ผู้ฝึกฝนระดับล่างที่เหลืออยู่ไม่โชคดีเช่นนั้น แม้พวกเขาพยายามจะควบคุมอาวุธจิตวิญญาณเหาะเหินหมายจะหนีจากไป ทว่าแมลงยักษ์หน้ามนุษย์สีดำตัวนั้นกลับพุ่งทะลวงเข้ามาก่อน มันอ้าปากใหญ่ยักษ์พ่นไอสีเขียวเหม็นคาวแถบใหญ่ออกมา

เสียงฉ่าดังขึ้นทั่วทุกหนทุกแห่ง!

ผู้ฝึกฝนระดับล่างเหล่านั้นยังไม่ทันหนีออกจากกลุ่มควันสีเขียวก็ร้องโหยหวนแล้วหลอมละลายหายไป

สตรีชุดเทาระดับผลึกผู้นั้นหนีออกมาค่อนข้างช้า ส่วนท้ายของน้ำเต้าจิตวิญญาณสีม่วงที่นางนั่งอยู่ถูกไอหมอกสีเขียวกลุ่มนี้พัดเฉียดผ่านเล็กน้อย น้ำเต้าจิตวิญญาณสีม่วงเสียพลังจิตวิญญาณไปในพริบตาแล้วร่วงลงจากท้องฟ้าทันที

ยังไม่ทันที่นางจะเรียกอาวุธจิตวิญญาณชิ้นอื่นออกมา “ฟึบ” “ฟึบ” เสียงแหวกอากาศก็พุ่งมาจากทั่วทุกสารทิศ แสงสว่างฉายวาบ เส้นไหมแวววาวสีเหลืองสิบกว่าเส้นรัดมือเท้าของนางไว้ทันที

แมลงเกราะสีดำใกล้ๆ ต่างรุมล้อมเข้ามา นางไม่ทันแม้แต่จะกรีดร้องก็ถูกกินไปทั้งอย่างนั้น

หลังจากแมลงยักษ์หน้าคนทำทุกสิ่งนี้เสร็จ ดวงตาก็ทอประกายดุร้ายมองไปยังขอบฟ้าไกล

ตรงนั้นคือทิศทางที่ผู้เฒ่าชุดเทาระดับแก่นแท้ผู้นั้นหนีไป เวลานี้เงากิ้งก่าที่เขาสร้างขึ้นมาสลายเป็นแสงสีเทาดวงน้อยแล้ว แต่ด้านหลังยังมีดวงแสงสีดำกับสีเหลืองมากมายยั้วเยี้ยตามอยู่เป็นพรวน พวกมันก็คือแมลงยักษ์สีดำกับสีเหลืองที่ไล่ตามมาติดๆ แต่ถูกดึงระยะห่างจนอยู่ไกลเท่านั้น

“กี๊ซ!”

แมลงยักษ์หน้าคนแหงนหน้าคำรามคลุ้มคลั่ง หลังจากนั้นร่างกายก็โก่งโค้งแล้วดีดตัวขึ้นมาจากพื้นประหนึ่งลูกธนู กลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งพาเงาเลือนรางพุ่งเร็วจี๋ไปหาผู้เฒ่าชุดเทา

ความเร็วดุจสายลม เร็วกว่าผู้เฒ่าชุดเทาอยู่ไม่น้อย!

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้จึงตัดสินใจลงมือ เขาพุ่งออกมาจากหลังหินก้อนยักษ์กลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งไล่ตามไปเช่นกัน

ปรากฏว่าเขาเพิ่งผละออกมาได้มานานนัก เนินเขาห่างไปด้านหลังเขาหนึ่งลี้กว่าก็มีเสียงแสกสากน่าสะพรึงชวนขนลุกดังขึ้น

ต่อจากนั้นแมลงยักษ์สีเหลืองกับสีดำมากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าก็แห่ออกมาจากด้านในเนินเขาที่ทอดยาวอยู่ไกลๆ จำนวนมากมายจนสามารถปิดผืนฟ้าบดบังดวงตะวัน

