ต่อมา ทันทีที่มือของมู่เฉียนซีขยับ เข็มยาอีกหลายเข็มก็พุ่งออกไปอีกครั้ง
หลังจากที่พวกเขาถูกเข็มยาเหล่านั้นแล้ว ร่างของมู่เฉียนซีก็เคลื่อนไหวไปที่พวกเขา ก่อนจะลากพวกเขาทั้งสี่ไปโยนไว้ข้างกายอวี้ปิงชิง
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “ถึงแม้ว่าสี่คนนี้จะเป็นคนไร้ประโยชน์ไปสักหน่อย แต่ก็น่าจะทำให้เจ้าพึงพอใจได้”
“ข้าไม่เอา ไสหัวไป ให้พวกนี้ไสหัวไปให้พ้น…” อวี้ปิงชิงตะโกนเสียงดังลั่น
แม้ว่าปากนางจะกล่าวออกมาเช่นนี้ แต่ร่างกายของนางนั้นไม่อาจควบคุมได้แล้ว
วินาทีสุดท้ายก่อนที่นางจะสูญเสียการควบคุมไป นางกล่าวออกมาว่า “บัดซบ! บัดซบ! เจ้าไม่ตายดีแน่”
หลังจากที่จัดการกับพวกสวะไร้ประโยชน์นี้ได้แล้ว ในตอนนี้มู่เฉียนซีก็พบว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดีแล้ว
และนางก็พบว่าฤทธิ์ของยาหัวใจโพธิ์เริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ เช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ทำเช่นไรถึงจะออกไปได้! อยู่ที่นี่นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
หลุนหุยกล่าว “หรือว่าจะลองปล่อยข้าออกไปดู ข้าจะลองเจรจากับเสี่ยวหยางหยางดู ข้ากับเสี่ยวหยางหยางเราสนิทกัน”
“เจรจาเหรอ โจมตีออกไปเลยไม่ได้เหรอ?”
เมื่อมู่เฉียนซีคิดเช่นนี้แล้ว นางก็เตรียมจะลองลงมือดู!
อย่างไรเสียตอนนี้หากสามารถใช้กำลังแก้ไขปัญหาได้นางก็จะใช้ จะไม่ยอมใช้วิธีอ่อนเป็นอันขาด
หม้อหยินหยางสองขั้ว มันน่านัก!
เดิมทีหม้อหยินหยางสองขั้วคิดจะดูละครสนุก ๆ ชายรูปงามกับหญิงคนงามมาอยู่ด้วยกัน อีกอย่างมิตรภาพของพวกเขาก็ไม่ธรรมดาด้วย คงจะ…
ใครจะไปคิดกันละว่าจู่ ๆ พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีก็พรั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่ง อุณหภูมิทั่วทั้งจุดเด่นแห่งหยางพลันลดต่ำลงมาก
นี่นาง…นางจะทำอะไร?
“ซีเอ๋อร์!” กู้ไป๋อีตะโกน
“เสี่ยวไป๋ เจ้าอดทนอีกหน่อย ข้าหาทางออกไปได้แล้ว!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!” ชั่วพริบตาเดียว มังกรน้ำแข็งที่แผ่ซ่านความเย็นยะเยือกตัวหนึ่งก็พุ่งไปที่มิติแห่งนี้
หม้อหยินหยางสองขั้วตกใจจนแทบจะเป็นลม “เหตุใด เหตุใดถึงได้กลายเป็นเช่นนี้?”
“บรรยากาศงดงามถึงเพียงนี้ สถานที่ก็เป็นใจมาก ไม่ปู้ยี้ปู้ยำกันก็ทีนึงแล้ว นี่ยังจะมาโจมตีข้าอีก”
หม้อหยินหยางสองขั้วน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นแล้ว มันถูกนิรันดร์สร้างขึ้นมาและมันก็ได้รับรู้ได้เห็นเรื่องราวเกี่ยวกับนารีเป็นประจำจนตัวเองซึมทราบไปโดยไม่รู้ตัว มันรู้สึกว่าการกระทำของมู่เฉียนซีเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสำหรับหม้อยาอย่างมันมาก
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น มังกรน้ำแข็งพุ่งทะยานขึ้นไป
“ฮ่า ๆ ๆ! ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร! ทำลายไม่ได้!”
มันกล่าวด้วยความกลัวอยู่เล็กน้อยว่า “แต่ก็ต้องขอบคุณพลังของคนงามผู้นี้ที่อ่อนแอไปหน่อย หากนางมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับบุรุษงามผู้นั้นแล้วละก็! อาณาจักรวิญญาณที่ข้าที่เพิ่งจะตื่นขึ้นและทำออกมาคงต้องพังทลายเป็นแน่!”
