เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1697

อากาศเวิ้งว้างกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด

เรือลำหนึ่งกะพริบไม่หยุดอยู่ในอากาศเวิ้งว้างเหมือนกำลังบ้าคลั่ง

เพราะเรือกะพริบถี่เกินไป ทำให้ตัวเรือเริ่มสั่นเหมือนจะพังอย่างไรอย่างนั้น

แต่หลิงเหยากับลู่ฝานที่อยู่บนเรือไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงเลย ยังคงหนีเอาชีวิตรอดต่อไป

“ไม่ต้องสนใจว่าเรือจะพังหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็เปลี่ยนลำใหม่”

ลู่ฝานพูดเสียงดัง

หลิงเหยาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ลู่ฝาน คนด้านหลังตามมาหรือยัง”

ลู่ฝานพูดว่า “น่าจะยัง แต่เราหยุดไม่ได้เด็ดขาด ให้ตายเถอะ พวกเขาเจอเราได้ยังไง คิดไม่ถึงว่าจะไล่ฆ่ามาถึงนอกอากาศเวิ้งว้าง”

หลิงเหยาพูดว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ลู่ฝาน หนีไปทางไหนดี”

ลู่ฝานพูดว่า “ตรงไป ห้ามเลี้ยวหัวกลับเด็ดขาด ถึงประมุขประเทศตันเซิ่งแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งอากาศเวิ้งว้างหรอก แค่เราหนีไปได้ไกล พวกเขาหาตัวเราเจอยากแน่นอน”

ลู่ฝานพูดพลางยื่นขวดกับกำไลหยกให้หลิงเหยา “หลิงเหยา เธอเก็บของพวกนี้ไว้ก่อน ถ้าคนด้านหลังตามมา เธอเอาของหนีไปก่อนเลย หลังกลับไปเอาขวดให้อาจารย์ฉัน ด้านในคือเลือดฉัน บอกเขาว่านี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้ ส่วนของในกำไลหยก เอากลับไปให้ตระกูลฉัน เป็นอาวุธที่ฉันได้จากสวรรค์ชั้นเจ็ด สามารถช่วยให้พวกเขายกระดับพลังได้เร็วขึ้น จำไว้ว่าห้ามหันหลังกลับมาเด็ดขาด เราสองคนอย่างน้อยต้องมีคนรอดไปหนึ่งคน!”

หลิงเหยารับของมา เธอขบริมฝีปากแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน นายแข็งแกร่งกว่าฉัน นายมีโอกาสรอดมากกว่า ฉันว่านาย……”

จู่ๆ ลู่ฝานกอดหลิงเหยาไว้ จากนั้นจูบด้วยความรู้สึกลึกซึ้งทันที

ผละริมฝีปากออกจากกัน ลู่ฝานพูดอย่างจริงจังว่า “เป้าหมายของพวกเขาคือฉันแน่นอน ถ้าโดนไล่ตามทัน สมาธิของพวกเขาอยู่ที่ฉันแน่ๆ เธอมีโอกาสรอดมากกว่าฉัน หลิงเหยา เธอต้องเชื่อฉัน ฉันไม่มีทางตาย แต่ประมุขประเทศตันเซิ่งวางผนึกใส่ฉัน ต้องการให้ฉันอยู่ในประเทศตันเซิ่งตลอดไป เขายังทำไม่สำเร็จเลย แค่พวกผู้ฝึกชี่ธรรมดาๆ ไม่มีทางฆ่าฉันได้หรอก”

นัยน์ตาหลิงเหยาเป็นประกาย จ้องตาลู่ฝานอยู่อย่างนั้น ขบริมฝีปากไม่พูดอะไร

ลู่ฝานพูดว่า “หลิงเหยา รับปากฉันสิ!”

หลิงเหยาพยักหน้าช้าๆ แล้วพูดว่า “ได้ ฉันรับปากนาย”

ลู่ฝานยิ้มบางๆ ใช้มือสัมผัสใบหน้าหลิงเหยาเบาๆ

ในประเทศตันเซิ่ง ทุกคนดูสองคนพลอดรักกันอย่างเคลิบเคลิ้ม ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยน้ำตาเอ่อล้นที่ดวงตา

“ซาบซึ้งใจมาก! พระเจ้า ถ้ามีผู้ชายทำแบบนี้กับฉัน ถึงตายก็คุ้มค่าแล้ว!”

