ตอนที่ 1147: ซ่อนตัวอยู่ในโลกจิ๋ว (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1147: ซ่อนตัวอยู่ในโลกจิ๋ว (1)

ทันใดนั้นกุสทีสและวิญญาณแค้นที่สูงตระหง่านข้างเขาก็เคลื่อนออกไป พวกมันพุ่งเข้าหารุยจินด้วยร่างพร่ามัวสีดำและกำหมัดเพื่อจู่โจมเขา การโจมตีนั้นรวดเร็วและรุนแรง แต่ละหมัดนั้นหนักพอที่จะพังทั้งภูเขาและแม่น้ำ

รุยจินวางวัตถุเซียนไว้ใต้เกราะของเขาและใช้พลังงานดั้งเดิมในชุดเกราะของเขาเพื่อสร้างสิ่งกีดขวางรอบตัวเขาป้องกันการบุกรุกของพลังงานชั่วร้าย หลังจากนั้นเขาก็เทพลังทั้งหมดของเขาไปในการต่อสู้กับวิญญาณแค้น

หากรุยจินต่อสู้กับพวกมันแบบตัวต่อตัว ไม่มีวิญญาณแค้นตัวไหนเทียบเขาได้ แม้ว่าจะมีหลายตัวร่วมกันสู้ แต่พวกมันก็ไม่สามารถสู้รุยจินได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้มี 20 – 30 ตัว มันมีจำนวนมากเกินไป ทำให้รุยจินไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกได้ ความกดดันของรุยจินเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อกุสทีสและตัวอื่น ๆ เข้าร่วม ไม่นานหลังจากนั้นลำแสงสีดำสองสามดวงควบแน่นจากพลังงานที่ชั่วช้าก็เข้าโจมตีร่างของรุยจิน พลังอันทรงพลังส่งรุยจินลอยไปข้างหลัง ก่อให้เกิดหลุมลึกใต้เท้าของเขา

ก่อนที่รุยจินจะสามารถยืนตรงได้ กุสทีสก็เข้ามาเงียบ ๆ เขาเหวี่ยงกำปั้นด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าลงที่หน้าอกของรุยจิน ในขณะที่หมัดของเขาเดินทางผ่านอากาศพื้นที่โดยรอบสั่นก็อย่างรุนแรง พลังงานชั่วร้ายที่อยู่รอบ ๆ รวมตัวกันอย่างดุเดือด ทำให้แรงของหมัดนั้นแข็งแกร่งขึ้น

ปัง ! หลังจากเสียงดัง หมัดของกุสทีสก็ทำให้รุยจินลอยออกไป เขากระเด็นไป 1,000 เมตรและกระแทกตกลงมาใกล้ ๆ กับหงเหลียน

หงเหลียนยังคงอยู่ในร่างฟีนิกซ์ นางกระพือปีกของอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดินแดนแห่งนี้มีทะเลเพลิงลุกโชน ร่างของวิญญาณแค้นนับไม่ถ้วนกระพริบภายในเปลวไฟสีขาวบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าไฟจะมีประสิทธิภาพสูงสุด พวกมันก็ไม่กลัวความตาย ดังนั้นพวกมันจึงยังคงพุ่งเข้าไปในทะเลเพลิง พวกมันพยายามโจมตีหงเหลียนอย่างหนาแน่น แต่ทั้งหมดก็ถูกป้องกันด้วยขนนกของนาง

รุยจินยืนขึ้น แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่แย่มาก เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ เซียนจักรพรรดิจะต่อสู้เพื่อหลีกเลี่ยงการป้องกันของชุดเกราะพลังงานดั้งเดิม ทั้งสามคนสามารถต่อสู้กับเซียนจักรพรรดิได้โดยไม่ต้องพ่ายแพ้เพราะเกราะชิ้นนี้

“วิญญาณแค้นมาที่นี่มากขึ้น และพวกมันก็มีข้อได้เปรียบอย่างมากที่นี่ เมื่อพลังงานทั้งหมดของเราหมดลง เราจะไม่สามารถเติมเต็มได้ เราไม่สามารถต่อสู้กับพวกเขาเช่นนี้ได้อีกต่อไป ไม่อย่างนั้นมันจะน่ากลัวมากสำหรับเรา” รุยจินแสดงความคิดเห็นด้วยน้ำเสียงที่หนักใจ เกราะของเขาส่องแสงสลัว มันช่วยปกป้องเขาจากเปลวไฟ เพราะอุณหภูมิที่น่ากลัวยังคงน่าอึดอัดมาก

“ตอนนี้มีวิญญาณแค้นกว่าร้อยตัว มันเกือบจะกลายเป็นคุกที่ไม่มีทางออก แม้ว่าเราจะใช้สมบัติพลังงานดั้งเดิม มันจะยากมากที่จะหลุดพ้นไป” ฟีนิกซ์ตอบอย่างน่ากลัวในภาษามนุษย์

