บทที่ 1117 ได้รับภารกิจเร่งด่วนโดยไม่คาดฝัน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,117 ได้รับภารกิจเร่งด่วนโดยไม่คาดฝัน

หลินเป่ยเฉินตอบโดยไม่ลังเลว่า “ข้าน้อยพบเห็นชายชราเปลือยกายผู้หนึ่งขอรับ”

เขาไม่ได้ปิดบัง

เมื่อตอบออกไปเช่นนี้ เด็กหนุ่มก็รอดูปฏิกิริยาของลู่กวนไห่

เพราะเขาอยากจะทราบว่าลู่กวนไห่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับความลับในเมืองไป๋หยุนหรือไม่

ฉู่อวิ๋นซุนฝึกพลังของพวกเผ่าปีศาจ ท่านเจ้าเมืองคนเก่าก็น่าจะถูกวิญญาณปีศาจเข้าสิง หญิงสาวผู้นี้เป็นอดีตคนรักเก่าของอาจารย์เขา นางมีฝีมือกระบี่ดีเลิศเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ต้องเข้ากับพวกลัทธิปีศาจ อย่างน้อยก็ได้รับยกย่องให้เป็นมือกระบี่หญิงที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง

หลินเป่ยเฉินพูดออกไปโดยไม่หวาดกลัว

นี่คือเรื่องใหญ่

หากเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ เขาก็มีอากวงคอยช่วยเหลืออยู่ทั้งตัว เมื่อเขากับสัตว์เลี้ยงคู่ใจผนึกกำลังกัน มีหรือจะเอาชนะลู่กวนไห่ไม่ได้?

แต่ที่ยังแสดงกิริยามารยาทอ่อนน้อมต่อลู่กวนไห่เช่นนี้ ก็เพราะเด็กหนุ่มเห็นแก่หน้าอาจารย์ติงเท่านั้น

“เจ้าพบกับท่านเจ้าเมืองคนเก่าอย่างนั้นหรือ?”

ดวงตาของลู่กวนไห่เป็นประกายวูบวาบอย่างแปลกประหลาด “เจ้าได้ปลุกเขาขึ้นมาหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะออกมาเล็กน้อย “อาจารย์อาลู่หมายถึงปลุกใครล่ะขอรับ?”

หมายถึงเขาไปปลุกท่านเจ้าเมืองคนเก่า

หรือไปปลุกวิญญาณปีศาจที่สิงอยู่ในตัวท่านเจ้าเมืองคนเก่ากันแน่?

ลู่กวนไห่ไม่ได้ตอบ

นางกวาดสายตาสำรวจมองหลินเป่ยเฉินขึ้น ๆ ลง ๆ อีกพักใหญ่ จากนั้นจึงโบกมือและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไปได้แล้ว”

แค่นี้เองหรือ?

หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวต่อสู้เสียดิบดี

คิดไม่ถึงเลยว่าอดีตคนรักของอาจารย์กลับเลือกที่จะปล่อยเขาไปง่าย ๆ

“ขอบคุณอาจารย์อาลู่มากขอรับ”

หลินเป่ยเฉินประสานมือคำนับด้วยความดีใจ และกำลังจะก้าวเดินออกมา

“หยุดก่อน”

ลู่กวนไห่หันกลับมามองหน้าเขาด้วยแววตาเย็นเยียบ แต่ความเย็นเยียบในแววตานั้นยังไม่เท่ากับที่ปรากฏอยู่ในน้ำเสียงของนาง “เมื่อครู่ เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”

“ฮูหยินขอรับ…”

หลินเป่ยเฉินอยากยกมือตบปากตัวเองยิ่งนัก “ขอบคุณฮูหยินมากขอรับ”

เฮ้อ ปากเกือบพาซวยแล้วสิ

ลู่กวนไห่คงไม่อยากให้ตนเองกลับไปข้องเกี่ยวกับติงซานฉืออีกแล้วกระมัง?