ทว่า มันคิดในแง่ดีเกินไปแล้วกระมัง!
คิดว่าแค่นี้มันจะจบแล้วอย่างนั้นเหรอ มันยังมีอีก!
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิงไปมา จากนั้นบัวอัคคีอันงดงามดอกหนึ่งก็พุ่งออกไป
“บัวแดงพิฆาต!”
เย็นยะเยือกจนถึงที่สุด ร้อนแผดเผาจนถึงที่สุด ไม่นานนักอาณาจักรแห่งนี้ก็ปรากฏรอยแยกขึ้น
หม้อหยินหยางสองขั้วกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “สามารถทำได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอ!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“บัวแดงพิฆาต!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“บัวแดง…”
ความเย็นยะเยือกจนถึงขีดสุด และความร้อนแผดเผาจนถึงขีดสุดสลับไปมาเช่นนี้ทำให้อาณาจักรวิญญาณแห่งนี้รับไม่ไหวแล้ว
ตูม! เสียงดังสนั่นขึ้น อาณาจักรวิญญาณแห่งนี้แตกสลายกลายเป็นเสี่ยง ๆ ในตอนนี้พวกเขาได้หลุดพ้นออกมาแล้ว และอยู่ในป่าไม้เล็ก ๆ ในเหวพิษของตระกูลเซียว
ถึงแม้ว่าอาณาจักรวิญญาณจะอันตรธานหายไป แต่ฤทธิ์ยานั้นกลับยังคงอยู่ มู่เฉียนซีจึงฉีดยาเพิ่มให้กับอวี้ปิงชิงและพวกหลายเข็ม
รอหลังจากที่พวกเขาได้สติ พลังของพวกเขาจะถูกทำลาย อีกทั้งยังต้องกลายเป็นคนโง่เขลาอีกด้วย เมื่อถึงตอนนั้นหากผู้อาวุโสสูงสุดรู้เข้าไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเช่นไร
มู่เฉียนซีทำลายอาณาจักรวิญญาณของหม้อหยินหยางสองขั้วไปแล้ว ทำให้มันไม่อาจบดบังกลิ่นอายของตัวเองได้อีกต่อไป
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพอยู่ทางนั้น!”
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ!”
“……”
กลิ่นอายจำนวนมากพุ่งไปทางที่มีกลิ่นอายของมหาวัตถุเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่
กู้ไป๋อีกล่าว “ซีเอ๋อร์ เราก็ไปกันเถอะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ต้องสนใจเจ้านั่นก่อน พวกนั้นอยากจะแย่งก็ปล่อยให้แย่งกันไปเถอะ รู้จักแต่สร้างปัญหาก็คงจะไม่มีประโยชน์เท่าไร หากตกมาอยู่ในกำมือของข้า ข้าคงทำให้มันกลายเป็นเศษเหล็กเป็นแน่”
ตอนแรกเพราะเห็นแก่ชิงมู่ ต่อให้หม้อหยินหยางสองขั้วจะไม่ได้เรื่อง นางก็จะไม่ปฏิบัติอย่างรุนแรงกับมันอย่างแน่นอน
แต่เมื่อเห็นเสี่ยวไป๋ได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนั้น มู่เฉียนซีก็ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้นแล้ว
ในตอนนี้หม้อหยินหยางสองขั้วที่กำลังถูกยอดฝีมือนับไม่ถ้วนห้อมล้อมอยู่ก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ใช่สวะไร้ประโยชน์เหล่านี้แน่นอนที่เป็นคนทำ
มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ เสี่ยวหง รีบไปตามหาเซียวเหยาแล้วพาเขามาที่นี่เร็วเข้า”
ที่แห่งนี้เป็นถิ่นของเขา เขาย่อมรู้แน่นอนว่าที่ใดสามารถแก้พิษได้
“ขอรับ!”
ถึงแม้ว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพจะปรากฏออกมา แต่เซียวเหยาก็เป็นห่วงมู่เฉียนซีมากกว่า ดังนั้นจึงไม่ได้ไปแย่งชิงกับกลุ่มคนพวกนั้น
“เจ้าคนตระกูลเซียว รีบตามข้ามาเร็ว ๆ เข้า!” สุดท้ายเขาก็ได้ยินน้ำเสียงอันน่ารังเกียจมากเสียงหนึ่ง
เมื่อเขามองไปก็ได้เห็นกับแมวน้อยที่น่ารักมากตัวหนึ่ง
“เจ้าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหรอ?”