แมลงยักษ์หน้าตาเหมือนตะขาบสีเงินยวงสูงร้อยจั้งสามตัวนำอยู่ด้านหน้า ลมปราณที่พวกมันแผ่ออกมาบรรลุถึงระดับดาราพยากรณ์

……

ไกลออกไป ณ ขอบฟ้า ผู้เฒ่าชุดเทาพบว่าแมลงยักษ์สีดำด้านหลังไล่ตามใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในใจยิ่งหวาดหวั่น

ดูจากความเร็วนี่ ไม่เกินครึ่งก้านธูป เขาคงถูกไล่ตามทัน!

ผู้เฒ่าชุดเทาดวงตาวูบไหวพักหนึ่งก็เหมือนตัดสินใจได้ เขาใช้เคล็ดวิชาตั้งหลัก แล้วหมุนตัวมาอ้าปาก เตาหลอมน้อยที่ถูกเปลวเพลิงสีเงินหุ้มอยู่ใบหนึ่งลอยออกมาหมุนติ้ว ขยายจนขนาดเท่าตึก

เมื่อผู้เฒ่าชุดเทาโบกมือข้างหนึ่ง เตาหลอมยักษ์พลันหมุนย้อนกลับ หมอกทรายสีเทาหม่นผืนใหญ่พัดออกมาจากด้านในเสียงดังกึกก้อง

“ผนึก”

พร้อมกับที่ผู้เฒ่าตวาดเบาๆ หมอกทรายเต็มฟ้าพลันก่อตัวเป็นศิลายักษ์สีเทาขนาดเท่าโม่ก้อนแล้วก้อนเล่าอย่างเร็วไว จำนวนมากถึงยี่สิบกว่าก้อน เรียงรายมากมายเป็นทิวแถว ก่อตัวเป็นค่ายกลศิลาขนายักษ์อยู่กลางท้องฟ้ารางๆ

ทันทีที่ค่ายกลศิลาปรากฏ แมลงยักษ์หน้าคนสีดำก็เหาะมาถึง มันอยู่ห่างจากผู้เฒ่าไม่ถึงร้อยจั้ง แต่ความเร็วไม่ลดลงแม้แต่น้อย ขาสะบัดฟาดเข้าใส่อย่างโหดเหี้ยม

ดวงตาของผู้เฒ่าชุดเทาฉายแววประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าแมลงยักษ์หน้าคนตัวนี้จะดุร้ายเช่นนี้ เคล็ดวิชาที่มือเร่งเร็วขึ้นทันใด!

เสียงระเบิดดังกึกก้อง!

ศิลายักษ์สีเทายี่สิบกว่าก้อนบนท้องฟ้าเชื่อมเข้าด้วยกันกลายเป็นหุ่นศิลาสีเทาสูงหลายสิบจั้งตัวหนึ่ง สองแขนเหวี่ยงครั้งหนึ่ง กำปั้นยักษ์ก็พุ่งเข้าใส่แมลงยักษ์ฝั่งตรงข้ามอย่างดุดันไวปานสายฟ้าแลบ

เสียงดังสนั่นสะเทือนแก้วหูแทบดับ!

สองกำปั้นของหุ่นศิลาสีเทาโจมตีลงบนร่างของแมลงยักษ์แต่ไม่อาจทำอันตรายมันได้แม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเปลวเพลิงสีดำรอบร่างของแมลงยักษ์กลับลุกโหมฉีกกำปั้นลามไปถึงแขนหุ่นให้ปริแตกทีละนิด สุดท้ายเสียงระเบิดก็ดังขึ้น หุ่นถูกแมลงยักษ์สีดำทะลวงหน้าอกกลายเป็นเศษศิลาระเบิดกระจาย

“ปัง!” เกิดเสียงดังกังวาน

แมลงยักษ์หน้าคนสีดำพาเปลวเพลิงที่ลุกโหมพุ่งชนเตาหลอมยักษ์สีเงินอย่างรุนแรง เปลวเพลิงสีเงินบนผิวของเตาหลอมยักษ์ปั่นป่วนอย่างรุนแรงแล้วพุ่งถอยกลับมาเพราะแรงมหาศาล กระแทกบนหน้าอกผู้เฒ่าชุดเทาอย่างหนักหน่วง

