บทที่ 691 การเปลี่ยนแปลงใต้ทะเล

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 691 การเปลี่ยนแปลงใต้ทะเล โดย Ink Stone_Fantasy

เบียร์ที่มีฟองขาวไหลลงจากถังไปในแก้วคริสทัลใบโตแต่ละใบ เหล่าชาวประมงแหกปากร้องตะโกน ชูแก้วกระดกแต่ละทีเบียร์ก็จะหายไปครึ่งหนึ่ง

ฉินสือโอวไม่ดื่มเบียร์เยอะ นี่คือนิสัยที่เขาติดมาจากตอนทำงานที่บริษัทรัฐวิสาหกิจ จะไม่ดื่มจนเมามากไป หลังจากที่มีหัวใจโพไซดอน เขาก็ยิ่งดื่มน้อยกว่าเดิม นอกจากครั้งนั้นที่เหมาเหว่ยหลงซื้อฟาร์มแล้วขอหลิวซูเหยียนแต่งงาน เขาก็ไม่เคยเมาจริงๆ เลย

ทั้งหมดก็เพื่อเก็บความลับ ฉินสือโอวไม่อยากจะเผลอพูดความลับเรื่องหัวใจโพไซดอนออกมาตอนเมาหรอกนะ

อยู่กับพวกชาวประมง แม้ว่าฉินสือโอวจะค่อนข้างผ่อนคลาย แต่ก็ดื่มไม่มาก กินแค่สนุกก็พอ พวกชาวประมงก็ไม่มอมเขา เจ้าพวกนี้สนใจเพื่อนตัวเองซะมากกว่า

ดื่มไปเยอะ เหล่าชาวประมงก็เริ่มขั้นตอนทั้งสาม ก่อนอื่นคือถอดเสื้อผ้าเผยอกที่ดกไปด้วยขนราวมีหญ้าขึ้น หลังจากนั้นก็ร้องเพลงเอ็ดตะโรเสียงดัง สุดท้ายก็กลับไปนอนแบบสติสตังเลอะเลือน

งานปาร์ตี้ดำเนินไปจนถึงเที่ยงคืนถึงแยกย้าย ฉินสือโอวเป็นผู้ชายหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังตื่นอยู่ พอเขาช่วยเก็บกวาดเรือจนสะอาดก็กลับบ้านกับวินนี่

ตอนเช้าหลังตื่นมา ฉินสือโอววิ่งรอบชายหาดตามความเคยชิน วิ่งไปไม่กี่ก้าวเขาก็ขมวดคิ้วมองไปที่ทะเล รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ จึงส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงน้ำไป

ภาพปูก้ามดาบที่เต็มหาดเมื่อวานได้หายไปแล้ว มีแค่ปูบางตัวที่กระจายประปรายบนหาด แต่พวกมันเคลื่อนตัวกันรีบร้อน ที่ออกมาก็เพื่อหาของกิน พอกินเสร็จก็กลับรังที่อยู่ตรงจุดสูงของหาด

ในทะเลที่ไกลออกไปหน่อย ไม่มีภาพวาฬที่ขึ้นมาสูดอากาศเหมือนวันก่อนๆ แถบทะเลลึกในฟาร์มปลาต้าฉินมีพวกวาฬและฉลามไม่น้อย อย่างพวกวาฬหลังค่อม หรือวาฬเบลูกาที่มักจะส่งเสียงตอนขึ้นมาสูดอากาศ ในตอนนี้ก็ไม่มีเสียงอะไรเลย

กระทั่งมีเพียงนกนางนวลไม่กี่ตัวที่บินขนาบบนผิวน้ำ พวกนกจมูกหลอดหางสั้นก็อยู่บนชายฝั่ง จับกลุ่มเล็กๆ อยู่ด้วยกันราวกับกำลังรออะไรอยู่

ฉินสือโอวโทรหาศูนย์อุตุนิยมวิทยาทางทะเลเพื่อถามเกี่ยวกับสภาพอากาศของแถบทะเลแอตแลนติกเหนือ คำตอบที่ได้คือทุกอย่างปกติ ลมทะเลระดับสี่ อากาศปลอดโปร่ง อย่างมากในอีกสองสามวันหลังจากนั้นอาจจะมีเมฆและฝนตกเบาๆ

จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าสู่ทะเล ความรู้สึกที่สัมผัสได้กลับไม่ใช่แบบนั้น

