บทที่ 1870 พอหันหลังให้ก็ทรยศทันที

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

การที่คนเบื้องล่างยินดีติดตามเจ้า แม้จะมีปัจจัยทางด้านความรู้สึก หรือการหวังด้านผลประโยชน์ แต่จุดหนึ่งที่สำคัญมากก็คือ ต้องดูว่าอยู่กับเจ้าแล้วจะมีความหวังหรือเปล่า ถ้าทำให้คนรู้สึกว่าอยู่กับเจ้าแล้วไม่มีหวัง ก็จะทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ง่าย

ดังนั้นการมอบความหวังให้คนเบื้องล่างในเวลาที่เหมาะสม ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ไม่ใช่ว่าเหมียวอี้ต้องการจะโอ้อวดอะไรเสียหน่อย

เหลียวอิงถงที่เคยพิสูจน์มาแล้วแอบตกตะลึงในใจ มองเหมียวอี้ด้วยสายตาเคารพมากขึ้น รู้สึกนับถือเจ้านายเก่าท่านนี้จริงๆ ตอนแรกที่อยู่ตลาดผีแล้วใช้เล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลงไปมาราวกับพลิกฟ้าคว้าฝน นั่นก็ทำให้กลุ่มลูกน้องเก่าอย่างพวกเขามีใจใฝ่หาแล้ว ตอนหลังเงียบไปหมื่นปี ยังนึกว่าเจ้านายเก่าท่านนี้จะอยู่อย่างสงบได้แล้ว แต่ใครจะคิดว่าเป็นมังกรเร้นกาย ก็แค่ไม่ออกมาเท่านั้นเอง พอออกมาก็สร้างความเคลื่อนไหวใหญ่โตเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะโจมตีทัพตะวันออกห้าล้านจนแพ้แล้ว!

พลังอำนาจยามแสดงออกว่าไม่เห็นอ๋องสวรรค์อิ๋งอยู่ในสายตา สิ่งนี้ทำให้คนเห็นรู้สึกฮึกเหิม ความจริงเจ้าตัวก็ไม่ได้เห็นอ๋องสวรรค์อิ๋งอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ในพิธีแต่งงานของสนมสวรรค์ปีนั้นก็ด่าอ๋องสวรรค์อิ๋งว่าขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ เขาเห็นกับตาตัวเอง ใครกันล่ะที่ฆ่าหลานชายของอ๋องสวรรค์อิ๋ง? ตอนนี้ก็ยิ่งปะทะกับทัพใหญ่ของอ๋องสวรรค์อิ๋งอย่างไม่อ่อนข้อ ทั้งยังซัดกำลังพลของอ๋องสวรรค์อิ๋งจนหมอบ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!

เหลียวอิงถงไม่คิดว่าเหมียวอี้โอ้อวดเกินไป วิธีการรับคนที่ตลาดผีก็อธิบายได้แล้วว่าเจ้านายเก่าท่านนี้ไม่ใช่คนเลอะเลือน แต่เป็นคนมั่นใจเพราะในใจมีแผนการณ์จริงๆ

“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว นายท่านรอสักครู่!” เหลียวอิงถงกุมหมัดเอ่ยรับด้วยน้ำเสียงเคารพ

เรียกตัวเองว่า ‘ข้าน้อย’ การที่พูดคำนี้ออกมาได้ ก็ถือว่าทำผิดข้อห้ามของกองทัพองครักษ์อย่างใหญ่หลวงแล้ว แต่เรื่องบางเรื่องเขาก็รู้อยู่แก่ใจเช่นกัน เขาได้รับความช่วยเหลืออย่างลับๆ จากเหมียวอี้มาหลายปี ไม่มีทางทำให้ความสัมพันธ์ลับระหว่างเขากับเหมียวอี้กระจ่างได้อีกแล้ว เพราะถ้าถูกเปิดโปงขึ้นมา เกรงว่ากองทัพองครักษ์คงจะไม่ใช่แค่ไล่เขาออกไป

สำหรับการช่วยเหลือสงเคราะห์ ในปีแรกๆ เขารับไว้อย่างสบายใจ ในปีนั้นเรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์แบบผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน ไม่อาจดูหมิ่นน้ำใจของนายท่าน มีปัจจัยด้านความรู้สึกที่ลบเลือนได้ยากมาเกี่ยวข้อง แต่จนกระทั่งเขาไต่เต้าขึ้นตำแหน่งสูง ถ้าจะบอกว่าไม่คิดทบทวนเลยสักนิดก็เป็นไปไม่ได้ มานึกเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้ว ถ้ารายงานขึ้นไปตั้งแต่แรกก็ยังไม่เป็นไร แต่รับความช่วยเหลือมาหลายปีแล้วค่อยรายงาน ก็ถือว่าทำผิดกฎกองทัพองครักษ์อย่างร้ายแรงแล้ว ในใจเขารู้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าตัวเองขึ้นเรือโจรไปแล้ว ลงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่ใช่ลูกน้องของเหมียวอี้แล้วจะเป็นอะไรไปได้?

