ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 915 เทพกระบี่น้อย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอใช้มือรองตราประทับตะวัน ต้านทานพลังฝ่ามือของเผยหัว

เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หรือท่านอยากได้ของล้ำค่าของข้าชิ้นนี้”

เผยหัวมองตราประทับตะวัน กล่าวอย่างแช่มช้า “เมื่อครู่เห็นแวบหนึ่งแล้วแต่ไม่ค่อยแน่ใจ ตอนนี้ข้าดูออกแล้ว นี่คือตราประทับตะวันใช่หรือไม่”

“เป็นสิ่งที่ยอดฝีมือนามว่าราชันพระอาทิตย์ในเต๋านอกรีตของพวกเจ้าเคยครอบครอง”

เยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตา “ท่านยังรู้จักราชันพระอาทิตย์ด้วยหรือนี่”

เผยหัวเอ่ยอย่างเฉยชา “ข้าเคยได้ยินมาว่าการสืบทอดและความเป็นมาในตอนแรกของคนผู้นี้ เกี่ยวข้องกับตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณของข้าอยู่หลายส่วน”

“พอข้าเห็นจิตพลังที่แฝงอยู่ในตราประทับตะวันนี้ ก็แน่ใจว่ามีวิถีคล้ายกับคัมภีร์อาทิตย์ไร้ประมาณอยู่หลายส่วนจริงๆ”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ก็มีวาสนากับตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณของข้าจริงๆ ข้าย่อมเก็บไปโดยไม่ต้องละอายใจ”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ “ท่านวางแผนจัดการดีถึงเพียงนี้ ได้ถามเจ้าของในตอนนี้เช่นข้าหรือยัง”

เผยหัวหัวเราะขึ้นเช่นกัน “เจ้ากำลังจะเปลี่ยนมาเชื่อมรรคาฟ้า เข้ามาร่ำเรียนวิชาในตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณของข้าอยู่แล้ว”

ในเสียงหัวเราะ ห้านิ้วที่เขากางออกมาพลันหุบลง

จิตแห่งหลักการของมันคล้ายกับคัมภีร์เทพพระอาทิตย์ ทั้งยังมีจุดที่คล้ายกับการสืบทอดของสำนักประกายกาฬ และวรยุทธ์ของสำนักแสงสว่างอยู่หลายส่วน

หมัดสีทองอร่ามดุจดั่งดวงอาทิตย์พุ่งลงมา แสงสว่างสาดไปทั่วบริเวณ ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ถูกทำลาย!

เยี่ยนจ้าวเกอเผชิญหน้ากับวิชาหมัดเทพอาทิตย์ไร้ประมาณของเผยหัว จิตใจเยือกเย็น ทบทวนแผนที่คิดไว้แล้วอย่างรวดเร็วในใจ เตรียมจะปะทะกับศัตรู

ทว่าในตอนนั้นเอง มิติที่ห่างออกไปก็เกิดการสั่นไหวอย่างฉับพลัน

มิติอันมืดมิดแตกร้าว จากนั้นก็เห็นทะเลสาบสายหนึ่งข้ามมิติออกมา ตัดหน้าทุกคนในชั่วอึดใจ

เผยหัวเห็นดังนั้นอดขมวดคิ้วไม่ได้ “ไฉนท่านมาถึงแดนเซียนปลดปลงแล้ว?”

ผู้มาเป็นยอดฝีมือสายโถงเซียนระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คนเช่นกัน

กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่นั้น ร้อนแรงแข็งแกร่งสู้เผยหัวไม่ได้ แต่ว่าหนักแน่นต่อเนื่องยิ่งกว่า

ทะเลสาบที่เกิดจากญาณจริงแท้ของเขายืดยาวไม่ขาดสาย พาดขวางจักรวาล เหมือนกับแม่น้ำสวรรค์

“คัมภีร์วรยุทธ์แม่น้ำสวรรค์” เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะไม่รู้จักผู้มาเยือน แต่ก็จำวรยุทธ์ที่อีกฝ่ายใช้ได้อย่างรวดเร็ว มันเป็นวรยุทธ์ที่ไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์อาทิตย์ไร้ประมาณแม้แต่น้อย

ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ มีพรรคใหญ่พรรคหนึ่งชื่อพรรคแม่น้ำสวรรค์ ลูกศิษย์ในพรรคขึ้นชื่อในเรื่องความยิ่งใหญ่หนักแน่นของญาณจริงแท้

ในตอนนี้บนแม่น้ำยืนไว้ด้วยบุรุษสวมอารภรณ์สีเขียวผู้หนึ่ง พอเห็นเผยหัวก็กล่าวอย่างร้อนรนว่า “ท่านอยู่ที่นี่ก็ประเสริฐ รีบมาช่วยเหลือ…”

