หากต้องการที่จะฆ่าเจ้าเฒ่านั่นมันก็ง่ายเหมือนดั่งพลิกฝ่ามือ
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังทำลายล้างอันดำมืดนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดที่ทั้งตัวไม่มีจุดใดสมบูรณ์นั้นกลับหัวเราะออกมา หัวเราะอย่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
ทันใดนั้นร่างกายของผู้อาวุโสสูงสุดก็ได้กลายเป็นโครงกระดูกสีขาวไป แต่ว่า…
ดวงตาทั้งสองข้างของจิ่วเยี่ยได้พลันเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมา “วิญญาณของเขาหายไปแล้ว!”
มู่เฉียนซีเองก็ตะลึงค้าง “หายไป? เป็นไปได้อย่างไร?”
ร่างกายนั้นของผู้อาวุโสสูงสุดที่กลายเป็นโครงกระดูกสีขาวนั้นได้กลายเป็นฝุ่นผงและหายไปพลัน และที่ตรงที่เขาหายไปนั้นก็ทิ้งตัวคนสีดำตัวเล็กเอาไว้
บนตัวคนสีดำตัวเล็กนั้นมีรอยอักขระคำสาปสีแดงโลหิตนานาชนิดอยู่ มู่เฉียนซีเคยเห็นในคัมภีร์หมื่นสาปมาก่อน สิ่งนี้นางเองก็รู้จักมัน
“คาถาหุ่นตัวแทน! เจ้าเฒ่านี่กลับมีคาถาหุ่นตัวแทน”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคาถาหุ่นตัวแทนนั้นเป็นการยกระดับชนิดหนึ่ง หลังจากที่ผู้เป็นนายของมันถูกฆ่าไปแล้ว ผู้เป็นนายก็จะถูกส่งตัวระยะไกลไปอีกที่หนึ่ง!
ส่วนหุ่นตัวแทนนี้ก็จะตายแทนเขาไปครั้งหนึ่ง
มาตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดนั้นได้หนีไปที่ไหนแล้ว และไม่อาจที่จะหาตัวได้พบ
สีหน้าของมู่เฉียนซีกลายเป็นมืดครึ้มขึ้นมา “บ้าจริง!”
“ข้าจะจับตัวมันกลับมา” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงขรึม
เขาไม่ชอบเห็นนางมีท่าทีที่ไม่สบายใจ ขอแค่เพียงตัวมันยังอยู่ในเขตแดนของโลกทั้งสี่ทิศ เช่นนั้นก็จะสามารถหาตัวได้อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ทันแล้ว ข้าจะหาดูว่ายังมีวิธีการอื่นอีกหรือไม่!”
แม้ว่าคัมภีร์หมื่นสาปจะชั่วร้าย แต่ด้วยสิ่งที่บรรพบุรุษแห่งคำสาปทั้งสี่พัฒนาขึ้นมานั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันทั้งแข็งแกร่งเป็นอย่างมากอีกทั้งยังมีประโยชน์
จากนั้นไม่นานมู่เฉียนซีหาวิธีที่จะรับมือได้พบแล้ว!
หากว่ายังมิสามารถหาตัวผู้ใช้คำสาปนั้นได้พบ หากคิดที่จะควบคุมคำสาป เช่นนั้นก็สามารถใช้โลหิตของผู้ใช้มนตราที่มีพลังอันดำมืดและแข็งแกร่งที่สุดควบคุมเอาไว้ได้
“พรวด!”
อินรั่วเฉินกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง แสงแห่งพระพุทธที่ครอบคลุมอยู่บนตัวของมู่เฟิงหลิงนั้นได้สลายหายไปแล้ว
สีหน้าของอินรั่วเฉินซีดเผือดลงไปเรื่อยๆ เขากล่าว “นายน้อยเฉียนเยี่ย อาตมาช่วยได้เพียงแค่เท่านี้! พลังของคำสาปนั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อาตมาไม่อาจที่จะยับยั้งเอาไว้ได้อยู่แล้ว”
มู่เฉียนซีได้โยนยาเม็ดออกมาให้เขาขวดหนึ่งแล้วกล่าว “เจ้าได้ทำอย่างสุดกำลังแล้ว รีบกินยาฟื้นฟูเร็วเข้าเถิด!”
ดวงตาคู่งามมองดูพลังแห่งคำสาปที่น่าหวั่นพรึงนั้นกำเริบกัดกินร่างกายของอารองขึ้นมาอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด มู่เฉียนซีกำหมัดเอาไว้แน่น
มนตราคำสาปที่แข็งแกร่งและมืดมนที่สุด เช่นนั้นแล้วคำสาปทั้งสี่แห่งบรรพบุรุษที่นางมีนั้นก็นับว่าเป็นต้นกำเนิดของมนตราคำสาป ก็คงจะนับได้ว่าใช่!
การใช้มนตราคำสาปนั้นเป็นปัญหาที่ยากเย็นเป็นอย่างมาก ด้วยพลังความสามารถของนางในตอนนี้อีกทั้งยังไม่เคยใช้มันมาก่อน อัตราความสำเร็จจะมีสักเท่าไร?
