“ฮ่าๆๆ!”
ภายในวิหารนักบวชวิหารใหญ่นั้นมันเกิดเสียงหัวเราะคลั่งขึ้นมา
นี่นั้นหัวเราะขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น สีหน้าคาดหวัง สีหน้าตื่นตะลึง
“โอสถเต๋า! ช่างเป็นเด็กที่มากพรเสียสวรรค์เสียนี่กระไร! เวลามันผ่านไปได้กี่ปีกัน แต่เขากลับสามารถจะหลอมโอสถเต๋าขึ้นมาได้เสียแล้ว! จักรพรรดิผู้นี้มองไม่ผิดไปจริงๆ!”
จีโมนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มสุดหลงใหล “รองมหาปราชญ์นั้นช่างมีความสามารถสูงล้ำผู้คนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน! อาจารย์ท่านคงไม่ทราบ แต่ตอนที่ข้าได้เห็นเขาหลอมโอสถจุติฟื้นโกลาหลนั้น ระหว่างที่ข้ากำลังเหม่อมองไปมันเหมือนได้เห็นภาพตัวอาจารย์กำลังหลอมโอสถอยู่ก็ไม่ปาน!”
ยี่จึงยิ้มตอบกลับมาพร้อมส่ายหัว “เจ้าผิดแล้ว!”
จีโมจึงต้องหุบยิ้มลงถาม “ผิด?”
ยี่พยักหน้ารับ “เขาผู้นี้มีวิชาโอสถที่อยู่สูงล้ำโลกอย่างแท้จริง! แต่ตั้งแต่อดีตกาลมา รวมถึงทั้งตัวข้าและโอสถบรรพกาลผู้นั้นเอง มีผู้ใดบ้างเล่าที่มิใช่คนมากความสามารถเปี่ยมพรสวรรค์? แต่มีพวกเราคนใดบ้างเล่าที่จะก้าวขึ้นไปได้ถึงระดับนี้ด้วยอายุเท่าเขา?”
จีโมก้มหน้าลงครุ่นคิดและเห็นด้วยกับเรื่องนั้นอย่างมาก
เพราะการที่จะขึ้นมาจนถึงระดับที่หลอมโอสถเต๋าได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวโอสถบรรพกาลหรือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลพวกเขาต่างก็ย่อมจะเป็นสุดยอดของยอดอัจฉริยะในโลกหล้า
แต่แม้จะเป็นโอสถบรรพกาลหรือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็ไม่อาจจะทำได้อย่างที่เย่หยวนทำทุกวันนี้ตอนที่ยังหนุ่ม!
เรื่องนี้ไม่ว่าจะอยากยอมรับหรือไม่มันก็เป็นเรื่องจริง!
จีโมก้มหัวลงรับ “ท่านอาจารย์โปรดชี้แนะด้วย!”
ยี่จึงยิ้มตอบกลับไป “การบ่มเพาะนั้นแท้จริงแล้วมันก็คือการบ่มเพาะจิตใจ! มหาพิภพถงเทียนนี้มันกว้างใหญ่อย่างไม่อาจคาดเดา สายน้ำแห่งกาลเวลานั้นเคลื่อนไหลผ่านอย่างไม่อาจหยุดยั้ง แล้วต้องมียอดอัจฉริยะมากมายปานใดที่จมลงไปในแม่น้ำนั้นบ้าง? แต่คนทั้งหลายที่รอดผ่านก้าวขึ้นมาเป็นยอดคนเหนือหัวผู้คนทั้งหลายได้นั้นต่างมีสิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจมีได้! มีเพียงแค่นิสัยตัวตนเท่านั้นที่จะช่วยขยายพรสวรรค์ใดๆ ได้ ทำให้เกิดความเป็นไปได้อันไร้สุดกับคนผู้นั้น!”
