มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1080

เขาหมุนเวียนวิชาวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ แก้วเทวที่กองกันเป็นภูเขาปลดปล่อยแสงประกายสีรุ้งระยิบระยับ แสงเทพถูกเขาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและกลั่นแปร ขั้นแรก ปรับสภาวะร่างกายของของตนให้อยู่ในจุดที่สูงสุดเสียก่อน

จากนั้น หลัวซิวก็หยิบยาจำนวนมากที่เตรียมเอาไว้แล้วออกมา ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่าผลการฝึกตนของตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เข้าใกล้จุดสิ้นสุดของเจ้ายุทธจักรขั้นเก้าขึ้นเรื่อย ๆ

ในเวลานี้เอง ตัวหยั่งรู้ที่อยู่กลางหว่างคิ้วของเขา เทพจิตของเขาก็กลั่นแปรพลังจากช่องจิตอย่างต่อเนื่อง ตัวสำนึกเติบโตอย่างรวดเร็ว กระทั่งถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ กลายเป็นโซนตัวหยั่งรู้ที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่ง วิญญาณดั้งเดิมก็ได้กลั่นแปรเป็นวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ค่อย ๆ หมุนไปช้าอย่างเชื่องช้า ณ ใจกลางของตัวหยั่งรู้ ปลดปล่อยกฎออร่าอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา

“ปัง!”

แก้วเทวจำนวนนับหมื่นระเบิดออกจนเกิดเป็นแสงสว่างส่องประกายระยิบระยับมากกว่าเดิม ราวกับมหาสมุทรแห่งแสงสว่าง ร่างของหลัวซิวทั้งร่างจมอยู่ภายใต้แสงนั้น ราวกับมีแสงเทวะเปล่งประกายออกมา

ทุกรูขุมขนเล็ก ๆ ทั่วร่างกาย ต่างดูดกลืนพลังงานจากทั่วทุกสารทิศด้วยความกระหาย ทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างถูกเติมเต็มไปด้วยพลังงานอันยิ่งใหญ่ ปราณทั้งหมดเชื่อมเข้าหากัน

มหาจักรพรรดิยุทธ์ คือหนึ่งแดนใหญ่แดนสุดท้ายก่อนที่คนธรรมดาจะกลายเป็นเทพมาร แสดงถึงจุดสูงสุดประเภทหนึ่ง และยังแสดงถึงประเภทของเจตจำนงและสถานะ

ท่ามกลางความมืดมิด ในสมองของหลัวซิวก็มีการสัมผัสรู้จำนวนมากปรากฏขึ้น การฝึกตนของโลกยุทธ์ นับตั้งแต่ปรมาจารย์ยุทธ์ถึงราชายุทธ์ จากนั้นก็ไปถึงจักรพรรดิยุทธ์ มกุฎยุทธ์ มหายุทธ์ เจ้ายุทธจักร และท้ายที่สุดคือมหาจักรพรรดิยุทธ์ นี่เป็นระบบหนึ่งที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

ชื่อของแดนเหล่านี้ ไม่ใช่การตั้งขึ้นมาอย่างลอย ๆ ของมนุษย์ แต่แฝงไปด้วยความหมายของการก้าวหน้าชนิดหนึ่ง เปรียบเสมือนว่าการฝึกตนโลกยุทธ์คือการก้าวขึ้นไปบนฟ้า ทุกขั้นบันไดที่เดินขึ้นไป ก็คือโลกที่แตกต่างกัน

ดังนั้นทุก ๆ แดนของโลกยุทธ์ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของพลัง ก็เป็นระบบประเภทเดียวกัน

อย่างเช่นแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ท่ามกลางแดนระดับเดียวกัน ต่างก็มีพลังแข็งแกร่งและอ่อนแอ มีบางคนที่เรียกได้ว่าเป็นราชาแห่งแดนเดียวกัน พลังแข็งแกร่งหาที่เปรียบไม่ได้

ก็มีบางคนที่ที่เรียกได้ว่าเป็นจักรพรรดิแห่งแดนเดียวกัน หาศัตรูได้ยากยิ่ง

มีเพียงคนประเภทเดียวเท่านั้น ที่สามารถเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งแดนเดียวกัน นั่นคือมหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!

มหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ท่ามกลางมหาจักรพรรดิยุทธ์ ก็คือมหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกยุทธ์!

สำหรับราชาท่ามกลางมหาจักรพรรดิยุทธ์ ก็คือจักรพรรดิ มกุฎยุทธ์ก็คือฮ่องเต้!

ราชา จักรพรรดิ และมหาจักรพรรดิ คำทั้งสามนี้แสดงถึงความหมายที่ไม่ธรรมดา ในช่วงหลายแสนหลายล้านปีที่ไม่มีวันสิ้นสุดตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน

ความเข้าใจประเภทนี้ของหลัวซิว นักยุทธ์ทุกคนที่กำลังจะบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ต่างก็สัมผัสรู้ได้โดยธรรมชาติ

สิ่งที่แปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างแรกนั่นคือตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว การกลั่นแปรพลังงานวิญญาณของช่องจิตอย่างเนิ่นนาน ตัวสำนึกของเขาได้บรรลุถึงระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์นานแล้ว กระทั่งบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายไปแล้ว

แต่ว่าแดนของเขากลับไม่ได้บรรลุถึงระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์อย่างแท้จริง ดังนั้นเมื่อผลการฝึกตนของเขากำลังจะบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ จึงได้เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง

ตัวสำนึกทุกสายของเขาต่างก็หลอมรวมเข้าด้วยกันเหมือนสสาร บรรจบกันที่ใจกลางของตัวหยั่งรู้อย่างไร้ที่สิ้นสุด วิญญาณดั้งเดิมที่วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพกลั่นแปรนั้นหมุนไปด้วยความรวดเร็ว จนกลายเป็นพายุหมุน

เมื่อพายุหมุนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ พลังจากช่องจิตนั้นของเทพปีศาจสยบนภาก็ถูกเขาดึงออกมาอย่างต่อเนื่อง พายุหมุนตัวสำนึกก็หลอมรวมไปเรื่อย ๆ

เช่นนี้ พายุหมุนตัวสำนึกของเขาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลาที่หมุนไปวันแล้ววันเล่า พายุหมุนตัวสำนึกที่ใจกลางตัวหยั่งรู้ของหลัวซิวก็ได้ถูกเติมไปทั่วทั้งโซนตัวหยั่งรู้

การหลอมรวมของพายุหมุนตัวสำนึก เพื่อยึดฐานของช่องจิตที่ยังไม่ถูกหลอมรวมให้มั่นคง รอถึงวันที่บรรลุเป็นเทพมาร พายุหมุนตัวสำนึกก็จะผนึกเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นช่องจิตที่เปล่งประกายถึงขีดสุดช่องหนึ่ง

โดยทั่วไปแล้ว พายุหมุนตัวสำนึกยิ่งใหญ่มากเท่าใด ก็หมายถึงพลังวิญญาณก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น ตัวสำนึกของหลัวซิวได้บรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายมานานแล้ว ในตอนที่ยังไม่บรรลุ พายุหมุนตัวสำนึกนี้ก็ได้เติมเต็มไปทั่วทั้งโซนตัวหยั่งรู้แล้ว