บทที่ 1872 กลับมาแล้ว

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

โม่โหยวที่รับตำแหน่งนี้ต่อก็ถูกกดดันจนไร้ทางเลือกเช่นกัน!

หลังจากอ๋องอสรพิษดำเข้าใจรายละเอียดสถานการณ์รบแล้ว รู้ว่าเหมียวอี้เป็นฝ่ายหยุดการต่อสู้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เผ่าเทพอสรพิษดำเสียสละชีวิตมากไปกว่านี้ ไม่ต่างอะไรกับการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนาง นางก็ย่อมต้องทำตามคำสาบานของตัวเองเช่นกัน นางจะไปรู้สาเหตุอื่นที่เหมียวอี้หยุดการรบได้อย่างไร อย่าว่าแต่นางเลย ตอนนี้ทั้งใต้หล้าก็มีคนรู้ไม่เยอะเช่นกัน

เผ่าเทพอสรพิษดำย่อมไม่ยอมให้อ๋องอสรพิษดำลงจากตำแหน่ง ทว่าอ๋องอสรพิษดำบอกว่านางสาบานเพื่ออนาคตของคนในเผ่า เหมียวอี้ถึงได้หยุดการสู้รบ นางมิอาจทรยศคำสาบาน ต้องถอยออกจากตำแหน่งให้ได้ ทางเผ่าเทพอสรพิษดำก็ไม่มีทางเลือกแล้วเช่นกัน ถึงขนาดสาบานแล้ว รู้ว่าขัดขวางไม่ได้แล้ว

โม่โหยวปฏิเสธหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ผล อ๋องอสรพิษดำใช้คำสั่งอ๋อง นางจึงต้องฝืนใจรับไว้ เพียงแต่ย้ำหลายครั้งว่า ขอเพียงอ๋องอสรพิษดำกลับมา นางก็พร้อมจะยื่นตำแหน่งอ๋องให้เสมอ

อ๋องอสรพิษดำไม่ใช่อ๋องอสรพิษดำอีกแล้วเหรอ? ยังคิดจะขอให้หัวหน้าภาคเก็บนางไว้ด้วย? พวกชิงเยว่ประหลาดใจไม่หยุด นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?

เหมียวอี้ย่อมเข้าใจคำพูดของอ๋องอสรพิษดำว่าหมายถึงอะไร ดูท่าแล้วอุบายตื้นๆ นั้นของตนจะได้ผลแล้ว บีบให้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นทาสได้แล้วจริงๆ เพียงแต่ดูจากที่ผู้หญิงคนนี้ประกาศออกมาอย่างเปิดเผย ก็เห็นได้ชัดว่าต้องการแยกแยะความความสัมพันธ์กับเผ่าเทพอสรพิษดำก่อนเพื่อป้องกันความผิดพลาด

ขณะที่สบสายตากับอ๋องอสรพิษดำ เหมียวอี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อน ทำร้ายจนเผ่าเทพอสรพิษดำตายไปเยอะขนาดนั้น เขาจึงไม่เอ่ยถึงเรื่องคำสานบานนั่นแล้ว ถึงไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะทำจริง

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เหมียวอี้ก็ไม่ปฏิเสธผลประโยชน์ที่มาส่งถึงหน้าประตูบ้าน ตะโกนถามว่า “พูดจากใจจริงหรือเปล่า?”

ซิง อ๋องอสรพิษดำตอบเสียงดัง “ฟ้าดินเป็นพยาน!”