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมงานของเขาในปีนั้นอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาหรือเปล่า เขาไม่กล้าไปสืบข่าว และไม่กล้าถามด้วย ถ้าเผยพิรุธอะไรให้คนอื่นจับได้ เขาก็จะต้องหัวขาด

ในถ้ำภูเขา ชิงหยวนจุนยกสุราอาหารมาจากด้านนอก มองเหมียวอี้ที่นั่งอยู่ในนี้แวบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้พูดอะไร ได้แต่วางสุราอาหารเงียบๆ อยู่อย่างนั้น

ทันใดนั้นด้านนอกก็มีคนมา รายงานเหลียวอิงถงที่นั่งอยู่ด้วยกันว่า “นายท่าน หัวหน้าภาคเรียกพบขอรับ!”

เหลียวอิงถงลุกขึ้นยืนทันที แล้วกุมหมัดคารวะเหมียวอี้ “หัวหน้าภาคหนิว ขออภัยด้วย นายท่านหัวหน้าภาคเรียกพบ ข้าต้องไปพบก่อน ท่านค่อยๆ กินไปนะ”

เหมียวอี้พยักหน้ายิ้ม “ไม่เป็นไร งานเป็นเรื่องด่วน!”

เหลียวอิงถงกล่าวขออภัยแล้วรีบเดินออกไป ในถ้ำจึงเหลือคนแค่สองคน เหมียวอี้พลันลุกขึ้นยืน รีบกุมหมัดคารวะชิงหยวนจุน “ข้าน้อยหนิวโหย่วเต๋อคารวะองค์ชาย!”

“องค์ชายอะไรกัน…” ชิงหยวนจุนหันกลับไปมองทางนอกถ้ำ แล้วพูดเย้ยตัวเองต่อไป  “เป็นคนมีความผิดติดตัว เป็นทหารต่ำต้อย จะรับการคารวะจากหัวหน้าภาคได้ยังไง”

เหมียวอี้ยืนตัวตรง แล้วส่ายหน้าอย่างทนไม่ไหว “องค์ชายได้รับความลำบากแล้ว!”

“ไม่เกี่ยวว่าลำบากหรือไม่ลำบากหรอก ที่จริงอยู่ที่นี่ก็อิสระสบายใจดี” ชิงหยวนจุนกอดถาดอาหาร กล่าวด้วยสีหน้าไม่แยแส

“อิสระ?” เหมียวอี้อึ้งไปชั่วขณะ แล้วก็ถอนหายใจทันที “องค์ชายคิดอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด องค์ชายอาจจะมีโอกาสนี้ตั้งแต่แรกแล้ว อย่าท้อใจเด็ดขาด ต้องทราบไว้ว่าเหนียงเหนียงแบกรับอันตรายมากขนาดไหนเพื่อองค์ชาย องค์ชายทำให้เหนียงเหนียงผิดหวังไม่ได้เด็ดขาด!”

“เสด็จแม่เป็นอะไรไป?” ชิงหยวนจุนถามด้วยสายตาจริงจัง

เหมียวอี้ลังเลครู่หนึ่ง แล้วสุดท้ายก็พูดเหมือนฝืนใจว่า “ที่องค์ชายถูกลดตำแหน่ง ทราบไหมว่าเพราะอะไร?”

ชิงหยวนจุนไม่รู้ว่าเขาโยงมาประเด็นนี้เพราะมีเจตนาอะไร จึงถามหยั่งเชิง “คงจะเป็นเพราะแผนของตระกูลอิ๋งละมั้ง หรือว่าตระกูลอิ๋งลงมือกับเสด็จแม่อีก? ตระกูลเซี่ยโห้วล่ะ? ตระกูลเซี่ยโห้วจะนิ่งดูดาบเชียวหรือ?” ตอนพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าค่อนข้างดุร้าย

เหมียวอี้กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ในเมื่อองค์ชายรู้ว่าเป็นแผนของตระกูลอิ๋ง แต่ทราบหรือเปล่าว่าเหนียงเหนียงทำอะไรไปบ้างเพื่อล้างแค้นให้องค์ชาย? ไม่ปิดบังองค์ชาย เรื่องของครอบครัวสนมฉิน เหนียงเหนียงสั่งให้ข้าน้อยไปทำ”

“…” ชิงหยวนจุนเบิกตากว้างทันที อุทานว่า “ไม่ใช่ตระกูลเซี่ยโห้วทำเหรอ? เจ้าบ้าไปแล้ว นั่นคือสนมของเสด็จพ่อนะ ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปง เจ้ารู้ถึงผลที่ตามมาหรือเปล่า?”

