บทที่ 1874 ขอจดบันทึกผลงาน

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“…” ซิงพูดไม่ออก นางย่อมเห็นแล้วว่าในกำไลเก็บสมบัติคือยาแก่นเซียนทั้งหมด เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะมีเยอะขนาดนี้ เยอะถึงขนาดคนที่เคยเป็นอ๋องของเผ่าเทพอสรพิษดำยังรู้สึกตกใจ นางขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมถามว่า “มอบให้ข้าเหรอ?”

ในใจนางเกิดความระแวดระวัง โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ นี่คิดจะซื้อตัวนางเหรอ?

เหมียวอี้ส่ายหน้า “ไม่ได้ให้เจ้า ให้เผ่าเทพอสรพิษดำ”

ซิงมองเขาอย่างพูดไม่ออก

เหมียวอี้ถอนหายใจ “นับว่าเป็นการชดเชยให้เผ่าเทพอสรพิษดำก็แล้วกัน ข้ารู้ดี เผ่าเทพอสรพิษดำสละชีวิตไปมากขนาดนั้น ยาแก่นเซียนพวกนี้ไม่อาจชดเชยได้ แต่ตอนนี้ข้าก็ทำได้เพียงเท่านี้ แสดงถึงหัวใจที่ติดค้างก็แล้วกัน ในอนาคตถ้าข้ามีความสามารถมากกว่านี้ ข้าก็จะตอบแทนเผ่าเทพอสรพิษดำอย่างใหญ่หลวงแน่นอน!”

อวิ๋นจือชิวที่อยู่ข้างๆ ปวดประสาทนิดหน่อย แม้ก่อนหน้านี้นางจะรู้ถึงการตัดสินใจของเหมียวอี้แล้ว แต่ก็ยัง…สามพันล้านล้านยาแก่นเซียนเชียวนะ! ความใจกว้างของเหมียวอี้ทำให้นางปวดประสาทจริงๆ

ไม่ใช่ว่านางตระหนี่ แต่ในบ้านมีค่าใช้จ่ายเยอะมาก ปกติเหมียวอี้ก็ไม่ได้มาดูแล ทั้งยังใช้เงินมือเติบอยู่บ่อยครั้ง เมื่อก่อนตอนนางบริหารโรงเตี๊ยมเมฆาวายุ นางต้องลำบากวิ่งเต้นหาเส้นสายไปทั่วเพื่อหาเงิน หลังจากมาที่พิภพใหญ่ ช่วงเวลาที่เงินขาดมือยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ นางคิดหาทางทุกอย่างเพื่อประคับประคอง ถึงขนาดเอ่ยปากขอยืมเงินจากครอบครัวเดิมของตัวเองด้วย แน่นอน งานที่เหมียวอี้ทำก็จะตระหนี่ใจแคบไม่ได้ แต่การโยนสามพันล้านล้านยาแก่นเซียนออกไปในรวดเดียวแบบนี้ ก็ยังทำให้นางปวดใจอยู่ดี

ซิงในนิ้วขูดถูกำไลเก็บสมบัติบนมือ แม้แต่คำขอบคุณสักคำก็ไม่ ถามเพียงว่า “ยังมีเรื่องอื่นอีกมั้ย?”

เหมียวอี้ยื่นมือ ทำสัญญาณมือว่าเชิญตามสะดวก

ซิงถือของหันตัวเดินจากไปเงียบๆ

หลังจากเหมียวอี้มองส่งนางเดินออกไป ก็พลิกมือโยนกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งให้หยางเจาชิง

“นี่…” หยางเจาชิงเห็นว่าในกำไลเก็บสมบัติคือยาแก่นเซียนเหมือนกัน แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ

เหมียวอี้ตอบว่า “ในนี้มียาแก่นเซียนสี่พันล้านล้าน เดี๋ยวเจ้าแจกจ่ายลงไปเป็นรางวัลตามธรรมเนียม เจ้ากับพวกชิงเยว่แบ่งกันสักหน่อย แล้วแจกจ่ายให้พวกพี่น้องเถอะ ทุกคนต้องได้ ถ้าใครมีครอบครัวก็ต้องจ่ายค่าบำรุงขวัญ ถ้าไม่มีครอบครัวก็รวบรวมไว้ในมือเพื่อใช้จ่ายอย่างอื่น…คาดว่าในหลายปีนี้ราคายาแก่นเซียนคงไม่ลดลง อย่าให้ในมือทุกคนขาดของ” เขาเคยบริหารร้านขายของชำมาก่อน พอจะเข้าใจสถานการณ์การซื้อขายของตลาดสวรรค์อยู่บ้าง ขณะเดียวกันก็มีพื้นเพมาจากผู้บัญชาการทัพ รู้ว่า ‘เสบียง’ มีผลต่อขวัญกำลังใจทหาร

ตอนนี้ทัพใหญ่แดนรัตติกาลยังเหลือกำลังพลอีกหกหมื่น ยาแก่นเซียนสี่พันล้านล้านนี้ถ้าเฉลี่ยแล้วก็ได้คนละประมาณหกหมื่นล้านกว่าเม็ด ถ้าจำนวนมากกว่านี้ก็แบ่งไม่ไหว แต่ส่วนที่ได้ในตอนนี้ไปก็นับว่าไม่น้อยแล้วจริงๆ