เหมียวอี้พยักหน้าเบาๆ แล้วเอียงหน้าบอกใบ้คนข้างๆ มีคนเข้ามาผนึกวรยุทธ์บนร่างกายอ๋องอสรพิษดำทันที หลังจากค้นตัวแล้วถึงได้ปล่อยนางเข้ามา

หลังจากทั้งสองมายืนเผชิญหน้ากัน เหมียวอี้ถึงได้ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ทำไมเจ้าต้องลำบากทำขนาดนี้ ตอนนี้กลับคำพูดก็ยังไม่สาย ข้าจะทำเหมือนเจ้าไม่เคยตอบตกลงมาก่น”

อ๋องอสรพิษดำไม่เปลี่ยนท่าที กล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม “ข้าไม่กลืนคำพูดตัวเอง”

เป็นอย่างที่คาดไว้ เหมียวอี้รู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางเอาอนาคตของคนในเผ่ามาเสี่ยง จึงไม่พูดอะไรมากแล้ว เก็บนางเข้ากระเป๋าสัตว์เสียเลย อย่างไรเสียผู้หญิงคนนี้ก็วรยุทธ์สูงเกินไป ถ้าไม่ป้องกันไว้ก่อนคงไม่ได้ จากนั้นก็โบกมือตะโกนว่า “ออกเดินทาง!” แล้วเหาะขึ้นฟ้านำไปก่อน

ทัพใหญ่ทะยานฟ้าตามขึ้นไป เหาะไปยังจุดลึกของดาราจักรอย่างรวดเร็ว

โม่โหยวสะอึกสะอื้น กลุ่มผู้อาวุโสเงยหน้ามองตาม…

“กองทัพองครักษ์ถอนกำลังออกจากสระน้ำมังกรดำเร็วขนาดนั้นเชียวเหรอ?” ฮ่าวเต๋อฟางที่เดินอยู่ระหว่างตึกศาลาหันกลับมาช้าๆ ถามด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง

“ไม่ผิดค่ะ ถอนกำลังออกไปแล้วจริงๆ” ซูอวิ้นพยักหน้า

ฮ่าวเต๋อฟางครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วสุดท้ายก็ตบระเบียงเบาๆ เงยหน้าถอนหายใจบอกว่า “อิ๋งจิ่วกวงเอ๋ยอิ๋งจิ่วกวง ได้รับความเป็นธรรมมั้ยล่ะ”

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่ยืนอยู่ใต้ชายคาของเรือนที่สูงใหญ่ถอนหายใจเบาๆ “อิ๋งจิ่วกวงไม่ได้แพ้ด้วยน้ำมือหนิวโหย่วเต๋อ แต่ถูกประมุขชิงวางแผนเล่นงานเข้าแล้ว แต่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ถือว่าได้ทดสอบขีดจำกัดของประมุขชิงแล้ว ตอนนี้ประมุขชิงไม่ได้คิดจะถอดราชินีสวรรค์ออกจากตำแหน่งเลย”

จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ก่วงลิ่งกงที่นั่งสมาธิอยู่ในห้องหนังสือเงียบไปนานมาก สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ตำแหน่งราชินีสวรรค์นี้เล่นงานอิ๋งจิ่วกวงเสียยับเยินแล้ว เรื่องส่งเม่ยเอ๋อร์เข้าวังพักไว้ก่อน ดูไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้านางอยากจะไปหาหนิวโหย่วเต๋ออีกก็ให้นางไปเถอะ”

โกวเยว่เอ่ยรับ “ขอรับ!”

จวนอ๋องสวรรค์อิ๋ง แสงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า สะท้อนแสงอยู่ในแม่น้ำที่ไหลเอื่อย

อิ๋งจิ่วกวงเอามือไขว้หลังยืนเงียบอยู่ริมแม่น้ำนานมาก สองมือที่ไขว้หลังกำหมัดแน่นไม่ปล่อย แต่ใบหน้ากลับสงบนิ่งมาก

บรรดาอ๋องสวรรค์รู้ข่าวเรื่องกองทัพองครักษ์ถอนกำลังออกจากสระน้ำมังกรดำแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ คนอื่นล้วนมองออกถึงความหมายอันล้ำลึกที่แฝงอยู่ในนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมองไม่ออก บางทีเบื้องล่างอาจจะมองไม่เข้าใจ แต่คนที่อยู่ในสนามต่อสู้นั้นอย่างเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร

การที่กองทัพองครักษ์ไปสระดำมังกรดำก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะทำให้เขาเริ่มเข้าใจบางอย่างแล้ว แต่ตอนนี้กองทัพองครักษ์เหมือนมาพอเป็นพิธีแล้วก็ถอนกำลังออกไป การกระทำนี้เท่ากับตัดสินการคาดเดาของเขาแล้ว กองทัพองครักษ์มาเพื่อหนุนหลังหนิวโหย่วเต๋อเฉยๆ มาข่มไม่ให้ทัพใหญ่กล้าเข้าไปยุ่งเรื่องที่สระน้ำมังกรดำ กดดันให้เขาจนตรอกจนต้องวางมือ

หรือพูดได้อีกอย่างว่า ประมุขชิงไม่ได้เตรียมจะถอดราชินีสวรรค์ออกจากตำแหน่งเลย ตอนแรกที่เรียกจ้านหรูอี้กลับวังสวรรค์อย่างกะทันหัน ก็จงใจปล่อยข่าวให้เขาใจผิด ล่อให้เขายอมทุ่มเทช่วงชิงตำแหนางราชินีสวรรค์ให้จ้านหรูอี้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะทำไม่สำเร็จ มีหรือที่เขาจะทำถึงขั้นนี้

“เป็นข้าที่เพ้อฝันถึงอำนาจจนถูกหลอกใช้แล้ว!” อิ๋งจิ่วกวงเงยหน้าถอนหายใจขึ้นฟ้า “แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องสู้กับตระกูลเซี่ยโห้วอย่างเอาเป็นเอาตาย ข้าอยู่มาจนอายุปูนนี้ แต่กลับระงับอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าเซี่ยโห้วลิ่ง”

“เรื่องแลกเปลี่ยนกับหนิวโหย่วเต๋อยังดำเนินการต่อไปมั้ยคะ?” จั่วเอ๋อร์ถามหยั่งเชิง

อิ๋งจิ่วกวงตอบว่า “ทำต่อไป ถูกประมุขชิงเพ่งเล็งตั้งแต่แรก ตกหลุมพรางแล้ว ความเสียเปรียบนี้ยังไงก็ต้องรับไว้ ถ้าไม่เอาหลักฐานกลับมา จะให้ประมุขชิงจ้องจะข่มพวกเราต่อไปงั้นหรือ? ต้องเอาหลักฐานส่วนใหญ่กลับมาก่อน ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อจะเก็บไว้เองบ้าง แต่ก็ทำอะไรอ๋องผู้นี้ไม่ได้อยู่ดี ถ้ากล้าทำซี้ซั้วจริง อ๋องผู้นี้ก็จะโยนความผิดย้อนกลับไป ในอาณาเขตทัพตะวันออกถูกปล้น!”

จั่วเอ๋อร์พยักหน้า เข้าใจความหมายที่เขาสื่อแล้ว ถ้าในมือหนิวโหย่วเต๋อมีหลักฐานเยอะเกินไป เจ้าจะบอกว่าหนิวโหย่วเต๋อมาปล้นเอาหลักฐานไปก็จะฟังไม่ขึ้น กำลังพลหนึ่งแสนของหนิวโหย่วเต๋อจะกำจัดทัพเกรียงไกรจำนวนมาของเจ้าได้อย่างไร? แต่ถ้าหลักฐานในมือหนิวโหย่วเต๋อมีไม่มาก ก็สามารถโยนความผิดกลับไปได้เลย

วันต่อมา ดวงอาทิตย์ขึ้นยามเช้าตรู่ นอกประตูใหญ่ที่สูงตระหง่านของจวนอ๋องสวรรค์อิ๋ง อ๋าวเฟย หวังหย่วนเฉียว คงฮั่น ลู่ผิงฟาง อูจินหวน แม่ทัพใหญ่ห้าคนยื่นเรียงแถวกัน ทั้งหมดก้มหน้าเล็กน้อย อ๋าวเฟยคือคนที่สีหน้าแย่ที่สุด