ฝูงปลาค็อดดูเกรี้ยวกราด จับกลุ่มกันว่ายพุ่งไปทั่ว ฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินกลับรวมกลุ่มกัน ฝูงปลาที่มาจากญี่ปุ่นรวมตัวกับปลาธรรมชาติในทะเลแอตแลนติก

ปลาทูน่าครีบน้ำเงินย้ายจากทะเลลึกเข้ามาในเขตน้ำตื้นซึ่งแทบจะไม่เคยมีมาก่อน ปลาที่ชอบอยู่ในทะเลลึกแถบต้นน้ำอย่างปลาโอแถบ ปลาแมกเคอเรลก็เข้ามาในแถบชายฝั่ง

ปลานกแก้วก็ปล่อยเมือกเป็นรังไหมตัวเองตั้งแต่กลางวันแล้วมุดเข้าไปหลบในนั้น พวกมันเป็นปลาชนิดที่อยู่รวมเป็นกลุ่ม เพราะฉะนั้นเลยเห็นรังไหมเมือกสีขาวอ่อนๆ สิบกว่าอันอยู่ในแนวปะการัง

งูเหลือมทะเลที่กำลังปกป้องแถวแนวปะการังในแถบทะเลลึกร้อนรนกระวนกระวาย พวกมันว่ายวกวนไปในน้ำอย่างกังวล อยากจะไปจากแถวนั้น แต่พอนึกถึงคำสั่งที่ฉินสือโอวเคยสั่งไว้ก็ไปไหนไม่ได้

พอเห็นแบบนั้นฉินสือโอวเลยถอนคำสั่งจากพวกงูเหลือมทะเล หลังจากนั้นพวกงูเหลือมทะเลก็รีบส่ายหางทรงไม้พายว่ายไปทางแนวสาหร่าย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใต้ทะเลกำลังจะมีหายนะมาเยือน หัวใจโพไซดอนรู้สึกถึงความรู้สึกหวาดกลัวของหมู่ปลาได้อย่างชัดเจน ส่วนจุดที่ทำให้พวกมันหวาดกลัวก็มาจากแนวปะการังทะเลลึกที่ก้นทะเลตะวันออกเฉียงเหนือ

ฉินสือโอวเข้าใจในทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่ใช่แผ่นดินไหวก็ภูเขาไฟใต้น้ำ สิ่งที่ทำให้ปลากลัวได้ขนาดนี้ในโลกใต้ทะเลก็สองอย่างนี้ล่ะ!

มิน่าล่ะศูนย์อุตุนิยมวิทยาทางทะเลถึงบอกว่าไม่มีปัญหา พวกเขาดูแลสภาพอากาศเหนือน้ำทะเล ไม่เกี่ยวกับก้นทะเล

เรื่องแบบนี้เขาควรจะไปถามศูนย์ธรณีวิทยาทางทะเล แต่ก็คงไม่ได้ข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์ แผ่นดินไหวกับภูเขาไฟล้วนเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงที่สุด ความน่ากลัวอยู่ที่ความคาดการณ์ไม่ได้

แต่สิ่งมีชีวิตในธรรมชาติก็เก่งแบบนี้แหละ สิบวันก่อนปลาหัวแข็งขาวก็คาดการณ์ได้ถึงคลื่นลูกโตที่กำลังจะเกิด พวกมันยุ่งกับการวางไข่บนทราย ตอนนี้ลูกปลาใกล้จะฟักแล้ว พอคลื่นซัดมาโดนหาดทรายก็พัดลูกปลาที่เพิ่งฟักไปด้วยได้พอดี

เทียบกับปลาหัวแข็ง ปูก้ามดาบก็เก่งเหมือนกัน มันรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของคลื่นล่วงหน้าหนึ่งวัน

ตอนแรกฉินสือโอวคาดว่าจะเป็นแผ่นดินไหวใต้น้ำ เพราะมันสามารถสร้างคลื่นลูกโตได้ ทุกครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวใต้น้ำก็จะทำให้เกิดสึนามิที่น่ากลัวด้วย

แต่ว่าพอเวลาเดินไป ตอนบ่ายโมงที่ก้นทะเลก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวบ้างแล้ว พื้นดินรอบๆ ดันไปทางตรงกลาง รอยร้าวรอยหนึ่งค่อยๆ แยกออก ลาวาแดงฉานไหลทะลักออกมา!