เหมียวอี้กล่าวเสียงต่ำว่า “ข้าน้อยล่วงเกินคนไว้เยอะเกินไป ไม่มีทางถอยกลับแล้ว เหนียงเหนียงกับองค์ชายก็คือที่พึ่งสุดท้ายของข้าน้อย! และนี่ก็คือสาเหตุของศึกสระน้ำมังกรดำ ตระกูลอิ๋งต้องการจะตัดปีกของเหนียงเหนียง ตอนนี้เหนียงเหนียงแบกรับความกดดันอย่างหนัก ข้าน้อยไม่เสียดายที่จะนำกำลังพลหนึ่งแสนแดนรัตติกาลกระโดลงกับดักเพื่อทำศึกเลือดกับทัพตะวันออกห้าล้าน ในที่สุดก็ลำบากผ่านด่านนี้ไปได้ แต่องค์ชายทราบหรือเปล่า ว่าองค์ชายก็คืออนาคตของเหนียงเหนียง ถ้าองค์ชายไร้ความฮึกเหิม ทั้งหมดที่เหนียงเหนียงกับข้าน้อยทำไปก็จะไร้ความหมายแล้ว องค์ชายควรจะทราบไว้ ว่าสิ่งที่ตระกูลเซี่ยโห้วสนใจก็คือผลประโยชน์ของตระกูล ที่จริงแล้วเหนียงเหนียงอยู่ในวังอย่างโดดเดียวไร้ที่พึ่ง สิ่งเดียวที่เฝ้าหวังก็คืออนาคตขององค์ชาย หรือว่าองค์ชายทนเห็นเหนียงเหนียงเป็นอย่างนี้ต่อไปได้จริงๆ? หรือว่าองค์ชายทนดูเหนียงเหนียงถูกคนรังแก? ถึงยังไงเหนียงเหนียงก็เป็นราชินีสวรรค์มารดาแห่งใต้หล้านะ! ทำไมองค์ชายทนเห็นเหนียงเหนียงรับความอัปยศเช่นนี้ได้?”

“หัวหน้าภาคหนิวไม่ต้องพูดอีกแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้ว!” ชิงหยวนจุนตาแดงแล้ว เม้มริมฝีปากแน่นนานมาก รอจนกระทั่งอารมณ์สงบลงแล้ว ก็เอียงหน้ามองด้านนอกพร้อมถามว่า “นี่เจ้าตั้งใจเตรียมเองเหรอ? ไม่อย่างนั้นจะบังเอิญอะไรขนาดนี้ ให้ข้ามาส่งอาหารให้พอดี”

เหมียวอี้ตอบว่า “องค์ชาย เรื่องนี้ไม่สำคัญ เป็นเหนียงเหนียงที่สั่งให้ข้าน้อยมา องค์ชายลองดูว่าจำเป็นต้องใช้อะไรอีกมั้ย ข้าจะหาทางใช้โอกาสนี้เตรียมให้เรียบร้อย!”

ชิงหยวนจุนได้ยินแล้วลุกขึ้นอย่างเก้อเขินนิดหน่อย ตอบเหมือนไม่ได้ใส่ใจว่า “บนตัวมีทรัพยากรฝึกตนหรือเปล่า ให้ข้าหน่อย”

“… “เหมียวอี้อึ้งทันที แล้วถามอย่างสงสัยว่า “กองทัพองครักษ์มีค่าใช้จ่ายเยอะเหรอ? องค์ชาย ใช้จ่ายมากเกินไประวังถูกคนเปิดโปงตัวตนนะ ข้าน้อยคิดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ฝ่าบาทอยากเห็น”

“เจ้าคิดไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้ข้ามีแค่ค่าจ้างตามปกติ พอมาอยู่ที่นี่ ในวังก็ไม่ส่งเงินให้ข้าแล้ว” ชิงหยวนจุนกล่าวอย่างจนใจ