“ไม่โอหังเกินตัว ไม่บ้าบิ่นเกินจริง ไม่โลภมากเกินพอ ไม่คิดแค้นฝังลึก! เย็นเยือกได้เสมอแม้ต้องเจอเหตุการใด มีเจตจำนงหนักแน่นอย่างที่ไม่อาจถูกทำลายลง! เจ้าเด็กคนนี้มีทุกอย่างที่ยอดคนควรมีอย่างแท้จริง! พรสวรรค์ใดๆ นั้นมันย่อมจะเปลี่ยนแปลงกันได้ อย่างน้อยๆ ข้าก็มีปัญญาทำให้หมูตัวหนึ่งกลายเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้ไม่ยาก แต่สุดท้ายหมูมันก็จะยังเป็นหมู! ต่อให้มันจะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้มันก็ยังเป็นหมูอยู่วันยันค่ำ! มันจะยังคงเอาแต่กินๆ นอนๆ ไปวันๆ ไม่คิดบ่มเพาะใด นิสัยและตัวตนนั้นมันต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะสร้างขึ้น การที่คนจะมีมันได้นั้นพวกเขาย่อมจะต้องเข้าใจถึงหัวใจของตนให้ได้เสียก่อน”
“แน่นอนว่าเรื่องนี้เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายย่อมจะเข้าใจมันได้จากการบ่มเพาะที่ผ่านมาอย่างยาวนานในชีวิต แต่เทียบกับเขาแล้ว มันราวกับว่าเขาได้รู้มาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่! หากข้าเดาไม่ผิด ตอนที่เขายังอายุน้อยๆ มันคงเกิดเรื่องราวใหญ่โตที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปเป็นอย่างแน่”
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจ้องมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างพร้อมพูดกล่าวถึงสิ่งที่เขาคิดต่อเย่หยวนออกมา
จีโมนั้นได้แต่ต้องสั่นไปทั้งใจเมื่อได้ยิน!
คำพูดนี้มันคงทำให้เกิดความแตกตื่นได้แน่หากผู้คนทั้งหลายได้ยินเข้า
เพราะโลกหล้าในสมัยนี้ได้ให้ความสำคัญแต่กับพรสวรรค์ หาได้มีใครสนใจเรื่องนิสัยใจคอไม่
แต่ในสายตาของอาจารย์เขานี้แล้ว นิสัยใจคอนั้นมันสำคัญกว่าพรสวรรค์ความสามารถอย่างไม่อาจเอามาเทียบกันได้!
ในสายตาของอาจารย์เขานี้ พรสวรรค์ใดๆ มันไร้ค่าให้ต้องคิดสนใจ!
ขณะที่จีโมยังคงอ้าปากค้างไม่หายนั้นทางยี่ก็ได้กล่าวขึ้นต่อ “โอสถบรรพกาลเฒ่านั้นมันคงเป็นได้เท่านี้ไปชั่วชีวิต! เพราะว่านิสัยจิตใจของมันนั้นคับแคบ! ครึ่งก้าวที่เหลือนี้มันย่อมจะไม่อาจก้าวผ่านไปได้! สักวันทั้งตัวข้าทั้งเย่หยวนจะก้าวผ่านมันไปในที่สุด!”
จีโมนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายใจ นี่อาจารย์ของเขากำลังคาดเดาอนาคตให้แก่วิหารนักบวชหรือ?
“อาจารย์ รองมหาปราชญ์นั้นมีพรสวรรค์ความสามารถล้ำฟ้าดินเช่นนี้แล้วมันจะไม่ทำให้โอสถบรรพกาลเกิดไม่พอใจหรือ?” จีโมถามขึ้นมา
ยี่จึงได้แต่ต้องหัวเราะขึ้น “ด้วยนิสัยของมันแล้วมันย่อมไม่พอใจแน่! แต่ทว่ามันก็เป็นเรื่องที่คนทั้งโลกหล้าเข้าใจดีว่าเย่หยวนนั้นคือรองมหาปราชญ์ของวิหารนักบวชเรา ข้าว่ามันคงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงนักหรอก! เท่าที่ข้ารู้จักนิสัยของเจ้านั่นมันคงพยายามใช้วิธีต่างๆ มากมายผลักดันให้เย่หยวนหายลงไปกับกลุ่มคนธรรมดาทั้งหลาย! น่าเสียดาย… หึๆ ไม่ว่ามันจะใช้วิธีการใด ข้าว่าสุดท้ายแล้วมันกลับจะกลายเป็นการเพิ่มพลังผลักดันให้เย่หยวนพัฒนาไปแทน!”
…
เรื่องของการเจรจาสี่ฝ่ายในแดนใต้นั้นทางด้านพันธมิตรแดนใต้ยอมก้มหัว ทางด้านหอมหาสมบัติยอมก้มหัว ทางด้านเจ็ดตระกูลเองก็ยอมก้มหัวรับข้าเสนอนั้นเช่นกัน!