ฉินสือโอวควบคุมให้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนวิ่งกลับไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ เขาไม่รู้ว่าลาวาที่พุ่งกระเด็นออกมาจะทำอันตรายเขาไหม ที่เขาหนีก็เพียงเพราะกลัวจังหวะที่ภูเขาไฟระเบิดนั้นอานุภาพแรงระเบิดน่ากลัวมาก!

ภูเขาไฟใต้ทะเลปะทุแล้ว!

ฉินสือโอวอยู่ห่างออกไปมาก มองดูทะเลพิโรธด้วยความอึ้ง!

เพราะมีหัวใจโพไซดอน เขาเลยมองตัวเองเป็นโพไซดอนมาตลอด แต่ในตอนนี้หลังจากที่ได้เห็นการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำ เขาก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วตัวเองอ่อนแอมาก ต่อหน้ามหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล เขาไม่ต่างอะไรกับปลาค็อดเลย

ภูเขาไฟใต้น้ำคือภูเขาไฟที่เกิดมาจากก้นทะเล

พวกมันกระจายตัวในวงค่อนข้างกว้าง ส่วนมากจะอยู่ในทะเลลึก มีจำนวนน้อยที่อยู่ในเขตน้ำตื้น โดยรวมอยู่ที่รอยต่อของเปลือกโลก ที่แบบนี้ถูกเรียกว่าเทือกเขากลางสมุทร เป็นจุดที่อันตรายที่สุดในทะเล

ที่จริงฉินสือโอวควรจะคิดได้นานแล้ว ปะการังทะเลลึกมักจะอาศัยอยู่แถวๆ ภูเขาไฟใต้ทะเล เพราะสภาพแวดล้อมแบบนี้ถึงจะมีธาตุเหล็กแมงกานีส แมกนีเซียม ซัลเฟอร์อุดมสมบูรณ์ และนี่ก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของปะการัง

แน่นอนว่าปะการังในทะเลลึกมักจะอยู่แถวภูเขาไฟดับสนิท ทุกครั้งที่ภูเขาไฟปะทุก็จะถมแนวปะการังหมด นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่แนวปะการังทะเลลึกนั่นหาได้ยาก หลายๆ ที่โดนภูเขาไฟที่เคยปะทุทำลายไปแล้ว

อีกอย่างมิน่าล่ะเกาะแฟร์เวลถึงมีน้ำพุร้อน ฉินสือโอวแค่คิดว่ามีพลังงานความร้อนสูงอยู่ใต้พื้นพิภพของเกาะ นึกไม่ถึงว่าความร้อนของพื้นดินจะมาจากลาวา ดูท่าตอนนี้เกาะแฟร์เวลจะตั้งอยู่บนถังดินปืน ดีไม่ดีใต้เกาะก็เป็นภูเขาไฟลูกหนึ่ง

เพียงแต่เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล อเมริกาทั้งประเทศก็ตั้งอยู่บนภูเขาไฟ ถ้าภูเขาไฟในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนระเบิด แม้แต่แคนาดาเองก็คงลำบาก

เทียบกับการปะทุของภูเขาไฟในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนในตำนาน ตอนนี้แรงระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำนี้เล็กจนมองข้ามได้ เพราะห่างจากผืนดิน ไม่มีความเสียหายกับบนบก แค่ส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อทะเลรอบข้างเท่านั้น

ที่ทำเอาฉินสือโอวปวดหัวก็คือทะเลรอบด้านนั้นล้วนเป็นเขตฟาร์มปลาของเขา อีกอย่างแนวปะการังที่เขามองเป็นสมบัติล้ำค่าก็ดันซวยอยู่ในเขตที่ลาวาส่งผลกระทบนั้นด้วย!

น้ำทะเลในเขตทะเลลึกเย็นไม่มีอะไรเทียบ ลาวาร้อนระอุถูกพ่นออกมา พอเจอความเย็นก็ถ่ายโอนอุณหภูมิ แล้วก็กลายเป็นหินภูเขาไฟที่มีรูพรุน

แต่หลังจากนั้น ลาวาก็พ่นออกมาอีกติดๆ ส่วนพื้นทะเลที่แยกออกก็ขยายใหญ่ ปากภูเขาไฟกำลังขยายกว้างกว่าเดิม พ่นลาวาออกมามากขึ้นเรื่อยๆ…

………………………………………