มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1074

“ปัง!”

แสงกระบี่อันน่าหวาดเกรงนั้นตกลงมาในทันใด ไม้เทพอู๋ถงอาวุธชิ้นนี้ของเทพมารก็ถูกโจมตีจนกระเด็นลอยออกไป แสงเปลวเพลิงจางลงไปมาก มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามต่างก็กระอักเลือดออกมา เสื้อผ้าขาดหวิ่น กระเด็นออกไปไกลนับสิบลี้ด้วยสภาพน่าเวททนา

“จิตภัณฑ์!”

ภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ทุกคนต่างพากันตื่นตกใจ หลัวซิวก็เช่นกัน เมื่อแสงสว่างสาดส่องดวงตาก็รี่ลงทันที

จิตภัณฑ์ คืออาวุธระดับเทพมารขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษเช่นนี้ได้ ถือเป็นชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง

จิตภัณฑ์และอาวุธอยู่ร่วมกัน ชนะไปด้วยกัน พ่ายแพ้ไปด้วยกัน

ดั่งเช่นอาวุธเทพมารชินหนึ่งก่อเกิดจิตภัณฑ์ขึ้นมา พลังเดิมของจิตภัณฑ์ก็จะเทียบเท่ากับเทพมารท่านหนึ่ง ต่อให้ไม่มีเจ้านายคอยควบคุม จิตภัณฑ์เองก็สามารถทำให้อาวุธขับเคลื่อนพลังอันแข็งแกร่งที่สุดออกมาได้ เพื่อเข่นฆ่าศัตรู

หากเป็นอาวุธเทพฟ้าชิ้นหนึ่ง เช่นนั้นจิตภัณฑ์กำเนิดขึ้น ก็เทียบเท่ากับเทพฟ้าตนหนึ่ง!

กระบี่หักของเทพฟ้าเช่นนี้ เพราะว่าแตกหัก จิตภัณฑ์ก็ได้รับผลกระทบไปพร้อมกับอาวุธที่เสียหายนี่ด้วย พลังลดลง ระดับก็ลดลงอย่างมาก

ยังไงก็ตาม พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ปะทุขึ้นในขณะนั้น ก็สูงเทียบเท่าระดับเทพมารขั้นห้าแล้ว เกือบจะโจมตีไม้เทพอู๋ถงที่ป้องกันมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามได้ในเวลาเพียงวินาทีเดียว

“ไอ้หนุ่ม ข้าจะกลืนกินมัน!”

จิตภัณฑ์หงเทียนแห่งหอกยุทธ์มังกรดำก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา วิธีการเติบโตชนิดหนึ่งของจิตภัณฑ์ ก็คือดูดกลืนกลั่นแปรจิตภัณฑ์อื่น ๆ

หลังจากพักรักษาตัวเป็นเวลาเนิ่นนาน ในวันนี้หงเทียนได้ฟื้นฟูถึงแดนเทพมารขั้นหนึ่งแล้ว จิตภัณฑ์เทพมารขั้นห้าสำหรับเขาถือเป็นยาบำรุงชั้นยอด อย่างนั้นก็สามารถยกระดับได้ถึงหนึ่งหรือสองแดนเล็ก

“หงเทียน เจ้าต้องรู้ตัวด้วยว่า ในเวลานี้เจ้าคือจิตภัณฑ์ ข้าคือนาย ทางที่ดีเวลาพูดกับข้าควรจะรักษามารยาทด้วย” หลัวซิวพูดเสียงเย็น

ในตอนนั้นที่เลือกเป็นจิตภัณฑ์ สำหรับหงเทียนแล้วเป็นการกระทำที่ไม่มีทางเลือก แต่สำหรับหลัวซิวซึ่งเป็นเจ้านายนั้น ในความจริงแล้วในใจกลับไม่ได้ยินยอมจริง ๆ

สำหรับหนามชิ้นนี้ แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลาที่ควรปรามหลัวซิวก็จำต้องปรามเสียหน่อย

“ไอ้หนุ่ม ข้าเคยพูดไว้แล้ว หากคิดจะให้ข้ายอมรับเจ้าเป็นนาย นอกจากจะสามารถฝึกตนถึงแดนราชาเทพแล้ว ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้ฝันเลย!” หงเทียนตอบกลับตรง ๆ

“อย่าหาว่าข้าทำร้ายเจ้าเลย ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะดีมากก็ตาม แต่คิดเป็นราชาเทพ ความหวังนั้นเล็กเท่าเม็ดทราย”

“งั้นหรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จิตภัณฑ์ของกระบี่หักของเทพฟ้า ก็ช่างมันแล้วกัน” หลัวซิวมุ่ยปาก หมุนตัวเดินออกมา

ในวันนี้เขาคือนายของหอกยุทธ์มังกรดำ ไม่มีคำสั่งจากเขา จิตภัณฑ์หงเทียนก็ทำได้เพียงแค่ถูกเขาควบคุม ไม่สามารถทำสิ่งใดตามใจอยากได้

“ไอ้หนุ่ม เจ้าเอาจริงหรือ? รู้หรือไม่ว่าข้าดูดกลืนจิตภัณฑ์ของกระบี่หักของเทพฟ้า ไม่เพียงแค่มีประโยชน์ต่อข้าเท่านั้น พลังของข้าเพิ่มขึ้น พลังอำนาจของหอกยุทธ์มังกรดำก็จะมากขึ้นตามไปด้วย”

“ไม่เป็นไรนี่ อย่างมากต่อไปข้าก็ไม่ใช้อาวุธแล้ว” หลัวซิวเผยสีหน้าไม่สนใจ

“เจ้า……” หงเทียนโกรธเสียจนไม่รู้จะพูดอะไรดี เขากลับกลัวว่าหลัวซิวจะเอาหอกยุทธ์มังกรดำเก็บลืมไว้ในแหวนเก็บของ ต่อไปจะไม่เอาออกมาใช้แล้วจริง ๆ หากเป็นเช่นนั้น อย่าว่าแต่การเพิ่มพลังของเขาเลย ต่อให้จะเห็นเดือนตะวันยังยากเลย

“ได้ ได้ ได้! ข้ายอมประนีประนอมด้วยได้หรือไม่? ต่อไปข้าจะไม่เรียกเจ้าว่าไอ้หนุ่ม จะเรียกชื่อเจ้าแทนได้หรือไม่” หงเทียนพูดอย่างไม่มีทางเลือก

หลัวซิวก็รู้ว่า หงเทียนคือผู้แข็งแกร่งราชาเทพในโบราณกาล ลดตัวลงมาเป็นจิตภัณฑ์เพื่อหาทางมีชีวิตรอดนั่นก็ถือเป็นสิ่งล้ำค่าที่ยากจะได้รับแล้ว หากจะไปบังคับเขาให้เรียกตนว่านายท่าน ดูท่าแล้วเขาก็คงจะไม่เห็นด้วยแน่นอน

สำหรับเขาแล้ว จะเรียกตนว่าเจ้านายหรือไม่นั้น หลัวซิวก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่การเรียกว่าไอ้หนุ่มทุกคำเช่นนี้ กลับทำให้เขารู้สึกไม่ดี ดังนั้นจึงได้ต่อรองกับหงเทียน