เหมียวอี้เข้าใจกระจ่างในฉับพลัน พบว่าประมุขชิงโหดจริงๆ กำลังลับคมอย่างจริงจัง แม้แต่ทรัพยากรฝึกตนพื้นฐานก็ไม่ให้ ก่อนหน้านี้องค์ชายอยู่ที่วังสวรรค์ไม่เคยขาดอะไรเลย แม้ค่าจ้างกองทัพองครักษ์จะไม่น้อย แต่ถ้าอยากจะเติมเต็มทรัพยากรฝึกตนของท่านนี้ ก็ถือว่าแตกต่างไม่ใช่น้อย อย่างไรเสียก็เป็นแค่พลทหารคนหนึ่ง

“มีๆๆ” เหมียวอี้รีบค้นของจากกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งให้เขาทันที แต่ก็ยังถามอย่างแปลกใจนิดหน่อย “เรื่องนี้องค์ชายไม่เคยบอกเหนียงเหนียงเลยเหรอ?”

ตามหลักแล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะทนเห็นลูกชายได้รับความลำบากได้อย่างไร ทรัพย์สินที่เขาส่งขึ้นมาถวายเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ไม่น้อย ท่านนี้ยังขาดแคลนอีกหรือ?

ชิงหยวนจุนที่รับของมาแล้วอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย “ตั้งแต่เด็กจนโตข้าไม่เคยขออะไรพวกนี้จากเสด็จแม่เลย เรื่องที่เจ้าให้ของข้า อย่าให้เสด็จแม่รู้นะ”

เหมียวอี้เข้าใจอีกแล้ว ของพวกนี้ไม่สะดวกจะเอ่ยปากขอ ที่อีกฝ่ายกระบิดกระบวนมาเอ่ยปากขอจากเขาได้ ก็เพราะกลัวจนแล้วจริงๆ ถ้าพูดจากบางมุม อีกฝ่ายก็เริ่มมองเขาเป็นพวกเดียวกันแล้ว นี่เป็นเรื่องดี เหมียวอี้พยักหน้าซ้ำๆ “เข้าใจ เข้าใจ วางใจเถิด เรื่องนี้มีแค่ฟ้าดินและท่านกับข้าที่รู้ ดังนั้นต่อไปนี้ถ้าองค์ชายต้องการอะไรก็ติดต่อข้าได้เลย ข้าจะเตรียมให้ ไม่ให้เหนียงเหนียงรู้แน่ขอรับ”

สภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเพราะความจนหายไปแล้ว ในที่สุดก็ไม่ต้องเห็นคนงานในร้านค้าพวกนั้นกลอกตาใส่อีกแล้ว ชิงหยวนจุนอารมณ์ดีมาก “เจ้าโจมตีทัพใหญ่ห้าล้านของอิ๋งจิ่วกวงแตกพ่ายจริงเหรอ? สถานการณ์เป็นยังไงกันแน่ เล่าให้ข้าฟังหน่อย”

นอกจากบางอย่างที่ไม่สะดวกจะพูด ที่เหลือเหมียวอี้ก็ไม่ปิดบังเขา แม้แต่เรื่องที่เจรจากับอิ๋งจิ่วกวงก็เล่าด้วย เดิมทีก็จะหาข้ออ้างคุยเรื่องนี้กับเขาอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นที่เก็บได้ก็จะกลายเป็นปัญหา ต้องหาใครสักคนที่สามารถต้านอันตรายได้

เริ่มตั้งแต่ทัพใหญ่หนึ่งแสนแดนรัตติกาลเข้าสระน้ำมังกรดำ จนกระทั่งจับเผ่าเทพอสรพิษดำมาร่วมรบ จากนั้นก็กระจายข่าวลือ วางกับดัก โจมตีขนาบ ล่อข้าศึก วางอุบายข้าศึก ควบคุม  ชิงหยวนจุนฟังการระดมกำลังเข่นฆ่าที่ต่อเนื่องกันจนหัวใจทะยานใฝ่หา มองเหมียวอี้ด้วยแววตาเป็นประกาย พบว่าท่านนี้ช่างโหดนัก กล้านำกำลังพลหนึ่งแสนไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างสระน้ำมังกรดำเพื่อสู้กับทัพห้าล้านของตระกูลอิ๋ง ไม่น่าเชื่อว่าจะสู้จนผลลัพธ์กลายเป็นอย่างนี้แล้ว เขาเองก็นับถือแล้วเช่นกัน

“สมคำร่ำลือ ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าทำไมในปีนั้นสี่อ๋องสวรรค์ถึงอยากให้ลูกสาวหลานสาวแต่งงานกับเจ้า ช่างเป็นแม่ทัพที่ห้าวหาญจริงๆ การที่เสด็จแม่ได้แม่ทัพแบบนี้มาช่วยถือเรื่องน่ายินดีมาก!” ชิงหยวนจุนกล่าวชมด้วยความทึ่ง