เสียงครางหนักๆ ดังขึ้น ร่างกายของผู้เฒ่าชุดเทาโซเซ ปลิวถอยออกไปประหนึ่งกระสอบขาดๆ เลือดทิ้งอยู่กลางอากาศเป็นสาย เห็นชัดว่าบาดเจ็บไม่เบา

แมลงยักษ์หน้าคนโจมตีสำเร็จก็หัวเราะเสียงประหลาด จากนั้นร่างกายขยับวูบเดียวพุ่งไปด้านหน้าหมายจะสะบั้นผู้เฒ่าชุดเทาให้เป็นชิ้นๆ!

ผู้เฒ่าชุดเทาลมปราณอ่อนแรงอย่างที่สุด แม้สองมือยังคงใช้เคล็ดวิชาอย่างเร็วไว ควบคุมเตาหลอมยักษ์สีเงินให้ขวางอยู่ด้านหน้า แต่ในดวงตาฉายแววสิ้นหวังอย่างห้ามไม่ได้

ในตอนนี้เองจู่ๆ ก็มีแสงกระบี่สีม่วงมากมายถี่ยิบผืนใหญ่ทะลวงฝ่าออกมาจากฝูงแมลงยักษ์สีดำกับสีเหลืองยั้วเยี้ยที่ตามอยู่ห่างร้อยจั้ง

เสียงเปรี้ยงปร้างดังขึ้นพร้อมกับที่แมลงยักษ์สีดำกับสีเหลืองเกือบร้อยตัวถูกแสงกระบี่สีม่วงฟาดฟันกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สลายกลายเป็นเศษเถ้าท่ามกลางแสงอสนีบาตสีม่วง

แมลงยักษ์หน้าคนสีดำร่างกายชะงักทันใด มันหันร่างกลับมามองทางเส้นทางที่มาอย่างดุร้าย

เวลานี้แสงกระบี่สีม่วงเต็มท้องฟ้าฝั่งตรงข้ามส่องสว่างวูบหนึ่ง แสงกระบี่สีม่วงสามสิบหกสายปรากฏขึ้นก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นกระบี่บินสีม่วงเล่มหนึ่ง

ร่างที่ปราณดำวนเวียนอยู่รอบตัวร่างหนึ่งทะยานขึ้นเหยียบกระบี่บินสีม่วง พุ่งมาทางแมลงยักษ์หน้าคนสีดำด้วยความเร็วประหนึ่งอสนีบาต

แมลงยักษ์หน้าคนสีดำดวงตาทอประกายเหี้ยมเกรียม ร่างกายสั่นวูบหนึ่ง เปลวเพลิงสีดำรอบร่างพลันลุกโหมกลายเป็นลำแสงสีดำเส้นหนึ่งพุ่งเข้าประจันหน้ากับกระบี่บินสีม่วง

เกิดเสียงดังสนั่นดุจแผ่นดินสั่นไหวขุนเขาสั่นคลอนกลางท้องฟ้า!

กระบี่บินสีม่วงถูกลำแสงสีดำพุ่งชนพลันสั่นสะท้านแล้วดีดกลับไป

แสงสีดำดับลงเผยให้เห็นแมลงยักษ์หน้าคนที่แยกเขี้ยวสะบัดขาอยู่ด้านใน ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม แต่อึดใจต่อมาใบหน้าของแมลงยักษ์ก็พลันบิดเบี้ยวแล้วหมุนตัวกลับทันที!