มนตราคำสาปมิใช่การสกัดยา นางนั้นไม่มีหนทางที่จะมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
ถึงต่อให้สามารถทำได้ แต่ใครจะมาเป็นร่างผู้แบกรับมัน
คนอื่น ๆ นั้นได้ถูกฆ่าตายไปจนสิ้นแล้ว นางไม่เหลือผู้รอดชีวิตเลยแม้แต่เพียงผู้เดียว ส่วนผู้ที่อยู่ข้างกายนั้นนางก็จะไปทำได้ลงได้อย่างไร
เช่นนั้นก็มีแค่เพียง…
จิ่วเยี่ยได้ดึงมู่เฉียนซีมาไว้ในอ้อมออก เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ซีกำลังคิดเรื่องอันตรายอะไรอยู่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่มี!”
ถ้าหากว่าให้จิ่วเยี่ยรู้เข้าละก็ จะต้องไม่ยินยอมตอบรับอย่างแน่นอน
“ที่นี่ข้าสามารถจัดการเองได้แล้ว เจ้ากลับไปก่อนดีหรือไม่!”
มู่เฉียนซีขับไล่ แน่นอนว่าจิ่วเยี่ยนั้นรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป “ข้าจะไม่ไป! ตอนนี้ในใจของเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ข้าอยากจะรู้”
จิ่วเยี่ยขยับใกล้เข้ามาเรื่อย มู่เฉียนซีก็ยังไม่ยอมโอนอ่อนอยู่เช่นเดิม
“หากว่าซีไม่ตอบรับ เช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็กลับไปยังแดนนรกกับข้า”
จิ่วเยี่ยได้กอดรัดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น ท่าทีนั้นมันเป็นท่าทีที่คิดจะบีบบังคับแบกเอาภรรยากลับบ้านไปอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย เจ้าปล่อยข้า ตอนนี้ข้ายังไปไม่ได้”
ถ้าหากว่านางจากไปเช่นนี้ก็หมดสิ้นหนทางที่จะช่วยอารองแล้ว
“พูด!”
มู่เฉียนซีทำได้แต่เพียงต้องพูดเสียแล้ว “ในตอนนี้หาวิญญาณของผู้อาวุโสสูงสุดไม่พบ จึงทำได้เพียงแต่ต้องสะกดพลังคำสาปนั้นเอาไว้ หนทางเดียวที่จะสะกดพลังแห่งคำสาปนั้นเอาไว้ได้ก็คือการใช้โลหิตของผู้ที่บนตัวนั้นมีพลังคำสาปอันแกร่งกล้าและดำมืดอย่างที่สุด ตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะมาหาตัวคนผู้นั้นแล้ว ดังนั้นข้าเลยคิดว่า…ว่า…”
สายตาของจิ่วเยี่ยเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมา เขามองมู่เฉียนซีแล้วถามขึ้น “ซีคิดจะทำอะไร?”
ในตอนนี้เองนิรันดร์ก็ได้กล่าวแทรกขึ้น “เจ้านายตัวน้อยผู้น่ารักของข้า รึว่าเจ้าได้ลืมเจ้าตัวประหลาดตัวน้อยนี่ไปเสียแล้ว? โลหิตในตัวของเขานั้นตรงตามความประสงค์ทุกอย่าง อีกทั้งเกรงว่าทั่วทั้งโลกมนุษย์นี้จะไม่มีโลหิตของผู้ใดสามารถเทียบได้กับของเขาแล้ว”
“ก็แค่เพียงให้เจ้าตัวประหลาดน้อยนี้หลั่งโลหิตแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น เจ้านายตัวน้อยของข้าคงไม่ถึงขั้นสละไม่ลงหรอกกระมัง!”
มู่เฉียนซีตะลึงค้าง จิ่วเยี่ย!
ใช่แล้ว! บนตัวของจิ่วเยี่ยมีคำสาปที่น่าพรั่นพรึงเช่นนั้น แม้ว่ามันจะไม่อยู่ในหนึ่งในคำสาปทั้งสี่ที่นางรู้จัก แต่ว่ามันก็แข็งแกร่งอย่างมิต้องสงสัย
เมื่อต้องเผชิญกับการที่ญาติสนิทมีความเป็นความตายกั้นเอาไว้ด้วยเส้นบาง ๆ แล้ว นางจึงตื่นตระหนกมากเกินไปและไม่ได้นึกถึง
สายตาที่แฝงแววอันตรายของจิ่วเยี่ยได้หายไป เขาได้ปล่อยตัวมู่เฉียนซีลงแล้วกล่าว “ให้ข้าจัดการเอง!”
