ราชันเร้นลับ 1254 : ล้น

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ปัง!

ทันทีที่ ‘เงา’ ยิงกระสุนปืนใหญ่อัดอากาศใส่ ไคลน์ตอบสนองราวกับมองเห็นล่วงหน้า มันดีดตัวกระโดดกลับหลังในท่าควงสว่านและร่อนลงบนขั้นบันไดด้านล่างอย่างนุ่มนวล

ระหว่างนั้น มือขวายังคงกดลงบนหมวกทรงกึ่งสูงด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย

เมื่อพบว่าเอ็นยูนและเงาดำไม่พยายามไล่ตามมา รอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มยิ่งแจ่มชัด

“ไม่รู้หรือว่าการขัดคนอื่นขณะกำลังพูดมันเสียมารยาท? เดิมทีฉันอยากเจรจาวิธีแก้ปัญหากับพวกนายอย่างสันติ แต่เห็นทีว่าคงต้องเลี่ยง”

ขณะกล่าว ใบหน้าฝั่งซ้ายของชายหนุ่มที่ก่อตัวจากหนอนสีใสชอนไชเกิดกระตุกเล็กน้อยคล้ายกำลังยักคิ้วให้อดีตหุ่นเชิดและเงาของตน

จากนั้น มันเดินกลับไปหาโคลิน เดอร์ริค และโลเฟียร์ด้วยรอยยิ้มสดใสพร้อมกับยักไหล่

“เจ้าของสถานที่ไม่ต้อนรับเรา… คงต้องกลับไปปรึกษาหาวิธีจัดการกับตัวปัญหาอย่างพวกมันก่อน”

โคลินมิได้ดูแคลนชายที่มีพฤติกรรม ‘ล้น’ คนนี้เพียงเพราะอีกฝ่ายดูเหมือนจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ นั่นเพราะในศึกก่อนหน้า เกอร์มัน·สแปร์โรว์แสดงความช่ำชองและรัดกุมให้เห็นเป็นประจักษ์ ไม่ใช่สิ่งที่ครึ่งเทพเสียสติทั่วไปจะทำได้

“ตกลง” เจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ไม่คัดค้านข้อเสนอ

แน่นอนว่าเดอร์ริคก็เช่นกัน ส่วนโลเฟียร์เอาแต่ปิดปากเงียบ

เป็นเหตุให้ครึ่งเทพทั้งสี่และหุ่นเชิดทยอยถอยหลังกลับ พวกมันเดินลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านประตูหลักของวังราชาคนยักษ์ ไคลน์สั่งให้หุ่นเชิดช่วยปิดประตูบานใหญ่ตามหลังด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม

ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว เอ็นยูนเจ้าของปีกมายาสีดำและเงาบริสุทธิ์ทำเพียงยืนมอง พวกมันไม่คิดโจมตีใส่คณะสำรวจราวกับถูกบาเรียล่องหนกีดขวางไว้

ผ่านไปสักพัก แสงสนธยาเลือนหายไปโดยมีความมืดเข้ามาแทนที่ ราวกับกำลังรอให้แสงรุ่งอรุณมาช่วยสาดส่องทุกสิ่ง

ท่ามกลางโลกที่เงียบสงัด แสงเส้นหนึ่งสว่างขึ้นและนำมาซึ่งรุ่งอรุณสาบสูญไปนาน

ทันใดนั้นเอง เอ็นยูนและเงาได้ยินเสียง ก๊อก ก๊อก ก๊อก! จากหน้าวังราชาคนยักษ์

ใครบางคนกำลังเคาะประตู

ก๊อก ก๊อก ก๊อก! หลังจากเสียงดังขึ้นหลายครั้ง บานประตูส่งเสียงเสียดสีพร้อมกับเปิดออกในลักษณะหนักแน่น

ไคลน์ที่แต่งกายในชุดกันลมสีดำ เผยรอยยิ้มตรงมุมปากฝั่งขวาขณะเดินเข้าเขตวังมาเป็นคนแรก จากนั้นก็ย่างกรายขึ้นบันไดทีละขั้นโดยมีครึ่งเทพอีกสามคนและหุ่นเชิดเดินตามหลัง

หลังจากมาถึงครึ่งทาง ไคลน์หยุดฝีเท้าและพูดกับเอ็นยูนและเงาที่ห่างออกไปราวสิบเมตร

“ขออภัยด้วยที่เข้ามาโดยไม่รอให้พวกนายตอบว่า ‘เชิญ’ เสียก่อน บางทีอาจเป็นเพราะที่นี่อยู่ห่างจากบานประตูค่อนข้างไกล พวกนายอาจไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูของฉัน… ก็อย่างที่ทราบ ฉันเป็นสุภาพบุรุษ เวลาเคาะประตูจะใช้แค่ปลายนิ้ว ไม่ใช่ทั้งมือ”

