มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1076

“ตามรายงาน หลัวซิวมีหอกยุทธ์อยู่เล่มหนึ่ง เป็นหอกยุทธ์มังกรดำที่ได้รับมาจากแดนดารานอก มีจิตภัณฑ์กำเนิดขึ้น”

“เขาหมายจะเก็บกระบี่หักของเทพฟ้าเล่มนี้ ต้องเพื่อที่จะดูดกลืนจิตภัณฑ์ที่อยู่ในกระบี่หัก ทำให้จิตภัณฑ์ของหอกยุทธ์ได้รับพลังเพิ่มขึ้น”

ในฐานะคนของแก๊งรอบรู้ เกิดมาพร้อมกับกลิ่นการตามข้อมูลที่เฉียบแหลม ตามการกระทำของหลัวซิว สามารถคาดการจุดมุ่งหมายของเขาได้อย่างง่ายดาย

“หรือว่าเราจะต้องมองดูเขาเก็บกระบี่หักของเทพฟ้าไปโดยไม่ทำอะไรเลยหรือ?” มหาจักรพรรดิยุทธ์ท่านหนึ่งพูดเสียงขรึม

“พลังของเขาเทียบเท่าเทพมาร พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ อีกทั้งกระบี่หักของเทพฟ้าเล่มนี้มีจิตภัณฑ์ที่หลับใหลอยู่ เมื่อใดที่ถูกปลุกขึ้น พลังอำนาจที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่ ต่อให้เป็นเขาก็ใช่ว่าจะสามารถทำได้สำเร็จ”

“คนผู้นี้มีความแค้นฝังลึกกับแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ ในเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นที่โลกแสงดาวเกณฑ์กฎแล้ว เกรงว่าจะต้องมีการนองเลือดอีกครั้งเป็นแน่”

“พวกเราแก๊งรอบรู้ ไม่เคยเข้าร่วมการต่อสู้ของกองกำลังใดมาก่อน ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องวุ่นวายอย่างไร ก็พยายามอย่าไปยั่วยุเจ้าหนุ่มคนนี้”

นับตั้งแต่โบราณกาลมา แก๊งรอบรู้ต่างก็แฝงตัวอยู่ในกองกำลังของโลกแสงดาวเกณฑ์กฎและโลกแสงดาวพื้นเมืองมาโดยตลอด

ถึงแม้จะเป็นสงครามพ้นพิบัติในสมัยโบราณ ก็ไม่มีผลกระทบใดถึงแก๊งรอบรู้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่มีคนรู้ถึงการมีอยู่ของแก๊งรอบรู้ที่แท้จริง

ในเวลาเดียวกัน แก๊งรอบรู้สามารถคงอยู่มาได้นับหมื่นนับพันปี รับรู้เรื่องราวความลับจำนวนมหาศาล ก็เป็นเพราะว่าแก๊งรอบรู้ไม่เคยเป็นศัตรูกับกองกำลังฝั่งใดฝั่งหนึ่ง

พูดให้ถูกก็คือ แก๊งรอบรู้คือนักธุรกิจ มีหนทางเพื่อตัวรอดอยู่แล้ว

หลัวซิวหมุนเวียนกฎการเวียนว่ายตายเกิด สองระดับผสานหนึ่งเกิดเป็นพลังเทพดั้งเดิม ก็สามารถเทียบเท่าได้กับเทพมารตนหนึ่ง

ในมือของเขาถือหอกยุทธ์มังกรดำเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงออร่าอันหน้าสะพรึงกลัวที่อยู่ภายในกระบี่หักของเทพฟ้า เตรียมที่จะเข้าโจมตีศัตรู

ทันใดนั้น เมื่อเขาเดินมาถึงยอดเขาของภูเขาที่แห้งแล้ง ตอนที่เข้าใกล้กระบี่หักของเทพฟ้า ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าตก่อนหน้านี้ก็พลันปะทุระเบิดขึ้นมา จิตภัณฑ์ของกระบี่หักของเทพฟ้าถูกปลุกขึ้น กลายเป็นชายสวมชุดคลุมยาวสีทองคนหนึ่ง สีหน้าเคร่งขรึม

เขาหยิบกระบี่หักของเทพฟ้าเอาไว้ในมือ เหมือนกับเทพมารที่ฟื้นคืนมา ปลดปล่อยออร่าที่ทรงพลังและคาดเดาไม่ได้

ชายชุดคลุมทองผู้นี้ไม่ใช่เทพมาร แต่เป็นจิตภัณฑ์ คืออาวุธเทพฟ้าก่อกำเนิดเป็นชีวิตที่พิเศษ

มีแสงเปล่งประกายสว่างไสวเจิดจ้าอยู่รอบตัวชายชุดคลุมทอง ลำแสงที่ปล่อยออกมาแต่ละเส้นนั้นราวกับดาบคม มีเสียงกระทบกัน ราวกับดาบหมื่นเล่มกำลังกระทบเข้าด้วยกัน

ออร่าของเขาแข็งแกร่งถึงขีดสุด หากไม่ใช่ตัวอาวุธเสียหาย พลังของเขาเดิมแล้วก็คือระดับเทพฟ้า แต่ในเวลากลับเหลือแค่เพียงเทียบเท่าเทพมารขั้นห้าเท่านั้น

สีหน้าของหลัวซิวเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมขึ้นมา ตอนนั้นที่ได้ต่อสู้กับเทพมารอสูรสิงห์ทอง อีกฝ่ายเป็นเพียงเทพมารขั้นสาม ก็ยังเกือบจะทำให้เขาถูกฆ่าตายเสียแล้ว ต่อให้เป็นวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพก็ยังถูกพลังอมตะของเขาโจมตีจนสลายไป พูดได้ว่าหลังจากที่หลัวซิวผสานสองระดับแล้ว ถือเป็นการต่อสู้ที่ยากที่สุดครั้งหนึ่ง

จิตภัณฑ์ของกระบี่หักเทพฟ้านี้พลังแข็งแกร่งมาก หลัวซิวถึงแม้ว่าจะเคร่งเครียด แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกกระตือรือร้นเล็กน้อยอยากจะลิ้มลองเสียมากกว่า

เพราะว่าในตอนแรกที่ประมือกับเทพมารอสูรสิงห์ทอง เพื่อที่เขาจะปกปิดความลับ จึงไม่ได้ต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่ ณ ที่แห่งนี้ เขากลับไม่ได้มีความกังวลใจใด ๆ เหล่านั้นอยู่เลย

“ไม่รู้ว่าหากข้าเปิดพลังรบทั้งหมด เมื่อเทียบกับเทพมารขั้นห้าขั้นห้าแล้วจะเป็นเช่นไร?”

สายตาของหลัวซิวมองไปทั่วทั้งสี่ทิศ ออร่ารอบ ๆ ตัวก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กฎสองระดับความเป็นตายผสานกัน เกิดเป็นออร่าของพลังดั้งเดิมเทพมาร

ถึงแม้ว่าออร่าของเขาจะไม่น่าสะพรึงกลัวเท่าชายชุดคลุมทองตรงหน้า แต่ก็จะประมาทไม่ได้เหมือนกัน ราวกับเทพมารมาเยือน

“ปัง!”

เห็นเพียงหลัวซิวก้าวเท้าออกมา ภายใต้โซนกฎหมุนเวียน เขาก็หายตัวไปจากที่ตรงนั้น และปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าชายชุดคลุมทองทันที

หอกยุทธ์มังกรดำในมือของเขาฝาดลงไปอย่างรุนแรง ทำให้โซนเกิดรอยแยกเป็นสีดำยาว