รายงานมาเรียบร้อยแล้ว กำลังรออ๋องสวรรค์เรียกพบ

ตรงประตูมีเสียงฝีเท้าที่หนาแน่นดังอยู่พักหนึ่ง ทั้งห้าเงยหน้ามอง เห็นเพียงอิ๋งจิ่วกวงสวมชุดผ้าแพรของท่านอ๋อง ลักษณะท่าทางน่าเกรงขามนำคนกลุ่มหนึ่งออกมาด้วยตัวเอง

ในใจทั้งห้ารู้สึกสลดหดหู่ แม้แต่ประตูก็ไม่ให้เข้าไป ต้องการจะลงโทษพวกเขางั้นหรือ?

ใครจะคาดคิด “ฮ่าๆ” จู่ๆ อิ๋งจิ่วกวงที่ยืนอยู่บนบันไดก็ส่งเสียงหัวเราะอันเบิกบาน รีบเดินลงบันไดมา มาหมุนตัวอยู่ท่ามกลางคนห้าคนที่กำลังงุนงง มือข้างหนึ่งคว้าข้อมืออ๋าวเฟย มืออีกข้างคว้าข้อมือหวังหย่วนเฉียว แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ทุกคนลำบากแล้ว ไป อ๋องผู้นี้จัดงานเลี้ยงรับรองด้วยตัวเอง!”

อ๋าวเฟยกับหวังหย่วนเฉียวที่ถูกจูงไปมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่รู้ว่าจริงหรือโกหก ทั้งสามก็ตามไปติดๆ เช่นกัน

จนกระทั่งเห็นสุราหยกบนโต๊ะหรูหรา เห็นอาหารเลิศรสจัดวางเต็มโต๊ะ นางระบำกำลังเต้นระบำอย่างแช่มช้อย อิ๋งจิ่วกวงชูจอกสุราเชิญดื่ม พวกเขาก็ยังไม่ค่อยกล้าเชื่ออยู่ดี

จนกระทั่งงานเลี้ยงจบลง ตบรางวัลอย่างงามให้ทั้งห้าแล้ว อิ๋งจิ่วกวงก็ยิ่งยอมรับต่อหน้าทุกคนว่าความผิดไม่ได้อยู่ที่ตัวทั้งห้าคน แต่เป็นอิ๋งจิ่วกวงเอง ทั้งห้าถึงได้เชื่อว่าเป็นความจริง ถึงได้รู้ว่าท่านอ๋องใจกว้าง พวกเขาตระหนกในความเมตตาประนี รีบเรียงแถวแล้วคุกเข่าข้างเดียว รู้สึกซาบซึ้งใจไม่หยุด ในที่สุดก็ยกหินก้อนใหญ่ที่กดทับอยู่ในใจออกแล้ว

ขณะมองท่านอ๋องยิ้มอย่างสบายใจเหมือนคนไม่เป็นอะไร จั่วเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างกันกลับแอบร่ำร้องในใจ ยาแก่นเซียนหนึ่งหมื่นล้านล้านไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ใช่ว่าตระกูลอิ๋งจะนำออกมาไม่ได้ แต่ที่สำคัญคือถ้าจะให้นำออกมารวดเดียวภายในเวลาสั้นๆ นี้ ก็ต้องส่งผลกระทบต่อการใช้ของคนอื่นด้วย สิ่งนี้ค่อนข้างน่ากดดัน ตอนนี้ร้านค้าใหญ่แต่ละร้านในเครือกำลังรวบรวมเงินอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้ยาแก่นเซียนค่อนข้างขาดตลาด แล้วตอนนี้ท่านอ๋องก็ทุ่มตบรางวัลให้ห้าคนนี้อีกไม่น้อย ยิ่งทำให้กดดันมากขึ้นอีก