ทันทีที่กล่าวจบ เอ็นยูนผู้ไม่เคยกล่าวคำใดเลยเปิดปากเป็นครั้งแรก:

“เจ้าคิดจะตรึงเงาไว้ตามลำพังโดยปล่อยให้ชาวเงินพิสุทธิ์จัดการกับข้า”

“โฮ่?” ไคลน์พ่นลมออกทางจมูกและยิ่งฉีกยิ้มกว้างกว่าเก่าราวกับรอให้เอ็นยูนอธิบายเพิ่มเติม

ขณะเดียวกันก็ยกมือซ้ายขึ้นมากดใบหน้าฝั่งซ้าย

หนอนโปร่งใสที่กำลังดีดดิ้นบางส่วนชอนไชออกมา บางส่วนชอนไชกลับเข้าไป เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครู่เดียวแล้วจบ

เอ็นยูนเจ้าของใบหน้าเงาดำและผมยาวประบ่า กล่าวต่อไปด้วยเสียงลุ่มลึก

“เจ้าไม่ได้อัญเชิญภาพฉายจากช่องว่างประวัติศาสตร์มาก่อนเพราะทราบดีว่า ‘เงา’ สามารถอัญเชิญไม้เท้าดวงดาวและจำลองพลังของเทวทูตกาลเวลาเพื่อเร่งอายุขัยของภาพฉายได้ นั่นจะทำให้เทวทูตผู้ช่วยของเจ้าสลายไปอย่างรวดเร็ว… และทาง ‘เงา’ ก็ไม่ได้อัญเชิญออกมาล่วงหน้าด้วยเหตุผลแบบเดียวกัน… และถ้าเจ้าสามารถอัญเชิญเทวทูตที่คงสภาพได้นาน ทางนี้ก็ทำได้เช่นกัน… ดังนั้นเจ้ากับเงาจึงเสมอกันในทุกแง่มุม”

“เกลียดการเล่นไพ่กับตัวเองชะมัด! ฮะฮะ!” ไคลน์พยักหน้าหนักแน่นเชิงเห็นด้วยพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

เอ็นยูนเจ้าของใบหน้าพร่ามัว ชำเลืองมาทางชายหนุ่มและครึ่งเทพทั้งสามของเมืองเงินพิสุทธิ์

“ดังนั้นเจ้าจึงเปลี่ยนองครักษ์อัศวินสีเงินหน้าประตูให้เป็นหุ่นเชิดเพื่อใช้มันสั่นคลอนความสมดุล”

“นั่นเป็นปัญหาของเงา ไม่ใช่ฉัน… เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่แถวนี้ไม่มีเหยื่อให้เปลี่ยนเป็นหุ่นเชิด… หรือนายควรเสียสละตัวเองดีล่ะ?” มุมปากไคลน์ฉีกขึ้นสุดขณะพูดกับอดีตหุ่นเชิดเอ็นยูน

เอ็นยูนถอนสายตากลับและหันไปทางโคลิน เดอร์ริค และโลเฟียร์

“ถ้าแผนของเจ้าคือการเอาชนะเงาด้วยหุ่นเชิด… เงื่อนไขคือสามคนนั้นต้องแข็งแกร่งพอที่จะตรึงข้าได้”

กล่าวจบ หัวไหล่ของหุ่นเชิดที่ถูกพลังของเทวทูตมืดกัดกร่อนพลันยุบพองก่อนจะมีศีรษะงอกขึ้นมาทั้งสองข้าง

ทั้งสามหัวล้วนมีใบหน้าปกคลุมด้วยเงาดำและผมยาวประบ่าหยักศกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม แต่ละหัวให้ความรู้สึกว่ามีอายุไม่เท่ากัน

ทันใดนั้น โดยไม่ปล่อยไคลน์และอีกสามครึ่งเทพได้ตอบสนอง ศีรษะที่ ‘แก่’ บนไหล่เอ็นยูนทำการฉีกร่างกายฝั่งขวาออกจากร่างหลักไปราวหนึ่งในสามส่วน

ร่างกายพิการที่ถูกฉีกออกยุบพองเล็กน้อยก่อนจะฟื้นฟูเป็นร่างสมบูรณ์ในพริบตา บนใบหน้าที่เคยเป็นเงาดำปรากฏดวงตาสีทองคู่หนึ่ง รูม่านตามีสีดำเป็นทรงรีในแนวตั้ง

เพียงพริบตา บันไดยักษ์สุดแสนอลังการที่นำพาไปสู่ตำหนักราชาคนยักษ์พลันถล่มลงและกลายเป็นพื้นราบรกร้าง สุดปลายทางของพื้นราบมีเมืองหนึ่งซึ่งกำแพงปกคลุมไปด้วยวัชพืช

เมืองเงินพิสุทธิ์!