“ทำไมผู้ชายดีขนาดนี้ถึงเป็นจอมโจรได้ล่ะ”

“ฉันหวังว่าลู่ฝานจะไม่ตาย!”

ผู้ฝึกชี่ผู้หญิงกรีดร้องออกมาเบาๆ ผู้ชายข้างๆ พวกเธอ ไม่รู้จะพูดอะไรดี

จินตนาการไม่ออกเลยว่าระหว่างหนีเอาชีวิตรอด ผู้ชายที่คิดถึงความปลอดภัยของคนรักของตัวเอง อาการบาดเจ็บของอาจารย์ พละกำลังของตระกูลเป็นอันดับแรก จะเป็นคนไม่ดีไปได้

ทุกคนยอมเชื่อว่าความขัดแย้งระหว่างลู่ฝานกับประเทศตันเซิ่งเป็นเพียงความเข้าใจผิด

สุ่ยหมิงคงกับสุ่ยโม่หรานที่กำลังรีบไปที่อากาศเวิ้งว้างก็เห็นภาพนี้ แสงกะพริบ ทั้งสองคนพาคนฝีมือดีของตระกูลเข้าไปในอากาศเวิ้งว้าง

สีหน้าสุ่ยโม่หรานประหลาดเล็กน้อย เธอกัดฟันกำหมัดแน่น

สุ่ยหมิงคงที่อยู่ข้างๆ ถามว่า “น้องเป็นอะไรไป”

สุ่ยโม่หรานพูดว่า “เปล่า รีบไปกันเถอะ เราต้องรีบตามเขาให้ทัน”

สุ่ยหมิงคงขมวดคิ้วเบาๆ เขาเพิ่งเคยเห็นน้องสาวตัวเองเป็นแบบนี้ครั้งแรก

จู่ๆ เหมือนสุ่ยหมิงคงคิดอะไรได้ ความเป็นไปได้ที่เขาไม่อยากเชื่อ สุ่ยหมิงคงถามออกมาเบาๆ ว่า “น้องไม่ได้ชอบลู่ฝานจริงๆ ใช่ไหม”

สุ่ยโม่หรานเงียบไป ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า “พี่คิดมากเกินไปแล้ว เขาเป็นศัตรูของฉันนะ!”

หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง นอกอากาศเวิ้งว้าง

เรือด้านล่างเท้าลู่ฝานพังทลายไปแล้ว สลายตัวอย่างรวดเร็ว

ถึงเรือที่ทนทานกว่านี้ก็ไม่สามารถทนต่อการใช้งานต่อเนื่องที่มีความรุนแรงขนาดนี้ได้

ต้องรู้ว่าทุกครั้งที่ทะลุอุโมงค์มิติ ต้องสูญเสียพลังอยู่แล้ว อย่างเช่นเรือหลิงที่ลู่ฝานได้จากประเทศหลิง ต้องใช้หินแร่มิติ ส่วนเรือของตระกูลหั่วต้องใช้ตราประทับค่ายกลที่อริยปราชญ์ฟ้าดินทิ้งไว้ด้านในเรือ

เมื่อค่ายกลไม่สามารถแบกรับได้จะพังทลายลงทันที เรือก็ไม่มีความสามารถในการทะลุอุโมงค์มิติอีก

พลังที่ระเบิดออกจากค่ายกล จะทำลายเรือทันที

ลู่ฝานกับหลิงเหยาเด้งตัวขึ้นไป เปลี่ยนเป็นเรืออีกลำ

ไม่สนใจการระเบิดด้านล่าง ทั้งสองเคลื่อนตัวไปด้านหน้าอีกครั้ง

ลู่ฝานหนีพลางคำนวณในใจว่าต้องกะพริบอีกนานแค่ไหน ถึงจะสลัดพวกคนประเทศตันเซิ่งที่ตามมาได้

ขณะนั้นจู่ๆ เรือหยุดกะพริบ ลู่ฝานยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นผู้ฝึกชี่ปรากฏตัวรอบๆ

เมื่อมองออกไป อย่างน้อยมีผู้ฝึกชี่หลายสิบคน พวกเขาถือเครื่องรางไว้ในมือ แสงส่องสว่างไปทั่ว แผ่ไปจนถึงสุดสายตา เหมือนกำลังรวมค่ายกลขนาดใหญ่ขึ้นที่นี่!

“ให้ตายเถอะ โดนปิดล้อมแล้ว!”

ลู่ฝานแอบสบถ เหตุการณ์ที่เขากลัวที่สุดเกิดขึ้นแล้ว!