่เฉิน
รัศมีนิรันดร์ระเบิดออกจากร่างตกลงมาบนฝ่ามือ
“รัศมี”
“จิตวิญญาณ”
พร้อมกับคำพูดของเขา ร่างรองทั้งสองก็สั่น ลำแสงสองสายพุ่งออกมาก่อนที่จะตกลงบนฝ่ามือมู่เฉิน ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังร่างมหาเทพปฐมกาล
พลังของร่างมหาเทพปฐมกาลทั้งสามถูกรวบรวมไว้บนฝ่ามือมู่เฉิน ขณะที่เขาค่อยๆ งุ้มมือลงลวดลายโบราณก็แผ่กระจายบนหลังมือ
เวลานี้รอยยิ้มของเทพปีศาจแข็งเกร็งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เนื่องจากเขาเริ่มรู้สึกถูกคุกคามในขณะนี้แล้ว
เซียวเหยียนเงยหน้าขึ้น เสียงของเขาก็ดังก้อง “นี่เป็นทักษะที่ข้าฝึกฝนมาหลายปีและเป็นครั้งแรกที่ใช้ วันนี้ ขอใช้มันวัดเก้าเนตรของแกดู”
“ข้าเรียกทักษะนี้ว่า…”
“มหาเพลิงเทวะ!”
พร้อมกับเสียงของเขา ดอกบัวก็หมุนคว้างขึ้นไปบนผืนฟ้า ทั้วทั้งโลกเริ่มลุกโชน
หลินต้งก็ยกมือขึ้นพร้อมกับโลกที่เต็มไปด้วยดวงดาวบนฝ่ามือ นี่เป็นการหลอมรวมที่สมบูรณ์แบบระหว่างพลังต่างๆ
“ข้าเรียกกระบวนท่านี้ว่า…”
“มหาจักรวาล!”
เขาสะบัดนิ้วโลกที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็พุ่งเป็นสายขึ้นสู่ท้องฟ้า
เวลานี้มือของมู่เฉินก็ค่อยๆ คลี่ออก ลูกแก้วขนาดเล็กปรากฏขึ้นในฝ่ามือเอิบอาบไปกับความผันผวนของการระเบิดดาวฤกษ์
“ในเมื่อต้นกำเนิดมาจากการระเบิดดาวฤกษ์ข้าจึงขอเรียกว่า…”
“ลูกแก้วมหาดารา”
ทันใดนั้นเพลิง ท้องฟ้าหมู่ดาวและลูกแก้วก็ทะยานขึ้นสู่พุ่งไปในทิศทางของเทพปีศาจ
ยามนี้เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดจากมู่เฉิน หลินต้งและเซียวเหยียน กระทั่งใบหน้าของเทพปีศาจก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความตายตลบอบอวลจากกระบวนท่าของทั้งสาม
ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าตนเองประเมินชายสามคนที่อยู่บนยอดพีระมิดของมหาพันภพต่ำไป