มู่เฉียนซียืนนิ่งอยู่ที่ตรงนั้น โชคดีที่นิรันดร์ได้กล่าวขัดคำพูดของนางขึ้นมาเสียก่อน
มิเช่นนั้นหากให้จิ่วเยี่ยรู้ว่านางวางแผนที่จะลงคำสาปให้กับตัวนางเองแล้วละก็ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรออกมาบ้าง
จิ่วเยี่ยเดินเข้าไปกล่าวที่ข้างกายของมู่เฟิงหลิงแล้วถามขึ้น “ต้องทำเช่นไร?”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบ “นำโลหิตของเจ้าหยดลงบนหน้าอกตรงหัวใจของอารอง ผนึกคำสาปของเขาอยู่ตรงที่หัวใจ”
รอยคำสาปสีดำในตอนนี้กำลังจะกลืนกินมู่เฟิงหลิงเสียจนทำให้ไม่สามารถมองสภาพร่างกายเดิมของเขาออกได้แล้ว
มู่เฉียนซีเป็นกังวลอย่างที่สุด อารองจะต้องอดทนเข้าไว้!
นิ้วของจิ่วเยี่ยถูกกรีดออก โลหิตหยดเล็ก ๆ หยดลงบนหน้าอกของมู่เฟิงหลิง
ทันใดนั้นรอยคำสาปบนร่างของมู่เฟิงหลิงก็ราวกับพบเจอน้ำหลากที่รุนแรงรึไม่ก็สัตว์ป่าดุร้ายกระหายเลือด มันได้หดหายไปในพริบตา
ผลลัพธ์เช่นนี้มิใช่อะไรที่อินรั่วเฉินจะสามารถมาเทียบเทียมได้อย่างแน่นอน
อินรั่วเฉินมองไปทางจิ่วเยี่ย บุรุษผู้นี้ มืดมนที่สุด! เลวร้ายที่สุด! น่าขยะแขยงที่สุด!
มู่เฉียนซีเองก็ประหลาดใจอยู่บ้างที่โลหิตของจิ่วเยี่ยนั้นได้ผลดีขนาดนี้ เพียงแค่น้อยนิดก็สามารถจัดการเรื่องทั้งหมดไปได้ในทันที
โลหิตหยดที่สอง หยดที่สามหยดลงไป บนร่างของมู่เฟิงหลิงก็มิได้มีร่องรอยพลังของคำสาปเหลืออยู่อีกแล้ว
“สำเร็จแล้ว!” ใบหน้าของมู่เฉียนซีสาดแววแห่งความยินดีออกมา
นิรันดร์เอ่ยขึ้น “เจ้านายตัวน้อย เจ้าจงอย่าได้ดีใจไวไปนัก! แม้ความแข็งแกร่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเจ้าตัวประหลาดตัวน้อยนี้จะทำให้พลังของคำสาปไม่กล้าออกมากำเริบ แต่ว่าเขายังหลับใหลเช่นนี้คาดว่าก็คงจะทนอยู่ได้อีกไม่นาน”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เจ้ามีวิธี?”
นิรันดร์กล่าวตอบ “ข้าสามารถสกัดยาเซินหลัวเจี๋ยมิ่งออกมาเพื่อรักษาชีวิตเขาเอาไว้หนึ่งปีได้ ภายในหนึ่งปีนี้เจ้าจะต้องหาวิธีแก้คำสาปให้เขา จากนั้นก็สกัดยามหาเทพนิพานจื้อเฉินเนี่ยตานเพื่อชุบกำเนิดเขาขึ้นมาใหม่ จากนั้นเขาก็สามารถที่จะเปลี่ยนกระดูกถือกำเนิดเกิดใหม่ได้อีกครั้งแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “หนึ่งปีเหรอ? ในหนึ่งปีนี้ถึงต่อให้ข้าต้องขุดดินลึกถึงสามฉือ(สามไม้บรรทัด) ข้าก็จะลากตัวไอ้เฒ่านั่นออกมาให้ได้”
นิรันดร์กล่าว “ด้วยสภาพของข้าในตอนนี้ไม่สามารถสกัดยาเม็ดเซินหลัวเจี๋ยมิ่งเพียงลำพังได้ พวกเราต้องร่วมมือกัน”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นเจ้าจะช้าอยู่ใย? รีบลงมือสิ”
นิรันดร์ยิ้มและกล่าวอย่างยั่วยวน “สุดที่รัก อย่าเพิ่งร้อนใจสิ! ข้าจะทำให้เดี๋ยวนี้…”
ตอนที่สามคำนั้นออกมาจากปากนิรันดร์ พลังอันดำมืดและน่ากลัวของจิ่วเยี่ยก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ถึงต่อให้ไม่ทำให้มันตาย แต่ก็ต้องสั่งสอนเจ้าหมอนี่สักครั้งหนึ่ง!
นิรันดร์นั้นคาดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนที่การโจมตีของจิ่วเยี่ยจะมาถึง มันก็ได้พุ่งไปทางมู่เฉียนซีอย่างรีบร้อน
มันหลบอยู่ในทะเลวิญญาณของมู่เฉียนซี แน่นอนว่าจิ่วเยี่ยก็ไม่กล้าลงมือ เพราะหากทันทีที่ลงมือไปก็จะทำร้ายมู่เฉียนซีไปด้วย
สีหน้าของจิ่วเยี่ยเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมา มู่เฉียนซีกล่าวกับจิ่วเยี่ย “อย่าได้ไปถือสาอะไรกับเจ้าอากาศพิษนั่นเลย ข้าจะสกัดยา เจ้าคุ้มกันให้ข้าที!”
.