สุดท้ายเวลานี้เมืองอินทรีสวรรค์จึงได้รับส่วนแบ่งการตลาดในแดนใต้ไปกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์!
แท้จริงแล้วหากฝ่ายหอมหาสมบัติขอโทษตรงๆ ออกมาเย่หยวนก็คงไม่คิดมากที่จะแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งไปให้แก่หอมหาสมบัติเพราะเห็นแก่หน้าเทพสวรรค์เปียวหยู
เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเสียตัวเขาและหอมหาสมบัติก็ไม่ได้มีความแค้นบาดหมางมากมาย
แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์เจียงฮุ่ยนั้นกลับมาทำตัวไร้เหตุผลต่อหน้าเย่หยวน ทำลายโอกาสใดๆ ไปสิ้น
จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปานั้นเป็นสุดยอดจักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้ชำนาญด้านการค้าปกครองการค้าของแดนใต้มานานแสนนาน มีหรือที่เขาจะเป็นคนโง่ได้?
เขานั้นได้สั่งให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจียงฮุ่ยไปขอโทษแทนตัวเขาเพื่อที่จะสู้เอาส่วนแบ่งนั้นมา
แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์เจียงฮุ่ยกลับทำลายความหวังใดๆ ของเขาลงสิ้น
จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปานั้นได้แต่ต้องฝืนกล้ำกลืนความขมขื่นในลำคอนี้ลงไป
แต่สุดท้ายแล้วทางจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาก็ได้สั่งการให้แต่งตั้งเทพสวรรค์เปียวหยูขึ้นมารับตำแหน่งผู้ดูแลที่หกแห่งหอมหาสมบัติ ตัวเขานั้นจึงได้รับตำแหน่งที่สูงล้ำเป็นรองแค่ห้าจักรพรรดิเทพสวรรค์เท่านั้น
ทางตัวเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นจึงได้รับการขนานนามว่าเป็นเทพสวรรค์คนแรกและคนเดียวแห่งหอมหาสมบัติที่ได้ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าผู้ดูแล
ส่วนคนที่เหลือที่เคยได้ข้องเกี่ยวกับเย่หยวนเองทางจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาก็ได้แต่งตั้งพวกเขาเลื่อนตำแหน่งกันขึ้นอย่างถ้วนหน้า
เรื่องราวหลังจากนั้นเย่หยวนย่อมจะไม่คิดเข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆ อีกต่อไป ปล่อยให้อีกสามฝ่ายที่เหลือเจรจาตกลงกันไปนับหลายวันคืน
ส่วนแบ่งการตลาดที่เหลืออีกสี่สิบเปอร์เซ็นต์นั้นทั้งสามฝ่ายต่างจะไม่มีใครยอมใคร
แต่ฝ่ายที่ตกที่นั่งลำบากที่สุดมันย่อมจะเป็นทางพันธมิตรแดนใต้
พวกเขานั้นไม่มีสูตรโอสถใดๆ ในมือจึงไม่มีทางใดๆ จะไปสู้กับอีกสองฝ่าย
แต่เรื่องราวทั้งหมดทั้งหลายนี้เย่หยวนก็ไม่ได้คิดสนใจ
เย่หยวนนั้นได้ใช้นามของศาลาโอสถหอมภายใต้ชื่อของหอโอสถแห่งวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์นี้เปิดหน้าร้านไปทั่วทั้งแดนใต้
ครั้งนี้ทางเมืองอินทรีสวรรค์ได้ก้าวขึ้นมาเหนือล้ำผู้คนเป็นแนวหน้าในการค้าของแดนใต้นี้อย่างแท้จริง
เวลากว่าพันปีที่ผ่านไปนั้นเมืองอินทรีสวรรค์ได้สร้างยอดฝีมือขึ้นมาอย่างมากมายล้นเหลือ ยอดนักหลอมโอสถเกิดขึ้นมาอย่างไม่เว้นวัน
เวลานี้เมืองอินทรีสวรรค์นั้นมันได้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการโอสถของแดนใต้อย่างแท้จริง