ฉากดังกล่าวสมจริงจนหัวใจเดอร์ริคพลันเต้นระรัว เด็กหนุ่มกังวลว่าศัตรูปริศนารายนี้จะลากตนและเหล่าครึ่งเทพไปต่อสู้ด้านในจนเมืองเงินพิสุทธิ์ถูกทำลาย ทางด้านโลเฟียร์ ดวงตาของเธอแข็งทื่อและร่างกายสั่นระริกนับตั้งแต่ได้เห็นเอ็นยูนงอกสามหัว คล้ายกับกำลังตกตะลึงในออร่าของสิ่งมีชีวิตระดับสูงสุด

โคลิน·อีเลียดมองไปรอบตัวก่อนจะไขว้ดาบที่ฉาบแสงรุ่งอรุณไว้ด้านหน้าและสะบัดออกไป:

“ของปลอม”

ขณะเดียวกัน ไคลน์เลื่อนมือซ้ายที่เต็มไปด้วยหนอนสีใสชอนไชขึ้นมาปิดปาก ตามด้วยหาวกึ่งยิ้มและถามเอ็นยูนร่างหลัก

“นายจะแข็งแกร่งขึ้นในความฝัน? หืม… หรือถ้าเป็นที่นี่ นายสามารถออกจากเขตตัวเองและโจมตีเข้ามาได้? ไม่สิ… ถ้าเป็นฉันคงพยายามใช้ความฝันล่อให้ศัตรูหลงกลเข้ามาในระยะโจมตี”

ทันทีที่พูดจบ พื้นราบอันรกร้างและกำแพงเมืองพลันอันตรธานหาย เปลี่ยนกลับมาเป็นขั้นบันไดสุดอลังการที่ถูกฉาบด้วยแสงรุ่งอรุณอีกครั้ง

คราวนี้ร่างกายฝั่งซ้ายของเอ็นยูนฉีกขาดออกจากร่างหลัก ศีรษะ ‘หนุ่ม’ แบ่งร่างกายออกไปราวหนึ่งในสวม

เงาดำที่ปกคลุมใบหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างสีทอง ดวงตาทั้งสองข้างดูคล้ายพระอาทิตย์ย่อส่วน

“ดวงอาทิตย์?” ไคลน์พึมพำเชิงคำถามก่อนจะหัวเราะตัวงอ “ฮะฮ่าฮ่า! เข้าใจแล้ว นายคิดจะใช้ ‘เขตแดนเจิดจรัส’ เพื่อแก้ทางพลัง ‘แสงอำพราง’ ของอัศวินสีเงินสินะ? อา… ทางนี้มีอัศวินสีเงินถึงสามตน มากพอจะให้ใส่ใจเป็นพิเศษ… แต่ถ้าทำแบบนั้น… นายไม่ใส่ใจความรู้สึกของ ‘เงา’ บ้างหรือ? คงไม่สินะ นายคิดถึงแต่ตัวเอง! เจ้านั่นเป็นเงาเลยนะ! ไม่คิดบ้างหรือว่าพลังของผู้เจิดจรัสจะทำให้มันอ่อนแอแค่ไหน?”

กล่าวถึงตรงนี้ ไคลน์ยิ่งหัวเราะร่วนจนหนอนสีใสบนใบหน้าฝั่งซ้ายชอนไชเร็วขึ้น

“ฮิฮะฮะ! นอกจากนั้น… นายเคยคำนึงถึงพลังพิเศษของตัวเองในขอบเขตกัดเซาะ เสื่อมทราม และความมืดบ้างไหม? สรุปแล้วการใช้พลังในขอบเขตผู้เจิดจรัสสร้างผลดีหรือผลเสียให้กับนายมากกว่ากัน?”

หัวเราะเสร็จ ไคลน์เหยียดหลังตรงและถามเสียงขรึม:

“แล้วตอนนี้ฉันควรเรียกนายว่าอะไร? เจ้าเอ็นน้อย? เจ้ายูนน้อย? ฮะฮะ!”

เอ็นยูนร่างหลักที่ใบหน้ายังคงปกคลุมด้วยเงาสูดลมหายใจยาวก่อนจะกล่าว

“หากเจ้าเลือกเส้นทางนักล่า ตอนนี้คงแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่หลายเท่า…”

โดยไม่รอให้สิ้นเสียง ปีกมายาสีดำบนแผ่นหลังเอ็นยูนพลันขยายใหญ่จนปกคลุมท้องฟ้าและบันไดยักษ์สุดอลังการ

บรรยากาศโดยรอบถูกปกคลุมด้วยชั้นเงาบางสีดำ ช่วยให้เอ็นยูนสามารถออกจาก ‘เขต’ ของตัวเองและลงไปหาโคลิน โลเฟียร์ และเดอร์ริค

มันมีวิธีปลดพันธนาการของตัวเอง!