ลู่กวนไห่มองหลินเป่ยเฉินด้วยสีหน้าเย็นชา เงียบงันอยู่เนิ่นนาน เขาจึงไม่ทราบเลยว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากนั้น หญิงสาวจึงได้กล่าวออกมาว่า “ข้าพบว่ากระบี่ที่ถูกทิ้งอยู่ในเขตรอบนอกของสุสานถูกผู้คนขโมยไปหมดสิ้น”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปหน้าตาเฉย “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าน้อยขอรับ”

ลู่กวนไห่กล่าวออกมาอีกครั้ง “กระบี่คุณภาพดีหลายร้อยเล่มในเขตสุสานชั้นในก็ถูกขโมยไปด้วยเช่นกัน”

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ก็ยังไม่เกี่ยวกับข้าน้อยอยู่ดีขอรับ… หืม? เป็นกระบี่คุณภาพดีหลายร้อยเล่มเชียวหรือ?”

ดวงตาของลู่กวนไห่เป็นประกายวาวโรจน์ขึ้นมาทันที “เจ้าจะยอมรับสารภาพหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินพลันยกมือชี้ท้องฟ้าพร้อมกับกล่าวว่า “ฮูหยินขอรับ หากท่านไม่เชื่อข้า ข้าขอสาบานต่อท้องฟ้าผืนนี้ หากข้าขโมยกระบี่เหล่านั้นติดตัวออกมาจริง ๆ ก็ขอให้ข้า… เอ่อ… ขอให้ข้า… ปราศจากสตรีขึ้นเตียงอีกต่อไปจนวันตายเลยขอรับ”

ลู่กวนไห่ขมวดคิ้วหน้ายุ่ง สำหรับบุคคลอย่างหลินเป่ยเฉิน ต่อให้ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้านักบวชแห่งวิหารหลวง ก็คงไม่กล้าเอ่ยคำสาบานที่รุนแรงเช่นนี้ออกมาแน่ ๆ

หรือว่าเด็กผู้นี้จะไม่ได้ขโมยกระบี่เหล่านั้นไปจริง ๆ?

เมื่อหลินเป่ยเฉินเห็นสีหน้าลังเลของอีกฝ่ายก็รีบกล่าวเสียงดังว่า “ข้าน้อยขอสาปแช่งตัวชั่วร้ายที่ขโมยกระบี่เหล่านั้น ขอให้พวกมันตายโดยไม่มีแผ่นดินกลบฝัง ขอให้ซากศพของพวกมันถูกเผาไหม้จนเหลือแต่ศีรษะ เมื่อเหลือแต่ศีรษะแล้ว ศีรษะของพวกมันก็ยังถูกผู้คนนำมาเสียบประจาน ครอบครัวของพวกมันต้องพังพินาศ บ้านแตกสาแหรกขาด…”

อากวงที่ยืนอยู่ด้านข้างได้แต่กอดกระเป๋านักเรียนในอ้อมแขนของมันแน่นขณะก้มหน้ามองพื้นดิน

ลู่กวนไห่พ่นลมผ่านทางจมูกและกล่าวว่า “เจ้าไปได้แล้ว”

หลินเป่ยเฉินรีบจับมืออากวงวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

แต่วิ่งออกมาได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ก็ได้ยินเสียงลู่กวนไห่ดังขึ้นทางด้านหลังว่า “หยุดก่อน”

หลินเป่ยเฉินหันมองกลับไป

มีอะไรอีก?

ลู่กวนไห่พูดว่า “จงจำเอาไว้ ต่อจากนี้ไป อย่าได้เรียกหาข้าเป็นอาจารย์อาอีก”

“อ้อ รับทราบขอรับ ฮูหยิน”

หลินเป่ยเฉินประสานมือคำนับและหมุนตัววิ่งจากไป

เมื่อเห็นหนึ่งคนหนึ่งมุสิกหายลับไปจากสายตา สีหน้าของลู่กวนไห่ก็มีความสงบสุขุมมากขึ้น

และเมื่อเห็นรูโหว่ที่ปรากฏอยู่ตามเสาหินและพื้นดินซึ่งเคยเป็นตำแหน่งที่กระบี่จำนวนมากถูกปักทิ้งเอาไว้ หญิงสาวก็คล้ายกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เจ้าหนูอสูรหางกุดตัวนั้นบนแผ่นหลังสะพายกระเป๋าใบหนึ่ง

ในอ้อมแขนของมันยังกอดกระเป๋าอีกหนึ่งใบ

กระบี่ที่หายไปต้องอยู่ที่เจ้าหนูตัวนี้แน่นอน

ภายใต้ความเงียบงัน ลู่กวนไห่มีสีหน้าคล้ายไม่เข้าใจในอะไรบางอย่าง นางยังคงจ้องมองไปยังทิศทางที่หลินเป่ยเฉินกับสัตว์เลี้ยงของเขาวิ่งหายลับไปด้วยแววตาเย็นชา