แล้วท่านนั้นของวังสวรรค์ดันกลัวว่าเรื่องนี้จะไม่คึกคัก ไม่น่าเชื่อว่าจะแอบส่งคนไปปล่อยข่าวลือ บอกว่ายาแก่นเซียนในใต้หล้ากำลังอยู่ในช่วงขาดตลาด แล้วคนก็ดันพากันเชื่อคำพูดเหลวไหล กอปรกับการซื้อจำนวนมากของฝั่งนี้ทำให้การซื้อขายขาดแคลนจริงๆ ทำให้คนแย่งกันซื้อ ภายใต้สถานการณ์ที่อุปทานไม่พอ ทำให้ยาแก่นเซียนราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว คาดว่าถ้าจำนวนยาแก่นเซียนในตลาดไม่เพิ่มขึ้นภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ก็เลิกคิดไปได้เลยว่าราคาจะลง

ตระกูลเซี่ยโห้วก็เข้าร่วมด้วย จงใจป่วนตลอด นอกจากจะเพิ่มแรงกดดันให้การซื้อของฝั่งนี้แล้ว ยังทำให้ขาดทุนหลายเท่าด้วย

การแลกเปลี่ยนกับหนิวโหย่วเต๋อมีเวลาจำกัด เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะปล่อยให้เจ้าถ่วงเวลาต่อไป ต่อให้ไม่อยากควักเนื้อก็ต้องควักเนื้อ

ส่วนเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนก็คือปล่อยคนของโถงชุมนุมอัจฉริยะก่อน แล้วค่อยส่งยาแก่นเซียนมาอีกที หลังจากทำสองรายการนี้เรียบร้อยแล้ว เขาถึงจะยอมมอบศพให้ แล้วถ้ารตำแหน่งที่ตลาดสวรรค์มาเมื่อไร เขาถึงจะยอมปล่อยตัวประกันออกมา

ฟ้าสูงเมฆใส ทะเลสีฟ้าคราม

จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ทัพใหญ่กลับมาแล้ว ผู้หญิงหลายคนที่นำโดยอวิ๋นจือชิวกำลังรออยู่นอกประตูใหญ่จวนหัวหน้าภาค

พอพวกเหมียวอี้เหยียบลงพื้น อวิ๋นจือชิวและผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ทำความเคารพด้วยรอยยิ้มที่สนิทสนม

พอเสวี่ยหลิงหลงที่สวมหมวกบนศีรษะเห็นสวีถังหรานยืนอยู่ข้างกายเหมียวอี้ นางก็เอามือปิดปาก นางไม่อยากส่งเสียงร้องไห้ต่อหน้าท่านหัวหน้าภาค เพราะสามีนางย้ำเสมอว่าอย่าเสียมารยาทต่อหน้าหัวหน้าภาค ทว่าตอนนี้กลับน้ำตาไหลอาบเต็มใบหน้า ร้องไห้จนตาพร่ามัว สวีถังหรานก็น้ำตาคลอเช่นกัน แต่กลับเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อสำรวมท่าที

ผู้หญิงคนอื่นๆ มองเสวี่ยหลิงหลงแวบหนึ่ง พวกนางพากันแอบทอดถอนใจ ตอนที่มีข่าวศึกสระน้ำมังกรดำปล่อยออกมา มีใครบ้างที่ไม่เครียด แต่ไม่มีใครกังวลเท่าเสวี่ยหลิงหลงอีกแล้ว แต่ด้วยความที่อวิ๋นจือชิวช่วยห้ามไว้ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าติดต่อไปที่สระน้ำมังกรดำ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ชายชาตรีกำลังเอาชีวิตรอดในศึกเลือด ไม่อยากให้ความห่วงใยจากคนในครอบครัวกลายเป็นตัวถ่วง