เหมียวอี้โบกมือ “องค์ชายชมเกินไปแล้ว อ๋าวเฟยนั่นมีลักษณะของแม่ทัพใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะเจออุปสรรคหลายอย่าง ศึกนี้ใครจะชนะก็ยังไม่แน่เลย ทัพใหญ่แดนรัตติกาลรบตายไปเกือบสี่หมื่น เผ่าเทพอสรพิษดำก็ยิ่งสละชีวิตกำลังพลไปหนึ่งล้าน คำพูดที่อ๋องอสรพิษดำตำหนิข้าน้อยยังดังอยู่ในหูอยู่เลย!”

“ทหารที่รบตายพวกนั้นล้วนเป็นตัวอย่างที่ดี มอบเงินบำรุงขวัญอย่าให้ขาดตกบกพร่อง” ชิงหยวนจุนกล่าวอย่างเสียดายเช่นกัน

“ขอรับ!” เหมียวอี้กุมหมัดเอ่ยรับ แต่ในใจกลับพึมพำว่า เงินบำรุงขวัญเกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ เจ้าก็พูดได้คล่องปาก เจ้าหาเงินได้มั้ยล่ะ?

“อิ๋งอู๋หม่าน เจ้าเตรียมจะจัดการยังไง?”

“เอาเป็นว่าส่งคืนให้ตระกูลอิ๋งไม่ได้ ข้าน้อยเก็บไว้ก็ยังมีประโยชน์ จะให้ตระกูลอิ๋งเอาแต่ลงมือกับข้าไม่ได้ ควรจะเป็นข้าที่สะสางบัญชีกับตระกูลอิ๋งบ้าง”

ทั้งสองไม่สะดวกจะคุยกันนานเกินไป เดินออกจากถ้ำมาทีละคน พอเหมียวอี้มาถึงที่ลับตาคนแล้ว ก็ทรยศชิงหยวนจุนทันที พอหันหลังให้ก็ทรยศเลย รับปากแล้วว่าจะไม่บอกเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แต่ก็บอกทันที ล้อเล่นอะไรกัน เรื่องที่สามารถประจบเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้ เขาจะไม่พูดได้อย่างไร!

ทางตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แอบปาดน้ำตาอยู่ในห้องแล้ว นึกไม่ถึงว่าลูกชายจะน่าสงสารขนาดนี้ มารดาอย่างนางไม่รู้เรื่องเลยสักนิด แต่ก็รู้สึกว่าสิ่งที่เหมียวอี้กำชับไว้นั้นถูกต้องแล้ว ตนจะเปิดโปงเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นลูกชายจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน นางได้แต่กำชับเหมียวอี้ว่าต่อไปนี้ให้ติดต่อกับชิงหยวนจุนมากๆ หน่อย ขาดเหลืออะไรก็ให้คิดหาทางช่วยจัดการ เหมียวอี้ย่อมรับประกันซ้ำๆ

นี่ยังไม่เท่าไร เมื่อได้ยินว่าเหมียวอี้บอกความลับบางอย่างที่ไม่ควรเปิดเผยให้ชิงหยวนจุนรู้ ทั้งยังให้นางแอบยุยงให้ชิงหยวนจุนรายงานต่อประมุขชิงอย่างซื่อสัตย์ นางก็ตกใจทันที ดึงดันปฏิเสธว่า : จะทำได้ยังไง? ไม่ได้!

เหมียวอี้รู้ว่านางกลัวอะไร กลัวว่าประมุขชิงจะรู้เรื่องสนมฉิน จึงโน้มน้าวว่า : เหนียงเหนียงคิดว่าฝ่าบาทไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเรื่องสนมฉินมีใครบงการ? ฝ่าบาทแค่แกล้งโง่ก็เท่านั้นเอง เหนียงเหนียง ขอเพียงเป็นประโยชน์ต่อมุมมองที่ฝ่าบาทมีต่อองค์ชาย เหนียงเหนียงกับข้าน้อยจะได้รับความอยุติธรรมบ้างจะเป็นไรไป ตราบใดที่ฝ่าบาทเห็นความสำคัญขององค์ชาย ก็จะไม่แตะต้องคนขององค์ชาย…

ด้วยความที่โน้มน้ามซ้ำแล้วซ้ำอีก ถึงได้ทำลายความกังวลของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้

…………………