เสียงยังไม่ทันขาด ทิศทางที่แม่น้ำสวรรค์เกิดขึ้นซึ่งอยู่ไกลออกไปก็พลันปรากฏเงาคนสายหนึ่ง

“สองคนแล้วเป็นไร”

หลังจากเสียงอันเฉยชาดังขึ้น ปราณกระบี่สีขาวสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหลังบุรุษสวมอารณ์เขียวอย่างไม่ต้องพยายามแม้แต่น้อย

บุรุษสวมอาภรณ์เขียวตื่นตระหนก ม้วนแม่น้ำสวรรค์ไร้ขอบเขตขึ้นมาปะทะกับปราณกระบี่สีขาว

ปราณกระบี่สีขาวเป็นเพียงแค่เส้นสายบางๆ ดูเหมือนกับควันเมฆ แทบจะตรวจจับไม่ได้

แต่ก็คล้ายกับอาวุธคมตัดผ้า ปราณกระบี่สีขาวเพียงตวัดเบาๆ แม่น้ำที่ยิ่งใหญ่นั้นพลันขาดครึ่ง!

ราวกับแม่น้ำที่พาดขวางมิติ ถูกปราณกระบี่สีขาวที่เหมือนกับควันบางสายหนึ่งฟันออกมา!

เผยหัว เยี่ยนจ้าวเกอ และฟู่ถิงพูดขึ้นพร้อมกัน “…กระบี่สังหารเซียน!”

หนึ่งกระบี่กระจายไปทั่วบริเวณ ไม่ปรากฏประกายวิญญาณ ไม่เห็นลวดลายมรรคา

มีเพียงการทำลาย ความอ้างว้าง การเข่นฆ่า คงอยู่ในตอนสิ้นสุด

อย่าว่าแต่บุรุษสวมอาภรณ์ผู้นั้น แม้จะเป็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ห่างออกไปเห็นปราณกระบี่สีขาวจางนั้นแล้ว เบื้องหน้าก็เกิดภาพลวงตาขึ้น

มนุษย์ในฟ้าดิน สรรพสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะมีรูปร่างหรือไม่มีรูปร่าง ล้วนเหมือนกับต้องใส่เครื่องหมายจบประโยค ตายไปเพราะกระบี่เดียวนี้

เยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝนกระบี่สังหารเซียน ยามนี้พอเห็นกระบี่นี้ก็แน่ใจในทันที ว่านี่เป็นกระบี่สังหารเซียน หนึ่งในสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน วิชาสายเหนือพิสุทธิ์ที่จริงแท้ไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

ตรงปลายแม่น้ำสวรรค์ที่อยู่ห่างออกไป เงาคนสายนั้นคล้ายกับขยับยังไม่ขยับ แต่กลับบรรลุถึงที่ใกล้แล้ว

เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ห่างจากบุรุษสวมอาภรณ์เขียวเพียงไม่กี่ก้าว

เหมือนกับที่แล้วมา เขายืนอยู่บนตำแหน่งในตอนนี้มาโดยตลอด ไม่ไปไหน

เยี่ยนจ้าวเกอ ฟู่ถิง เผยหัวเพ่งตามองไป กลับเห็นว่านั่นเป็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง

เขาสวมอาภรณ์ขาวดุจหิมะ สวมมงกุฎหยก นอกจากกระบี่ชิงกังเล่มหนึ่งที่พกติดตัวแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นอีก

เด็กหนุ่มผู้นี้มีอายุราวๆ สิบห้าสิบหกปี อายุจริงกลับไม่อาจประเมิณได้

หลังจากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็พบว่า เขาไม่อาจมองเห็นรูปโฉมของอีกฝ่ายได้ถนัดตา

เพราะว่าในตอนที่เขามองคนหนุ่มผู้นั้น จิตใจของเขาก็สั่นไหวเบาๆ คล้ายกับสูญเสียการรับรู้ไป

ความรู้สึกนั้น…เหมือนกับตนตายไปแล้ว วิญญาณไม่ได้อยู่ในร่างอีก

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็มั่นใจว่า นั่นไม่ใช่เพราะวรยุทธ์ของอีกฝ่ายลวงจิตของผู้คนได้ แต่เป็นเพราะเจตจำนงกระบี่ที่ดุดันถึงขีดสุดต่างหาก!

ดุดันจนถ้าใครสักคนมองเขา ก็จะได้รับบาดเจ็บ

ตนยังไม่ทันสัมผัส ก็ตายใต้กระบี่ไปแล้ว!

เมื่อเทียบกันแล้ว หลินฮั่นหัวที่เหมือนกระบี่เล่มหนึ่ง กลับอ่อนโยนกว่ามาก

อย่างน้อยความดุดันของหลินฮั่นหัว ก็ยังให้คนอื่นเห็นได้

ส่วนคนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า หากคนธรรมดามีความคิดหรือการเคลื่อนไหวที่จะมองเขา ก็จะต้องได้รับบาดเจ็บ!