ความคิดพุ่งผ่านสายตาของรุยจิน เขาพูดว่า “หงเหลียน ข้ามีแผน เราจำเป็นต้องเข้าไปและรวมตัวกับเฮยยู่ในตอนนี้ จากนั้นเจ้าสองคนจะปิดกั้นวิญญาณแค้นด้วยกันเพื่อถ่วงเวลาให้ข้า ข้าจะใช้ทักษะลับสุดยอดของตระกูลมังกรและสร้างโลกจิ๋ว เราสามารถซ่อนตัวที่นั่นและหลุดพ้นจากวิญญาณแค้นเหล่านี้”

“รุยจิน เจ้าแน่ใจหรือว่ามันจะได้ผล” หงเหลียนถาม

“นี่เป็นทักษะลับสุดยอดของตระกูลมังกร แม้ในสมัยโบราณ มันเป็นสิ่งที่ทรงพลัง ไม่น่าจะมีปัญหาถ้าข้าใช้มันเพื่อหลุดพ้นจากวิญญาณแค้นเหล่านี้ นอกจากนี้สถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้แล้ว ถึงมันจะไม่ได้ผลแต่เราก็ต้องลอง” รุยจินกล่าว

หงเหลียนจ้องรุยจินชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะร่วมมือกับเขาเพื่อจัดการกับวิญญาณแค้นที่ขัดขวางเส้นทางของพวกเขา พวกมันเข้ามาทางเฮยยู่

วิญญาณแค้นประมาณหลายสิบตัวทรุดตัวลง แต่พวกมันก็กลับคืนสภาพอย่างรวดเร็ว พวกมันพุ่งเข้าหาพวกเขาสองคนโดยไม่เกรงกลัว

ในเวลาเดียวกัน กุสทีสและนักรบคลั่งของเขาก็พุ่งออกมาพร้อมกัน ซึ่งทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ พวกเขาถูกโจมตีจากทุกทิศทุกทางและเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาก้าวไปเล็กน้อย การโจมตีที่ทรงพลังจากวิญญาณแค้นก็พุ่งเข้ามา มันไม่เพียงพอที่จะทำร้ายพวกเขา แต่พลังอันทรงพลังทำให้พวกเขาต้องถอยหลังกลับโดยไม่เต็มใจ

ในที่สุดรุยจินและหงเหลียนก็ไปถึงฝั่งของเฮยยู่หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก ทั้งสามคนรวมตัวกันอีกครั้งหลังจากวิญญาณแค้นถูกแยกจากกัน

“ข้าจะใช้ทักษะลับสุดยอดของตระกูลมังกร เจ้าสองคนคุ้มกันข้าที” รุยจินร้องบอกออกมาและวางดาบมังกรศักดิ์สิทธิ์ เขาเริ่มเปล่งประกายด้วยแสงสีทองอันพราวพร่างพรวดพราด เกล็ดมังกรปรากฏขึ้นทั่วตัวเขา มันครอบคลุมทุกส่วนของร่างกายรวมถึงใบหน้าของเขา

รุยจินได้สร้างตราประทับด้วยมือของเขาและพูดด้วยภาษามังกรโบราณที่เข้าใจยากและไม่อาจหยั่งรู้ได้ มันฟังเหมือนเสียงสวดมนต์ขณะที่มันแผ่ขยายออกไปรอบ ๆ ด้วยพลังงานลึกลับ ศิลาจารึกสีทองลอยออกมาจากเกล็ดของรุยจิน มันรวมตัวต่อหน้าเขา

“โลกแห่งขนนก ! แปลงร่าง กรงขนนกเทพเพลิงระดับ 9 ! ” หงเหลียนก็ร้องตะโกนเช่นกัน นางเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าแล้วส่งเสียงร้องของนกฟีนิกซ์ เกราะของนางแยกจากกันในขณะนั้น มันกำลังกลายเป็นขนนกสีแดงที่ปกคลุมตัวนาง ขนแต่ละเส้นยาวหลายสิบเมตรและถูกเผาด้วยเปลวไฟสีขาวที่ลุกโชน พลังงานดั้งเดิมหมุนเวียนไปภายใน ทำให้พวกมันมีรูปร่างแปลก ๆ

ขนจำนวนนับไม่ถ้วนสร้างกรงขนาดใหญ่ล้อมรอบรัศมีหนึ่งร้อยเมตร มันกักวิญญาณแค้นไว้ข้างนอก