อวิ๋นจือชิวกับเหมียวอี้ประสานมือกัน เห็นนัยน์ตาเหมียวอี้ฉายแววปวดใจ แล้วก็รีบเก็บซ่อนอย่างรวดเร็ว นางจึงเป็นฝ่ายคลายมือออกแล้วหลีกไปยืนด้านข้าง

เหมียวอี้หันตัวมาคว้าแขนสวีถังหราน ดึงมาตรงหน้าเสวี่ยหลิงหลง แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “หลิงหลง ข้าพาผู้ชายของเจ้าตัวเป็นๆ กลับมาแล้ว”

เสวี่ยหลิงหลงร้องไห้จนพูดไม่เป็นภาษาทันที “ขอบคุณนายท่าน…”

เหมียวอี้ไม่กล้าอวดว่าเป็นฝีมือตน เงยหน้าถอนหายใจอีก “แลกมาด้วยชีวิตพี่น้องเกือบสี่หมื่น!”

เสวี่ยหลิงหลงหันหน้าหากลุ่มทหารทันที แล้วคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นซ้ำๆ “ขอบคุณ…ขอบคุณ…”

พวกทหารกลังทันที รีบเชิญให้นางยืนขึ้น ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนอึ้งก็คือ ตอนเสวี่ยหลิงหลงโขกศีรษะกับพื้น หมวกหลุดออกจากศีรษะแล้ว เผยให้เห็นศีรษะล้าน ผมดำเงางามของนางหายไปแล้ว

“เอ่อนี่…” เหมียวอี้งุนงง

อวิ๋นจือชิวถอนหายใจเบาๆ แล้วตอบว่า “หลังจากทัพใหญ่ออกเดินทาง เพื่อที่จะขอพรให้รองหัวหน้าภาคสวี น้องหลิงหลงโกนศีรษะคุกเข่าต่อสวรรค์เพื่อแสดงความจริงใจ นางคุกเข่ามาตลอด เมื่อครู่นี้เพิ่งจะลุกออกมาต้อนรับ บางทีความจริงใจของนางอาจทำให้สวรรค์เห็นใจแล้ว!”

สวีถังหรานได้ยินแล้วคุมสติไม่อยู่ ไม่สนอีกแล้วว่าหัวหน้าภาคจะยืนอยู่ตรงนี้หรือไม่ เขากระโจนลงไปคุกเข่า กอดเสวี่ยหลิงหลงที่โขกศีรษะเอาไว้แนบแน่น หนุนศีรษะโล้นของนางไว้บนใบหน้า อ้าปากพะงาบๆ อยู่อย่างนั้น น้ำตาพรั่งพรูออกมาโดยไร้เสียง

เสวี่ยหลิงหลงที่กำลังคุกเข่าดึงเสื้อเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

ฉากนี้ทำให้กลุ่มคนทอดถอนใจไม่หยุด พวกทหารก็ยิ่งรู้ว่าผมที่อยู่ใต้เกราะหัวของสวีถังหรานก็สภาพเหมือนโดนสุนัขกัดแหว่งเช่นกัน พวกผู้หญิงเอามือปิดปาก แม้แต่อวิ๋นจือชิวก็ยังน้ำตาคลอหันหน้าหนี

เหมียวอี้เอียงหน้าบอกใบ้หยางเจาชิงว่าให้วางกำลังพลป้องกันเอาไว้ จากนั้นก็ทำหน้าตึง เม้มริมฝีปากแน่นเดินก้าวยาวเข้าไปข้างใน

อวิ๋นจือชิวเอามือปากน้ำตา แล้วโบกมือบอกให้บรรดาสาวใช้ที่อยู่ข้างหลัง

กลุ่มสาวใช้กรูกันเข้ามา ประคองสวีถังหรานและฮูหยินที่ร้องไห้กอดกันกลมเดินออกไปแล้ว

…………………