เด็กหนุ่มผู้นี้มีสถานะเป็นถึงหัวหน้านักบวชแห่งวิหารหลวง อาวุธคู่กายของเขาคือกระบี่เงินที่สามารถสังหารขั้นเซียนระดับหกได้อย่างง่ายดาย ต่อให้นำกระบี่ทุกเล่มในสุสานแห่งนี้มารวมกัน ก็ยังเทียบกับกระบี่ของเขาเล่มเดียวไม่ได้ เพราะฉะนั้น หลินเป่ยเฉินจะขโมยพวกมันไปเพื่ออะไร?

นางก้าวเท้าไปหยุดยืนอยู่หน้าทางเข้าสุสานใต้ดิน แต่ก็หยุดยืนอยู่เพียงแค่นั้น ไม่ได้เดินต่อไปอีก

คลื่นความร้อนยังแผ่ออกมาจากด้านในอุโมงค์

ลู่กวนไห่ยืนรับลมร้อน ไร้การเคลื่อนไหว

ราวกับหญิงสาวตั้งใจจะใช้กระแสลมร้อนเหล่านี้ละลายความเย็นชาในหัวใจของตนเอง

“เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างนี้แหละขอรับ”

หลินเป่ยเฉินบอกเล่าเหตุการณ์ที่เขาประสบพบเจอในสุสานกระบี่รวดเดียวจบ

แน่นอนว่าเด็กหนุ่มย่อมไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวที่ตนเองขโมยกระบี่ ไปจนถึงเรื่องที่ค้นพบกระบี่เพลิงโลกันตร์ก็ไม่ได้บอกผู้ใดเช่นกัน

เมื่อพวกของติงซานฉือรับฟังจบลง สีหน้าของพวกเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที

ดูเหมือนสถานการณ์จะเลวร้ายกว่าที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้

หากจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ไม่ดีพอ เมืองไป๋หยุนคงถึงคราวล่มสลายแน่ ๆ

ติงซานฉือถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนพวกเราคงต้องหาวิธีแก้ปัญหาระยะยาวแล้วสิ”

หลินเป่ยเฉินรีบส่งเสียงแทรกขึ้นมาว่า “อาจารย์ขอรับ ศิษย์ได้ทำตามคำสั่งของอาจารย์แล้ว และบัดนี้อาจารย์ก็มีสถานะเป็นเจ้าสำนักกระบี่อมตะ เรื่องราวต่อจากนี้ คงต้องเป็นหน้าที่ของอาจารย์แต่เพียงผู้เดียว อย่าให้ศิษย์เข้าไปก้าวก่ายอีกเลย อีกอย่าง บัดนี้ศิษย์ยังไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นลูกศิษย์ของเมืองไป๋หยุนอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ และศิษย์ก็ยังต้องเตรียมตัวสำหรับการประลองกระบี่ที่กำลังจะเกิดขึ้น”

คราวนี้ ติงซานฉือไม่ได้นำคำสัญญาบนเรือเหาะวิหคยักษ์มากดดันหลินเป่ยเฉินอีก

“ไม่เป็นไร เจ้าไปเตรียมตัวเข้ารับการประลองเถอะ”

ชายชราปล่อยผ่าน

เมื่อหลินเป่ยเฉินได้ยินคำตอบนั้น เขาก็กำลังจะหมุนตัวเดินออกมาอย่างมีความสุข

“แต่ช้าก่อน”

ติงซานฉือโพล่งขึ้นมาอีกครั้ง

หลินเป่ยเฉินหยุดเท้าด้วยความหงุดหงิดใจ

อาจารย์ติงกับอดีตคนรักเก่ามีนิสัยคล้ายกันจริง ๆ

มีอะไรทำไมไม่พูดให้จบไปเลยนะ?

ทำไมต้องรอให้คนเดินออกมาแล้วค่อยพูด?