ถึงแม้ภายนอกจะดูอ่อนเยาว์ แต่ว่านี่เป็นจอมกระบี่สะท้านโลกผู้หนึ่งอย่างแน่นอน

ยอดฝีมือระดับสุดยอดที่อยู่ในระดับยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คนอีกคนหนึ่ง

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขที่สืบทอดเต๋าหลักสายสามพิสุทธิ์ผู้หนึ่ง

เมื่อเทียบกับเฉาเจี๋ย ประมุขอาคเนย์ที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยสัมผัสด้วยตัวเอง และเป็นผู้ฝึกกระบี่เหมือนกัน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขที่มีลักษณะเป็นเด็กหนุ่มสวมอาภรณ์ขาวตรงหน้านี้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ แต่ว่าคนผู้นี้ดุดันเกรี้ยวกราดกว่า เผยความคมกล้าออกมามากกว่า

เผยหัวถึงกับรู้จักคนหนุ่มสวมอาภรณ์ขาวผู้นั้น “หลงเสวี่ยจี้?!”

ในขณะเดียวกัน ฟู่ถิงกลับพูดชื่ออีกชื่อหนึ่ง “ท่านคือ…เฉียนเสวี่ยจี้ ‘เทพกระบี่น้อย’ ในตอนนั้น?”

เยี่ยนจ้าวเกอหันไปถาม “ท่านรู้จัก?”

ฟู่ถิงพึมพำกับตัวเอง “ไม่เคยเห็นหน้าตา แต่ว่าเจตจำนงกระบี่ที่ดุดันแบบนี้ อีกทั้งยังสวมอาภรณ์ขาวมงกุฎหยก เหมือนกับผู้อาวุโสท่านหนึ่งในอดีต ผู้อาวุโสท่านนั้นหายตัวไปอย่างแปลกประหลาด กลับคาดคิดไม่ถึงว่า…เขาจะเป็นจอมยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์”

เด็กหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้นั้นกลับไม่สนใจเผยหัว และไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธต่อคำเรียกของฟู่ถิง

เขากวาดสายตามา ช่างเย็นเยียบเสียดกระดูก สุดท้ายหยุดบนร่างของฟู่ถิงและเยี่ยนจ้าวเกอ “พวกท่านสองคนไฉนมาอยู่ที่นี่”

เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา ‘รู้จักฟู่ถิงและรู้จักข้าด้วย…’

‘ความจริงเขาแซ่…หลง?’

ถึงแม้ว่ากำลังคุยกับพวกเยี่ยนจ้าวเกออยู่ มือของเด็กหนุ่มชุดขาวผู้นั้นกลับไม่หยุดลง

หนึ่งกระบี่ฟันแม่น้ำสวรรค์ ตามติดด้วยอีกหนึ่งกระบี่ ฟันใส่บุรุษอาภรณ์เขียว

บุรุษอาภรณ์เขียวกระตุ้นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงของตัวเองเข้ารับมือ

แต่เหตุการณ์ที่ทำให้คนตื่นตระหนกก็บังเกิดขึ้น

เด็กหนุ่มในอาภรณ์ขาวฟันใส่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงของอีกฝ่ายจนหักสะบั้น!

เยี่ยนจ้าวเกอมองเห็นอย่างชัดเจน

กระบี่ในมือของจอมกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ผู้นี้ อย่าว่าแต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่อาวุธวิญญาณ หรืออาวุธวิเศษยังไม่ใช่ นี่เป็นกระบี่ชิงกังธรรมดาๆ เล่มหนึ่ง เป็นอาวุธธรรมดาที่เห็นได้จากแผงอาวุธที่ช่างตีเหล็กธรรมดาวางไว้

ที่ฟันอาวุธศักดิ์สิทธิ์ให้หักได้ เป็นเพราะพลังฝึกปรือของเขาโดยสิ้นเชิง

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากใช้หนึ่งกระบี่ทำลายอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายแล้ว สภาวะกระบี่ของเด็กหนุ่มกลับไม่หยุดลง ฟันใส่บุรุษสวมอาภรณ์เขียวผู้นั้นต่อ

“คู่ต่อสู้อย่างพวกเจ้า มาเยอะกว่านี้แล้วเป็นไร” คนหนุ่มอาภรณ์ขาวกล่าวอย่างเฉยชา “มีแต่ทำให้คำเรียกประมุขแปดเปื้อนเปล่าๆ”

บุรุษในอาภรณ์เขียวถลึงตา คิดจะดิ้นรน

แต่หลังจากโดนกระบี่ ร่างก็ถูกฟันเป็นสองท่อนทันที!

………………..