ขนทั้งหมดเหล่านี้เป็นขนนกโชคชะตา สมาชิกของตระกูลฟีนิกซ์แต่ละคนมีขนนกโชคชะตาคนละชิ้น บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วจึงทิ้งมันไว้เป็นมรดก ขนนกแต่ละอันเป็นของฟีนิกซ์เทวะระดับ 9 ดังนั้นมันจึงมีพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ กรงขนนกนั้นทรงพลังอย่างยิ่งเพราะมันถูกสร้างขึ้นจากขนแห่งโชคชะตาของบรรพบุรุษในอดีต เมื่อรวมกับการกลายพันธุ์เป็นสมบัติพลังงานดั้งเดิม คุณภาพของมันก็เพิ่มขึ้นอีกระดับ เซียนจักรพรรดิจึงไม่สามารถทะลุผ่านมันได้ เป็นผลให้กรงขนนกขนาดใหญ่ของหงเหลียนสามารถป้องกันการโจมตีของวิญญาณแค้นได้ชั่วคราว

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะวิญญาณแค้นนับไม่ถ้วนอยู่ในเปลวไฟ พวกมันต้องยอมรับผลว่าพวกมันอ่อนแอเกินกว่าจะโจมตีขนนกได้ พวกมันไร้ความรู้สึกและสติ ดังนั้นพวกมันจึงไม่เข้าใจความเจ็บปวด ไม่ต้องพูดถึงความตาย นี่คือเหตุผลที่ทุกตัวกล้าหาญอย่างมาก

กรงขนาดใหญ่เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายใต้การโจมตีจากวิญญาณแค้นมากมาย. หากมันไม่ใช่สมบัติที่มีพลังงานดั้งเดิมมันอาจจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไปนานแล้ว.

ตอนนี้มันกำลังต้านทานการโจมตีจากเซียนจักรพรรดิที่ไม่ใช่เพียงหนึ่งหรือสองแต่มีมากกว่าร้อย หากเป็นโถงศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ที่ต้องต่อต้านการโจมตีเช่นนี้ มันอาจจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที

หงเหลียนโฉบไปบนท้องฟ้า นางกางปีกและทันใดนั้นเองเปลวไฟสีขาวจำนวนหนึ่งก็พุ่งออกมา มันยิงใส่กรงขนนกอย่างไม่หยุดยั้ง นางกำลังใช้ทุกสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้เพื่อขับเคลื่อนพลังแห่งสมบัติพลังงานดั้งเดิม

เฮยยู่ยืนอยู่ข้าง ๆ หงเหลียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขามองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาที่เฉียบคม เขาพยามช่วยสุดกำลัง

ตอนนี้วิญญาณแค้นถูกหงเหลียนและเกราะของนางปิดกั้นไว้ เฮยยู่แพ้คู่ต่อสู้ ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้ว่าเขาจะมีสมบัติพลังงานดั้งเดิมอยู่ด้วยแต่เขาก็แตกต่างจากหงเหลียน เขาไม่สามารถใช้มันได้ในวิธีที่น่าอัศจรรย์

สมบัติพลังงงานดั้งเดิมของหงเหลียนและรุยจินเป็นขุมทรัพย์ที่สืบทอดมาจากตระกูล พวกเขายังมีบันทึกวิธีการใช้สมบัติพร้อมกับทักษะลับ เฮยยู่ขาดความรู้ด้านนี้อย่างมาก

ทักษะลับของรุยจินใกล้จะสำเร็จแล้ว แผ่นศิลาจารึกลายเส้นสีทองโผล่ออกมาจากเกล็ดเขา มันรวมตัวกันตรงหน้าเขา พื้นที่รอบตัวเขาเริ่มสั่นคลอน

โล่จากขนเริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ พื้นที่ที่มันปกคลุมได้หดไปถึงรัศมีห้าสิบเมตรจากจุดเริ่มต้นหนึ่งร้อยเมตร และมันก็แสดงให้เห็นว่ามันกำลังยุบตัวลง

หงเหลียนสั่นอย่างแรง มันยากเย็นแสนเข็ญสำหรับนางในการปิดกั้นการโจมตีจากวิญญาณแค้นมากมายเพียงลำพัง

“เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ข้าอยู่ในระดับ 8 ขั้นสูงสุดเท่านั้น ข้าไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดในกรงขนนกเทพเพลิงระดับ 9 ได้ ถ้าข้าอยู่ในระดับ 9 และใช้โลกแห่งขนนก วิญญาณแค้นจะดิ้นรนเพื่อทำลายเกราะแม้ว่าจะมีพวกมันอยู่ภายนอกเป็นสองเท่าก็ตาม หงเหลียนอดกลั้น นางสู้สุดชีวิตและไม่คิดที่จะยอมแพ้ ไม่ใช่เพราะทักษะลับของนางอ่อนแอเกินไป หรือเป็นเพราะสมบัติพลังงานดั้งเดิมไม่แข็งแรงพอ แต่เป็นเพราะนางไม่มีพลังมากพอ