เกิดระลอกคลื่นหลังร่างของมัน เงาคนสีดำร่างหนึ่งโผล่ออกมา กำปั้นที่มีปราณดำวนเวียนอยู่หมัดหนึ่งกระแทกลงบนร่างกายมหึมาของแมลงยักษ์หน้าคนด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

“เปรี้ยง!” เกิดเสียงดังสนั่น

แมลงยักษ์สีดำถูกแรงมหาศาลที่ไม่อาจต่อต้านสายหนึ่งโจมตีปลิวออกไปไกลหลายสิบจั้งทันที เปลือกสีดำแถบใหญ่บนร่างยุบลงไปลึก เลือดสีเทาซึมไหลออกมา

ยังไม่ทันที่มันจะโต้ตอบ เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นด้านหลัง เงาคนปรากฏตัวอีกครั้งดุจภูตพราย กำปั้นปราณดำอีกหนึ่งหมัดโจมตีมาอีกหน

“กี๊ซ”

แมลงยักษ์สีดำกรีดร้อง เปลวเพลิงสีดำทั่วร่างลุกโหม ก่อตัวเป็นเกราะปราณสีดำเสมือนวัตถุจริงชั้นหนึ่งรอบร่าง

“เปรี้ยง” กำปั้นร่วงลงบนเกราะป้องกันจนมันเปล่งแสงวูบวาบสั่นไหว เกิดรอยร้าวสีขาวเส้นแล้วเส้นเล่าบนผิวในพริบตา แต่สุดท้ายก็ต้านการโจมตีเอาไว้ได้

เงาคนผู้นั้นเหมือนจะเตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว สองแขนขยับ เงากำปั้นสีดำแถบใหญ่โถมโจมตีเกราะป้องกันสีดำอย่างบ้าคลั่งดุจพายุฝนกระหน่ำ

เงาคนสีดำร่างนี้ย่อมคือหลิ่วหมิง!

เขาฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำมาแล้ว กายเนื้อย่อมแข็งแกร่งเป็นที่สุด เมื่อครั้งก่อนตอนผนึกแก่นแท้ยังได้สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสร้างกายเนื้อ วันนี้ไม่ว่าความเร็วหรือพละกำลังล้วนบรรลุระดับที่น่าสะพรึง ต่อให้เป็นผู้ฝึกร่างระดับสูงที่มุ่งฝึกฝนร่างกายก็ยังเทียบเขาไม่ติดฝุ่น

เสียงกระแทกหนักหน่วงดังขึ้นบนร่างแมลงยักษ์หน้าคนครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงสองสามลมหายใจ เกราะป้องกันก็ปริแตกพังทลาย

แมลงยักษ์หน้าคนสีดำเผยสีหน้าหวาดหวั่นออกมาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสีหน้าเหี้ยมเกรียมทันที มันไม่ป้องกันอีกต่อไปแต่กลับหมุนตัวดุจพายุหมุนใช้ขาแหลมคมสองแถวตวัดคมดาบสายลมฟาดฟันฉวัดเฉวียนเข้าใส่หลิ่วหมิงอย่างโหดเหี้ยม

“รนหาที่ตาย!”

มุมปากของหลิ่วหมิงยิ้มเย็นชา ร่างกายพุ่งวูบเดียวกลายเป็นเงาเลือนรางสายหนึ่งหายไปจากที่เดิม

แมลงยักษ์หน้าคนสีดำกรีดพลาดเป้าก็เปลี่ยนทิศทันที ขาแหลมคมสองแถวผุดแสงสีดำยาวหนึ่งฉื่อกว่ายืดออกมาแล้วฟันไปด้านหลัง

ฉัวะ!

เงาคนสีดำร่างหนึ่งถูกแสงที่ปลายขาแทงทะลุ ทว่าอึดใจต่อมาก็สลายหายไป นั่นเป็นเพียงร่างเงาร่างหนึ่งเท่านั้น

ในตอนนี้เอง เสียงพยัคฆ์คำรามพลันดังมาจากด้านบนของแมลงยักษ์

ร่างต้นของหลิ่วหมิงปรากฏตัวออกมาตรงนั้นพร้อมกับเงาหัวพยัคฆ์สีดำขนาดเท่าบ้านหัวหนึ่ง แล้วพุ่งลงมา

“ปัง!”