จากนั้น ร่างหนุ่มของเอ็นยูนที่อยู่ในรูปโฉม ‘นักบุญสุริยัน’ ยกแขนขึ้น

แสงรุ่งอรุณโดยรอบแปรเปลี่ยนเป็นร้อนระอุ ปกคลุมทุกซอกมุมของบันไดยักษ์จนปราศจากเงาดำ ไม่มีสิ่งใดสามารถซ่อนตัวภายในนี้ได้

เขตแดนเจิดจรัส!

แต่ ‘เงา’ ด้านข้างมันมิได้เลือนหายไปไหน ปีกมายาสีดำบนหลังเอ็นยูนคอยช่วยบดบังแสงอาทิตย์ไว้ให้

ขณะเดียวกัน คล้ายกับ ‘เงา’ กำลังถูกห่อหุ้มด้วยผ้าคลุมล่องหน แม้สีของร่างกายจะจางลงมากแต่ก็มิได้ส่งสัญญาณความอ่อนแอ

ทันใดนั้น ร่างชราของเอ็นยูนกระแทกฝ่ามือขวาเข้าหาไคลน์

สายลมมายาที่เกรี้ยวกราดผุดขึ้นจากความว่างเปล่าในลักษณะโอบล้อมร่างชายหนุ่ม จากนั้นก็พัดพาเจตจำนงอันเข้มข้นเข้าปะทะร่างไคลน์และหุ่นเชิดอัศวินสีเงิน

ช่วงชิงจิตใจ!

เป็นพลังสำหรับข่มขวัญเป้าหมาย ทำให้เหยื่อเกิดความหวาดกลัว ก่อโรคประสาท และสูญเสียสติสัมปชัญญะไปบางส่วน

ซึ่งในปัจจุบัน ไคลน์กำลังอยู่ในสภาวะดวงวิญญาณไม่สมบูรณ์และใกล้คลุ้มคลั่งเต็มที แม้กระทั่งอารมณ์พื้นฐานก็ยังยากจะควบคุมให้สงบนิ่ง หากได้รับผลกระทบจาก ‘ช่วงชิงจิตใจ’ เข้าไป มีแนวโน้มสูงว่าจะคลุ้มคลั่งคาที่และกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาด

เอ็นยูนเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายอยู่ในสถานะใดและมีจุดอ่อนเป็นเช่นไร จึงสั่งให้ ‘นักบุญผู้ชม’ เปิดฉากโจมตีด้วยพลังก่อกวนจิตใจเป็นวงกว้างซึ่งยากจะรับมือ

สายลมกระโชกที่เต็มไปด้วยห้วงอารมณ์กลืนกินไคลน์เข้าไปในพริบตา ทว่า นักผจญภัยกึ่งเสียสติที่มีร่างกายครึ่งหนึ่งปรกติและครึ่งหนึ่งสยดสยอง กลับไม่เผยสีหน้าบิดเบี้ยวหรือแสดงอาการคลุ้มคลั่งคาที่ให้เห็น ตรงกันข้าม รอยยิ้มตรงมุมปากขวาของมันกำลังสุขุมเยือกเย็นสุดขีด

ระหว่างที่รอให้ทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์มาถึง ชายหนุ่มได้อัญเชิญมิสจัสติสออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์และขอให้เธอช่วยสร้าง ‘บุคลิกเสมือน’ ที่ชอบรำพันจิกกัดและมีนิสัยเหมือน ‘ตัวตลก’ ขึ้นมาช่วยอุดรอยรั่วความไม่สมบูรณ์ของดวงวิญญาณเป็นระยะเวลาหนึ่ง!

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม ไคลน์ซึ่งยังปรกติเมื่อครั้งหลบหนีออกจากวังราชาคนยักษ์ ถึงมีบุคลิก ‘ล้น’ และบ้าบิ่นเหมือนกับตัวตลกเมื่อได้พบกับทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์

ไม่เพียงเท่านั้น บุคลิกเสมือนที่มิสจัสติสสร้างให้ยังทนทานต่อการโจมตีทางจิตได้ยอดเยี่ยม

ดวงตาที่เย็นชาเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว มุมปากขวาของมันฉีกขึ้นสูงทำมุมสมมาตรกับปากซ้ายที่เป็นหนอนสีใสชอนไช

นี่คือรอยยิ้มจากก้นบึ้ง

…………………