“เจ้านายข้ากำลังตามหาเจ้า เจ้ารีบตามข้ามาเร็ว ๆ เข้า อย่าเสียเวลา”
“เจ้านายเจ้าเป็นใคร?”
“ก็คนที่เจ้าอยากจะติดตามนักติดตามหนายังไงกันเล่า”
กล่าวจบอู๋ตี้ก็รีบพรวดไป เซียวเหยาก็รีบตามไปเช่นกัน
โอสถ(ยาน้ำ) ยาหัวใจโพธิ์ก็ใช้มาหมดแล้ว แต่เมื่อเวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ ก็สามารถทนได้อีกไม่นานแล้ว
เซียวเหยารีบพรวดเข้ามา “นายท่าน ในที่สุดข้าน้อยก็ตามหานายท่านเจอสักที”
มู่เฉียนซีกล่าว “อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระอยู่เลย ตอนนี้ฤทธิ์ยานั่นในร่างของพวกข้าสองคนรุนแรงมาก รีบหาที่ให้พวกข้าสองคนแก้พิษเถอะ”
ดวงตาของเซียวเหยาเปล่งประกายขึ้นพลางมองไปที่ใบหน้าอันสมบูรณ์แบบนั้นของกู้ไป๋อีอย่างอดที่จะอิจฉาริษยาไม่ได้
แม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็พยักหน้าตอบรับแต่โดยดี “ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีที่ได้เข้าไปในจุดเด่นแห่งหยินและจุดเด่นแห่งหยาง ตอนนี้ในร่างของพวกเขาจึงมีฤทธิ์ยาที่เข้มข้นมาก หากยังไม่คิดหาวิธีแก้ไขมีหวังพวกเขาทนไม่ได้แน่
ทว่า…
ทว่า เซียวเหยากลับพาพวกเขาไปในมิติที่มีฤทธิ์ยาเสน่ห์เข้มข้นมากยิ่งขึ้น มู่เฉียนซีโกรธเกรี้ยวมากจนเตะเซียวเหยาไปครั้งหนึ่ง
“เซียวเหยา นี่เจ้าพาข้ามาที่ทำบ้าอะไรของเจ้า!”
เซียวเหยากล่าวอย่างคนที่ไร้ความผิดว่า “นายท่านบอกให้ข้าน้อยยพาไปที่ที่แก้ฤทธิ์ยาเสน่ห์ไม่ใช่หรอกเหรอ ห้องนี้เตียงใหญ่ที่สุดแล้ว หมอนก็นุ่มที่สุดอีกด้วย แถมยัง…”
มู่เฉียนซีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนสีหน้าดำคล้ำแล้ว ส่วนกู้ไป๋อีก็โกรธจนหูแดง ราวกับถูกไฟเผาก็มิปาน
“อ๊า!” มู่เฉียนซียกขาเตะเซียวเหยา
“ข้าให้เจ้าหาสระเย็นหรือสระน้ำแข็ง นี่เจ้ายังเป็นคนของสามตระกูลยาโบราณอยู่อีกหรือไม่ เจ้าไม่เข้าใจบ้างเลยเหรอ”
ในฐานะนักปรุงยาก็ต้องคิดว่าสิ่งที่แก้ไขฤทธิ์ยาเช่นนี้ได้ก็คือสระเย็น แต่เซียวเหยาเป็นนักปรุงยาที่เกิดมาจากตระกูลเซียว และเป็นตระกูลที่นิรันดร์อบรมสั่งสอนมา สมองของพวกเขาจึงแตกต่างไปจากนักปรุงยาคนอื่น ๆ!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวเหยาก็ตกใจผงะไป
นี่นายท่านไม่ได้อยากทำสิ่งนั้นกับศัตรูคู่แค้นของเขาหรอกเหรอ?
ในใจของเขามีความรู้สึกดีใจอยู่บ้าง แต่ก็อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ “นายท่าน ตอนนี้ยาเข้าไปอยู่ในร่างของนายท่านนานมากแล้ว ต่อให้บีบบังคับให้มันคลายออกมันก็ทรมานมากอยู่ดี มันยากที่จะทนได้ แล้วข้าน้อยก็จะเจ็บปวดใจไม่น้อย”
“หากนายท่านไม่ชอบหัวหน้าตำหนักเป่ยหาน อันที่จริงแล้วตัวข้าน้อยเองก็สามารถทำได้นะ…”
ปัง! เซียวเหยาถูกเตะจนกระเด็นลอยออกไปอีกครั้ง และครั้งนี้คนที่ลงมือก็คือกู้ไป๋อี นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะกล้าเสนอตัวเช่นนี้ รนหาที่ตายจริง ๆ
.