ต่อให้จะเป็นอีกเจ็ดแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือก็ไม่อาจเทียบเคียงใดๆ กับเมืองอินทรีสวรรค์ได้
คุณภาพโอสถที่ขายโดยศาลาโอสถหอมนั้นสูงล้ำเสมอ พร้อมๆ กันกับชื่อเสียงอันลื่อลั่นของเย่หยวนนี้ที่ได้กระจายไปทั่วทั้งแดนใต้ เมื่อใดที่ศาลาโอสถหอมเปิดร้านใหม่ขึ้นมันก็จะได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทันทีไม่ต้องวางกลยุทธการค้าใดๆ
นั่นทำให้เกิดกระแสผลึกปราณเทวะมากมายอย่างไม่อาจนับหมุนเวียนขึ้นอย่างไร้สุดในเมืองนี้
เรื่องราวเช่นนี้ฝ่ายค่ายสำนักอื่นๆ นอกจากความอิจฉาแล้วพวกเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก
เย่หยวนนั้นเป็นคนฉลาด เขานั้นทำลายอีกฝ่ายลงจนถึงเนื้อหนัง แต่ก็ไม่ได้กดดันพวกเขาทั้งหลายจนไม่มีที่หายใจ
แม้ว่าส่วนแบ่งสี่สิบเปอร์เซ็นต์นั้นมันจะฟังดูไม่มาก แต่หากนับมันจริงๆ แล้วสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของแดนใต้อันกว้างใหญ่นี้มันก็ยังคงเป็นสุดยอดของกำไรอันมหาศาลอย่างที่ไม่อาจนับได้เช่นกัน
ตราบเท่าที่ยังไม่ถึงตาจนเข้าจริงๆ แล้วจักรพรรดิเทพสวรรค์คนอื่นๆ เองก็ไม่คิดจะออกมาจัดการเรื่องราวใดๆ
ในวันนี้ที่ด้านนอกเมืองอินทรีสวรรค์นั้นมันได้เกิดการรวมตัวของเพสวรรค์มากมายอย่างเหนือนับ เป็นภาพที่ทำฟ้าดินต้องสั่นสะเทือน
เย่หยวนหันมองดูใบหน้าของผู้คนทั้งหลายพร้อมร้องบอก “ทุกท่าน เย่ผู้นี้มีความแค้นล้ำกับจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชาง! วันนี้เย่ผู้นี้อยากจะขอกำลังพวกท่านทั้งหลายเข้าโจมตีวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางนี้เพื่อล้างความแค้นที่เคยมี กว่าพันปีก่อนเฒ่าเจี่ยวชางมารร้ายนี้มันได้รับบาดเจ็บไปสาหัส ในตอนที่มันยังคงอ่อนแอนี้เราต้องรีบปลิดชีวิตมันทิ้งเสีย! สหายทั้งหลายที่ออกเดินทางไปด้วยในวันนี้เย่ผู้นี้จะจดจำบุญคุณนี้ไปชั่วชีวิต ข้าจะจดจำมันไว้ในใจไม่มีลืมเลือนแน่นอน!”
“อาจารย์เย่จะถ่อมตัวเกินไปแล้ว!”
“ศัตรูของอาจารย์เย่มันก็คือศัตรูของเรามิใช่หรืออย่างไรเล่า?”
“พวกเผ่าปีศาจมันสมควรตายมาแต่แรกแล้ว! ครั้งนี้เราจะจัดการไม่ให้มันมีที่ได้ตั้งตัวอีก!”
…
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายร้องตอบอย่างหนักแน่น
สองพันปีตั้งแต่ที่ขึ้นมหาพิภพถงเทียนมานยี้เย่หยวนได้พัฒนาฝีมือขึ้นมาอย่างมากล้ำจนมากพอที่จะจัดการเรื่องราวแต่เก่าก่อนสะสางความแค้นให้พ่อได้!
คนร้ายที่ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของจอมเทพนิรันดร์นั้นวุ่นวายมันก็คือเจี่ยวชาง!
ทั้งเมื่อกว่าพันปีก่อนเจี่ยวชางยังได้แฝงตัวเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นและเกือบจะทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องแตกสลายลง
ความแค้นนี้เย่หยวนย่อมจะไม่มีวันลืมเลือนมัน
เวลานี้ปีกของเย่หยวนมันได้กางออกกว้างอย่างไม่ต้องเกรงกลัวใครอีกต่อไป!
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้เริ่มปฏิบัติการตามล่าหัวเจี่ยวชางในที่สุด!
………………………..