หัวของแมลงยักษ์สีดำถูกพลังมหาศาลอัดกระแทกจนระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตในทันใด ร่างกายมโหฬารร่วงหล่นจากท้องฟ้ากระแทกพื้นดินหนักหน่วงจนฝุ่นดินสีเหลืองลอยฟุ้งเป็นวง

หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ สายลมแรงสายหนึ่งเป่าฝุ่นควันสีเหลืองออกไป จนภาพเบื้องล่างกระจ่างชัด

ร่างไร้หัวของแมลงยักษ์หน้าคนดิ้นพล่านอยู่บนพื้น ไม่มีลมปราณแผ่ออกมาอีกแม้แต่น้อย

หลิ่วหมิงไม่พูดพร่ำ เขาตบหัวไหล่ซ้าย แสงเรืองรองสีน้ำเงินสายหนึ่งม้วนตัวออกมาหมุนวนอยู่กลางอากาศก่อนจะก่อตัวเป็นเงาวัวสีน้ำเงินร่างหนึ่ง

วัวสีน้ำเงินตัวนี้เหมือนจะดีใจยิ่งนัก มันพ่นปราณสีน้ำเงินคำหนึ่งออกมาหอบศพไร้หัวของแมลงยักษ์สีดำตัวนั้นกลับไปกลืนลงท้องอย่างอดใจรอไม่ไหว

วัวสีน้ำเงินขยับปากดังแจ๊บเหมือนยังไม่อิ่ม ร่างกายส่ายไปมาสองสามครั้งจึงกลายเป็นละอองแสงสีน้ำเงินสลายไปกับความว่างเปล่า

นับตั้งแต่หลิ่วหมิงปรากฏกายจนกระทั่งสังหารแมลงยักษ์ระดับแก่นแท้ที่มีพลังป้องกันน่าหวาดกลัว ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเวลาเพียงเจ็ดแปดลมหายใจ อีกทั้งเขายังไม่ใช้อาวุธเวทอันใดเลย มือเปล่ากับกำปั้นก็เล่นงานอีกฝ่ายกลายเป็นเศษเนื้อ นี่ทำให้ผู้เฒ่าชุดเทาที่เพิ่งตั้งหลักได้อย่างหวุดหวิดไม่ไกลอ้าปากหวอ มองตาค้าง

“ในเมื่อเจ้าไม่เป็นอันใดมากก็รีบออกจากที่นี่เถิด ด้านหลังยังมีแมลงประหลาดโผล่มามากกว่านี้” หลิ่วหมิงมองผู้เฒ่าชุดเทาแล้วเอ่ยนิ่งๆ

“สหายกล่าวไม่ผิด ข้าคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่ยิ่งนัก ต่อจากนี้ให้ข้านำทางด้านหน้าเถิด” ผู้เฒ่าชุดเทาฟังจบจึงเพิ่งได้สติ แล้วเอ่ยอย่างยินดีเป็นที่สุด

“เจ้าเพิ่งถูกแมลงยักษ์โจมตี อวัยวะภายในกับพลังปราณคงเสียหาย ไม่สู้นั่งเรือเหาะของข้าเถอะ” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้จึงสะบัดแขนเสื้อเรียกเรือหยกสีขาวนวลลำหนึ่งออกมาแล้วกระโดดขึ้นไปอย่างไม่สนใจผู้อื่น

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็น้อมรับคำแนะนำ!” ผู้เฒ่าชุดเทาดวงตาฉายแววลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงพลังที่อีกฝ่ายเพิ่งสำแดงออกมาเมื่อครู่ ไหนเลยยังกล้าลังเลอันใดอีก เขาประสานมือเอ่ยขอบคุณแล้วขยับร่างเหยียบขึ้นไปเรือเหาะดุจเดียวกัน

หลิ่วหมิงไม่พูดพร่ำ ส่งเคล็ดวิชาหลายสายไปยังหัวเรือหยก

“ฟึบ!”

ทันใดนั้นเมฆหลากสีก็ยกเรือหยกลอยขึ้นมากลายเป็นแสงแวววาวสายหนึ่งเหาะไปด้านหน้าอย่างว่องไว