​บทที่ 1281 เลิกลากันด้วยดีไม่นับว่าหย่าร้าง

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1281 เลิกลากันด้วยดีไม่นับว่าหย่าร้าง

อะไรนะ?

กู้ชูหน่วนตามไม่ทันตอบสนองว่าเย่จิ่งหานหมายความว่าอะไร?

“เอ่อ… เวินเส้าหยีได้ถูกหมั้นหมายให้กับจักรพรรดินีของแคว้นน้ำแข็งตั้งแต่ตอนที่เขายังอยู่ในครรภ์มารดา ไม่ว่าใครจะได้เป็นจักรพรรดินีก็ต้องอภิเษกสมรสกับเวินเส้าหยี”

กู้ชูหน่วนอยากจะบอกว่า นี่เป็นการหมั้นหมายที่ถูกกำหนดไว้เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว และนางเองก็ยังไม่เกิดด้วย ดังนั้นจะโทษนางไม่ได้

เย่จิ่งหานนิ่งเงียบ เอาแต่มองหน้านางด้วยสายตาอาฆาต

ใช้เวลาสักครู่กู้ชูหน่วนจึงตอบสนองได้

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากอภิเษกสมรสใช่ไหม ดีเลย ข้าเองก็ไม่อยากอภิเษกสมรสเหมือนกัน ประเดี๋ยวข้าเขียนราชโองการ บอกว่าเราเลิกรากันแล้ว จากนี้เราใช้ชีวิตของใครของมัน มีอิสระในการสมรสใหม่”

เย่จิ่งหานยิ้มเยาะ “เหอะ นั่นหมายความว่าข้าถูกเจ้าหย่าร้างหรือ”

“เลิกด้วยเจรจากันมันไม่ได้ถือเป็นการหย่าร้างหรอก”

“ตอนนี้เจ้าคือจักรพรรดินี ถ้าไม่ใช่เจ้าหย่าข้า เป็นข้าหย่าเจ้าหรือไง?”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าเป็นคนเขียนหนังสือหย่าให้ข้า เช่นนี้เจ้าจะได้ไม่เสียหน้า”

“เจ้าคิดว่าคนอื่นโง่หรือไง? มีหรือที่สนมจะเขียนหนังสือหย่าให้กับจักรพรรดินี?”

“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็เป็นสนมต่อไป รออาการบาดเจ็บที่ขาของเจ้าหายดีแล้ว เจ้าก็หาโอกาสออกไปจากวัง ไปหาภรรยาของเจ้า และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”

“ถ้าเช่นนั้นชาวบ้านก็จะรู้แค่ว่าข้าเย่จิ่งหานเป็นสนมของเจ้าเท่านั้น”

“แล้วเจ้าจะให้ทำอย่างไร?”

“หึ ข้าเย่จิ่งหานเป็นถึงท่านอ๋องแห่งแคว้นเย่อยู่ที่นี่เป็นได้แค่กุ้ยเหรินเท่านั้นหรือ”

กู้ชูหน่วนกลอกตามองบน

เจ้าอยากเลื่อนตำแหน่ง เจ้าก็พูดมาสิ

จะพูดอะไรเยอะแยะ

“ตำแหน่งกุ้ยจูนทั้งสี่ยังว่างอยู่ ข้าเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าเป็นกุ้ยจูนดีหรือไม่”

“ไม่ได้”

“ราชกุ้ยจูน?”

“ไม่ได้”

“ราชกุ้ยจูนที่อำนาจมากที่สุดรองจากฮองเฮาแล้ว”

“เจ้าคิดว่าข้ามีตรงไหนสู้แพ้เวินเส้าหยีไม่ได้”

กู้ชูหน่วนเผลอมองไปที่ขาพิการทั้งสองข้างของเขา

การกระทำนี้ทำให้เย่จิ่งหานโมโหมากขึ้น

หญิงนางนี้ สมรสคนเดียวยังไม่พอ แต่ยังสมรสกับสามคนในวันเดียว

และล้วนเป็นศัตรูของเขาอีกด้วย

ที่น่าโมโหที่สุด คือเขาที่เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม กลับเป็นได้เพียงกุ้ยเหริน?