หลังจากนั้น เขาก็ได้ยินติงซานฉือกล่าวอย่างแช่มช้าว่า “วิธีการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มขั้นพลังให้ผู้ฝึกยุทธ์ในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างที่เจ้าเคยทำกับพวกเราน่ะ หากมีเวลา เจ้าก็มาช่วยสอนให้ลูกศิษย์ในสำนักกระบี่อมตะออกกำลังกายบ้างสิ อีกไม่ช้าก็เร็ว เมืองไป๋หยุนจะต้องเกิดสงครามขึ้นแน่ ๆ และเมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็ไม่ทราบเลยว่าจะมีคนกี่มากน้อยที่สามารถรอดชีวิตไปได้”

เมื่ออิ๋นซานกับสือจงเซิ่งได้ยินดังนั้นก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

บัดนี้ พวกเขากำลังทำตามคำสั่งของติงซานฉือด้วยการถ่ายทอดเคล็ดวิชาลับสุดยอดประจำสำนักให้แก่ลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ซึ่งพฤติกรรมนี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์หลายร้อยปีของเมืองไป๋หยุน

แต่การเพิ่มขั้นพลังในระยะเวลาอันสั้น คือสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้

ไม่ว่าวิธีการใดก็ทำไม่ได้

แต่บัดนี้ ติงซานฉือกลับกำลังขอร้องให้หลินเป่ยเฉินช่วยฝึกฝนคนของสำนักกระบี่อมตะ เพื่อเพิ่มขั้นพลังในระยะเวลาอันสั้น?

นั่นเป็นเพราะว่าติงซานฉือเคยเห็นอิทธิฤทธิ์การออกกำลังกายของหลินเป่ยเฉินตอนอยู่ในสถานศึกษากระบี่ที่สามประจำเมืองหยุนเมิ่งด้วยตาของตนเองมาแล้ว เมื่อพวกเขาออกกำลังกายตามแบบแผนของหลินเป่ยเฉิน บรรดาลูกศิษย์และคณะอาจารย์ในสถานศึกษากระบี่ที่สามจำนวนมาก ก็สามารถเลื่อนขั้นพลังได้อย่างปาฏิหาริย์

ดังนั้นติงซานฉือจึงตั้งความหวังว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้อีกครั้ง

หลินเป่ยเฉินเดินออกมา ตอบโดยไม่เหลียวหน้ามองกลับไปว่า “ได้ขอรับท่านอาจารย์ ศิษย์จะพยายามให้ดีที่สุด”

แต่ในใจเด็กหนุ่มกำลังพูดว่าครั้งนี้เขาช่วยไม่ได้จริง ๆ

ภารกิจเลื่อนระดับพลังอย่างก้าวกระโดดนั้น เป็นสิ่งที่แอปพลิเคชัน Keep จะเสนอขึ้นมาเอง เขาไม่สามารถกำหนดได้ตามใจชอบสักหน่อย

เพราะฉะนั้น อาจารย์ติงจะมาฝากความหวังเอาไว้ที่เขาไม่ได้เด็ดขาด

เด็กหนุ่มเดินอ้อมเข้าไปทางลานด้านหลังของตึกที่พัก เตรียมตัวเข้าสู่ห้องนอนเพื่อพักผ่อนให้เต็มที่

คืนนี้เขาสูญเสียเรี่ยวแรงไปไม่น้อย ซ้ำยังถูกพลังจิตจากท่านเจ้าเมืองคนเก่าเล่นงานจนแทบประสาทหลอน อย่างน้อยก็สมควรพักผ่อนให้เต็มที่สักตื่นหนึ่ง

แต่เพียงเอนกายลงบนเตียงนอนเท่านั้น เสียงข้อความแจ้งเตือนก็ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ

“ติ๊ง!”

‘คุณได้รับภารกิจเลื่อนขั้นพลังอย่างก้าวกระโดดจากแอปพลิเคชัน Keep สนใจกดรับภารกิจหรือไม่?’

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต

เชี่ย

อย่าบอกนะว่าคำพูดของอาจารย์ติงคือตัวเหนี่ยวนำภารกิจ?

ทำไมเมื่อชายชราพูดถึงเรื่องการออกกำลังกาย แอปพลิเคชัน Keep ก็มอบภารกิจมาให้ทันที?

หลินเป่ยเฉินที่ตั้งใจจะนอนหลับสักตื่นหนึ่งต้องรีบลุกขึ้นมาจากเตียงนอน และนำโทรศัพท์มือถือออกมากดดูแอป Keep เพื่อสำรวจรายละเอียดของภารกิจครั้งใหม่

แต่นี่ถือเป็นเรื่องดี

เพราะทุกครั้งที่แอปพลิเคชัน Keep มอบภารกิจให้กับเขา คุณชายหลินผู้นี้ก็จะมีความแข็งแกร่งขึ้นเสมอ!!