ตอนที่ 1677 ปะทะติงเซี่ยวเฉิน

Alchemy Emperor of the Divine Dao

อีกฝ่ายเป็นสตรีสวมชุดคลุมกระโปรงยาวสีดำ แม้รูปลักษณ์ของนางจะอยู่ในช่วงอายุยี่สิบปี แต่ทั้งการพูดและกิริยาการเคลื่อนไหวของนางนั้นดูราวกับเป็นหญิงชราอายุมาก

พลังต่อสู้ของนางไม่ได้อ่อนแอ นางสามารถควบคุมอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ความมืดที่กรัดกร่อนทุกสรรพสิ่งได้อย่างน่าสะพรึง

หลิงฮันเองก็กฝึกฝนทักษะรัตติกาลเงาทมิฬที่มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ความมืดเช่นกัน แต่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ความมืดของเขาเป็นรูปแบบสนับสนุนซึ่งแตกต่างจากรูปกัดกร่อนของนางอย่างสิ้นเชิง

“แล้วก็เด็กหนุ่มคนนั้น” หลิงฮันหันหน้า

เด็กหนุ่มที่ว่าคือจอมยุทธที่มีอายุราวๆสิบหกสิบเจ็ดปี ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มเอียงอายไร้เดียงสา แต่หากใครตัดสินเด็กหนุ่มผู้นี้ว่าไร้พิษภัยเกรงว่าคนผู้นั้นคงนับว่าดวงซวยเป็นอย่างยิ่ง

เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญทักษะดาบที่รวดเร็วและเฉียบคม ในการประลองเมื่อครู่เขาใช้สิบดาบสะบั้นอาวุธคู่ต่อสู้และใช้ดาบที่สิบเอ็ดแทงทะลวงเข้าใส่หน้าอก หากไม่ใช้เพราะตอนนั้นติงหู่เค้นเสียงปลดปล่อยอำนาจออกมาก่อน คู่ต่อสู้ของเขาคงกลายเป็นร่างไร้ชีวิตแล้ว

โหดเหี้ยมไร้ความปรานี

นี่คือคำเรียกที่หลิงฮันตั้งให้เด็กหนุ่ม อีกฝ่ายสมควรไปเป็นนักฆ่ามากกว่าทหารกองกำลัง

แน่นอนว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ดึงดูดความสนใจของติงหู่เช่นกัน สายตาของเขาจดจ้องมายังเด็กหนุ่มหลายต่อหลายครั้ง

อัจฉริยะเช่นนี้สมควรรับเข้าตระกูลติงเป็นอย่างยิ่ง หากฝึกฝนให้ดีอาจจะกลายเป็นAnchorเพชรฆาตทีสามารถสังหารนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานก็เป็นได้

ในโลกแห่งความเป็นจริงพลังไม่ใช่สิ่งที่วัดความแข็งแกร่ง ปรมาจารย์ที่ทรงพลังก็ใช่ว่าจะตายด้วยเงื้อมมือของจอมยุทธที่อ่อนแอกว่าไม่ได้

นักฆ่าที่ยอดเยี่ยมย่อมสามารถหาโอกาสสังหารปรมาจารย์ในช่วงวินาทีเป็นตาย

ในสายตาของติงหู่ เด็กหนุ่มผู้นี้คือสมบัติ

จักรพรรดินีกล่าวว่านางจะไม่ร่วมประลองแย่งชิงตำแหน่งผู้นำและต้องการเข้าร่วมกลุ่มเดียวกับหลิงฮัน

เม่าซูอวี่เองก็เข้าร่วมการประลองเช่นกัน นางคือตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดและมีศักยภาพสามดาว ด้วยพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งของนางทำให้นางชิงตำแหน่งผู้นำมาได้อย่างง่ายดาย

“งั้นข้าขอตัวสักครู่” หลิงฮันปล่อยมือของจักรพรรดินีอย่างไม่ยินยอม

“อืม” จักรพรรดินีพยักหน้าด้วยแววตาทรงเสน่ห์

หลิงฮันกระโดดเข้าสู่ลานประลองและเผชิญหน้ากับบุรุษผู้ครองตำแหน่งหัวหน้าผู้หนึ่ง

Anchor

นั่นคือติงเซี่ยวเฉิน

“หือ?”

“หืม?”

“โอ้?”

เมื่อเห็นหลิงฮันต้องการท้าประลองติงเซี่ยวเฉิน ใครหลายคนก็อุทานด้วยความประหลาดใจ

ก่อนหน้านี้ที่ติงเซี่ยวเฉินโค่นผู้ท้าชิงได้สำเร็จ เวลาได้ผ่านมาแล้วเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีใครเลยที่ขึ้นไปท้าประลองเขา ทุกคนต่างคาดคิดว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ถูกตัดสินให้เป็นหัวหน้ากลุ่มก่อนเวลาสามวัน

แต่ตอนนี้เมื่อถูกหลิงฮันท้าประลอง ติงเซี่ยวเฉินก็ต้องรอไปอีกอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง

ติงเซี่ยวเฉินเองก็ตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะเผยสีหน้ามืดมน ก่อนหน้านี้เป็นเพราะไม่มีโอกาสเขาจึงไม่ลงมือทำอะไรกับหลิงฮัน แต่ไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะเป็นฝ่ายเดินเข้าสู่ประตู่นรกเสียเอง

หากเปลี่ยนรองแม่ทัพที่รับหน้าที่ดูแลการประลองเป็นคนอื่น ติงเซี่ยวเฉินก็คงไม่กล้าลงมือสังหารใคร แต่ใครใช้ให้ผู้ดูแลการประลองเป็นติงหู่กัน?