แต่เวินเส้าหยีกลับได้เป็นถึงฮองเฮาผู้สูงส่ง

กู้ชูหน่วนรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ที่แท้เจ้าก็อยากเป็นฮองเฮานี่เอง เสี่ยวเย่เย่ข้าไม่รู้มาก่อนเลย ว่าความเสน่ห์ของข้าจะมากมายถึงเพียงนี้ ถึงกับทำให้เจ้าหลงใหลในตัวข้า ก่อนหน้านี้ข้าเลินเล่อเกินไป”

“พูดไร้สาระอะไรของเจ้า ใครอยากจะเป็นฮองเฮาของเจ้ากัน”

“ที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้ไม่ได้มีความหมายเช่นนี้หรือ?”

“เหอะ อย่างเจ้านี่นะ พฤติกรรมหยาบคาย หน้าตาก็อัปลักษณ์ ข้าเย่จิ่งหานถึงแม้จะตาบอดก็ไม่ยอมสมรสกับเจ้าแน่นอน”

“เจ้าจำคำพูดของเจ้าวันนี้ให้ดี เจ้าอย่ามาร้องไห้ขอร้องให้สมรสกับเจ้าเชียวในภายภาคหน้า”

พฤติกรรมหยาบคายอะไร?

หน้าตาน่าเกลียดอะไร?

ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาของนาง มีคนกี่คนในแคว้นน้ำแข็งที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับนางได้?

เขาไม่เพียงขาพิการ แต่ยังตาบอดอีกด้วย

“อยากเป็นภรรยาของข้าเย่จิ่งหาน ฝันไปเถอะ อย่าจินตนาการในสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย”

“วางใจได้ ต่อให้บุรุษทั้งหมดในโลกจะตายจนหมดแล้ว ข้าก็ไม่สมรสกับเจ้าเด็ดขาด”

กู้ชูหน่วนจับมือซือโม่เฟย แล้วพาเขาจากไป

แต่ใครจะรู้ว่าเย่จิ่งหานจะเรียกนางไว้อีกครั้ง

“หย่าเจ้าก็ไม่ยอม เลื่อนตำแหน่งให้เจ้าก็ไม่เอา เจ้าจะเอาอย่างไร”

“วันนี้กลับเผ่าเทียนเฟิ่นพาข้าไปด้วย”

“…”

“เจ้ากับเวินเส้าหยีไม่ได้เป็นศัตรูกันหรือ? เจ้าไปเผ่าเทียนเฟิ่นไม่กลัวว่าพวกเขาจะจับเจ้าแยกออกเป็นชิ้นๆ หรือ”

“นั่นเป็นเรื่องของข้า”

“บอกเหตุผลมา ไม่เช่นนั้นอย่าว่าจะได้ไป”

“ไม่มีเหตุผล ก็แค่คันไม้คันมือ ถ้าไม่พอาข้าไปด้วย ข้าไม่รับประกันว่าวังหลังของเจ้าจะไม่ถูกข้าพัง”

“เจ้ากำลังขู่ข้าหรือ”

เย่จิ่งหานเงยหน้าขึ้นมาสบตากับกู้ชูหน่วน สัญญาณเตือนในแววตาของเขาไม่มีปิดบัง

นิ้วมือที่งดงามของกู้ชูหน่วนเคาะโต๊ะเบาๆ

สักพักนางถึงจะพูดว่า “เจ้าติดหนี้บุญคุณข้าหนึ่งครั้ง”

นางไม่ได้โง่เขลา นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเย่จิ่งหานไปที่เผ่าเทียนเฟิ่นเพื่อค้นหาภูมิหลังของเขากับเวินเส้าหยี

เหตุผลที่ช่วยเขา ก็เพราะเขาเคยช่วยชีวิตนางไว้

นางจึงตอบแทนบุญคุณเขา