เจ้าไม่มีทางรอดพ้นความตายไปได้!

ติงเซี่ยวเฉินแสยะยิ้ม “ข้าอยากจะบอกตรงๆเลยว่าเจ้าช่างโง่เง่ายิ่งนัก!”

“ปากเจ้าเหม็นชะมัด นี่ก่อนออกมาเจ้าแปรงฟันบ้างรึเปล่า?” หลิงฮันกล่าวเยาะเย้ยอย่างไม่รู้สึกหวั่นเกรง

“ยิ่งเจ้าอวดดีตอนนี้ก็จะยิ่งเจ็บหนักในภายหลัง!” ติงเซี่ยวเฉินกัดฟันเบาๆ ต่อหน้าคนที่จะตายอยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องรูสึกโมโหใดๆ

“เหอะๆ” หลิงฮันหัวเราะด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม

ดูเหมือนว่าจิตใจของติงเซี่ยวเฉินจะถูกฝึกมาอย่างหนักแน่นทีเดียว หลังจากยินเสียงหัวเราะอันเหยียดหยาม แม้ใบหน้าของเขาจะเผยร่องรอยของความรู้สึกเกรี้ยวกราดแต่ก็ยังสูดหายใจลึกระงับอารมณ์เอาไว้ได้ เขาบอกกับตัวเองว่าไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจกับคนตายตรงหน้าและรีบจัดการก็พอ

“รนหาที่ดีนัก!” เขาปล่อยฝ่ามือออกไป ‘ตูม’ ปราณก่อเกิดถูกควบแน่นเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ นิ้วมือทั้งห้าปรากฏดวงตะวันทมิฬอันลึกล้ำ

‘ฮึ่ม’ หลิงฮันเค้นเสียงในลำคอพร้อมกับคำรามออกมา ดวงตะวันทั้งห้าบนนิ้วมือดับสลายหายไป พลังของเสียงคำรามยังไม่สิ้นฤทธิ์แค่นั้น พริบตาต่อมาแม้แต่ฝ่ามือปราณก่อเกิดก็แหลกสลายไปตามๆกัน

อะไรกัน!

ทุกคนตกตะลึงและจ้องมองหลิงฮันไม่วางตา

รุ่นเยาว์ผู้นี้ใช่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงจริงๆ? การจะสลายการโจมตีเมื่อครู่ได้ ต่อให้ไม่ได้มีพลังต่อระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด ก็ต้องเป็นขั้นสูงสุดชั้นปลายเป็นอย่างน้อย

อัจฉริยะศักยภาพสามดาวครึ่งทรงพลังขนาดนี้เชียว?

ติงหู่ประหลาดใจและเปิดตาจดจ้องไปที่หลิงฮัน

ความเป็นจริงด้วยพลังบ่มเพาะระดับเขา ต่อให้จะลืมตาหรือหลับตาก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ด้วยความรู้สึกตกตะลึงทำให้เขาเผลอลืมตาโดยไม่รู้ตัว

ติงเซี่ยวเฉินเองก็ตาค้างมองไปยังหลิงฮันเช่นกัน เขาทำใจเชื่อไม่ได้ว่าการโจมตีของตัวเองจะถูกทำลายง่ายดายเพียงนั้น

นี่คือศักยภาพสามดาวครึ่ง? ศักยภาพเช่นนั้นสามารถทำให้อีกฝ่ายสู้ข้ามระดับได้ถึงหนึ่งขั้นย่อยและเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลย?

บ้าชัดๆ เรื่องแบบนั้นมันเกินกว่าจะเป็นความจริงไปแล้ว

เขาสูดหายใจลึกและกล่าวกับตนเองว่าพลังเพียงเท่านี้ไม่อาจทำอะไรเขาได้ เขายังไม่ทันใช้ทักษะยุทธเลยด้วยซ้ำ ตราบใดที่เขาปลดปล่อยกระบวนท่าด้วยทักษะ การจะกำราบจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงย่อมง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ

“นับว่าเจ้าแข็งแกร่งไม่เลว แต่ต่อหน้าข้าอย่าว่าแต่เจ้าที่ยังมีพลังเพียงระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูง ต่อให้เจ้ามีพลังระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้!”

ตูม!

พริบตาที่ติงเซี่ยวเฉินกล่าวจบก็ถูกฝ่ามือตบใส่อย่างรุนแรงทันที

แน่นอนว่าคนตบไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลิงฮัน

นี่คือสิ่งที่ติงเซี่ยวเฉินตั้งใจจะทำอยู่ก่อนแล้ว เขารอคอยจังหวะให้ติงเซี่ยวเฉินพล่ามเสร็จและปล่อยฝ่ามือเข้าใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

“อ้ากกก” ติงเซี่ยวเฉินคำรามอย่างโหดเหี้ยม ผมของเขาสยายชี้ฟ้าด้วยความเกรี้ยวกราด ดาวตาที่เปิดกว้างราวกับมีไฟฟ้าสถิตถูกปลดปล่อยออกมา ถูกตบหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร?

“ตาย!” ติงเซี่ยวเฉินตะโกนลั่น ทั่วร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาและพุ่งทะยานเข้าหาหลิงฮัน เขาต้องการสังหารตัวบัดซบตรงหน้าให้ตายๆไปซะ!