“ขอรับ!” หยางเจาชิงพยักหน้าเอ่ยรับ

ส่วนสามพันล้านล้านเม็ดที่เหลือ เขาก็เตรียมไว้ทำอย่างอื่นแล้ว

ถึงอย่างไรครั้งนี้หกลัทธิก็ออกแรงช่วย จิตใจของคนฝั่งหกลัทธิก็ต้องได้รับการดูแลเช่นกัน จึงเตรียมไว้ลัทธิละสองร้อยล้านล้าน รวมแล้วก็ได้หนึ่งพันสองร้อยล้านล้านเม็ด

ครั้งนี้โถงชุมนุมอัจฉริยะเสียหายหนักมาก คนที่ถูกสี่ทัพจับไปแล้วฆ่าทิ้งมีเกินสองแสน จึงเตรียมสองร้อยล้านล้านเม็ดไว้จ่ายค่าบำรุงขวัญให้ครอบครัวคนพวกนั้น ส่วนพวกที่ถูกจับไปแล้วถูกปล่อยตัวมา ก็ต้องใช้อีกหนึ่งร้อยล้านล้านเม็ดเพื่อปลอบใจ เท่ากับชดเชยให้คนอื่นๆ จำนวนที่แบ่งให้โถงชุมนุมอัจฉริยะค่อนข้างน้อย เพราะกำลังพลของโถงชุมนุมอัจฉริยะไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันกับเขา ตระกูลเซี่ยโห้วต่างหากที่ควบคุมอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าอย่างไรตระกูลเซี่ยโห้วก็ต้องขาดทุนครั้งนี้ การที่เหมียวอี้นำทรัพยากรก้อนนี้ออกมาได้ ก็ต้องแบ่งสรรโดยเน้นไปทางด้านใดด้านหนึ่ง เขาเตรียมไว้ใช้ซื้อใจคน ถ้าอยากจะแบ่งให้ครบทุกคนนั้นเป็นไปไม่ได้

ครั้งนี้โถงชุมนุมอัจฉริยะส่วนใหญ่เหลือแต่ชื่อแล้ว ถ้าอยากจะค้าขายอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนก่อนหน้านี้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้อีก ต่อให้ตอนนี้สี่ทัพจะไม่มายุ่ง แต่ถ้าผ่านช่วงนี้ไปแล้วจะต้องกดขี่แน่นอน ไม่มีทางปล่อยให้เหมียวอี้รักษาช่องทางทำเงินนี้ไว้แน่ ศึกนี้นับว่าเสียช่องทางทำเงินนี้ไปแล้ว

แต่ก็ไม่อาจโยนตาข่ายขาดผืนนี้ทิ้งไปได้ เพราะยังเหลือคนอยู่อีกมาก บางคนยังมีประโยชน์ให้ใช้งาน จะต้องรักษาตาข่ายผืนนี้เอาไว้ ต่อให้ใช้เป็นเครือข่ายเพื่อรวบรวมข่าวก็ยังดี ดังนั้นจึงดึงห้าร้อยล้านล้านเม็ดไว้ให้อวิ๋นจือชิวจัดการใช้จ่าย หลังจากจบเรื่องอวิ๋นจือชิวย่อมให้สวีถังหรานไปจัดการ ไม่ต้องให้เหมียวอี้เป็นห่วงเรื่องนี้

ส่วนหนึ่งพันล้านล้านที่เหลือ ก็ต้องแบ่งให้คนในครอบครัวอีกนิดหน่อย เลี้ยงอนุภรรยาไว้มากขนาดนั้น จะไม่แสดงน้ำใจสักหน่อยก็ไม่ได้ ส่วนฝั่งราชินีสวรรค์ก็ต้องส่งขึ้นไปอย่างน้อยหนึ่งร้อยล้านล้านเม็ด แม้ก่อนหน้านี้จะบอกราชินีสวรรค์ไว้แล้ว บอกว่าต้องนำทั้งหมดมาใช้เป็นค่าบำรุงขวัญ แต่จะไม่ให้เลยสักนิดได้อย่างไร มิหนำซ้ำเขาก็ให้ราชินีสวรรค์กัดฟันช่วยเขาช่วงชิงผลประโยชน์มาแล้ว

ส่วนจำนวนที่เหลือก็ให้อวิ๋นจือชิวไปแบ่งสรรจัดการเองทั้งหมด

นอกจากกำลังทหารและสถานการณ์ภาพรวมที่เหมียวอี้คุมด้วยตัวเอง ที่เหลือก็ส่งต่อให้อวิ๋นจือชิวรับผิดชอบทั้งหมด เหมียวอี้เชื่อว่านางจะจัดการได้อย่างราบรื่น อย่าไปมองว่าเป็นแค่งานจิปาถะ เพราะมันใช้พลังความคิดสูงมาก เมื่อมีคนที่เชื่อใจได้แน่นอนอย่างอวิ๋นจือชิวช่วยจัดการ ก็ลดงานให้เขาได้ไม่น้อย ตอนนี้เขาไม่มีกำลังและความคิดจะมาสนใจเรื่องจิปาถะพวกนี้ เพราะยังมีงานสำคัญกว่าต้องครุ่นคิดลงมือทำ ร่างทิศทางใหญ่ไว้แล้ว ให้อวิ๋นจือชิวไปจัดการเองตามเห็นสมควร ส่วนใหญ่เขาจะไม่ไปยุ่ง นางย่อมช่วยเขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และมีวิธีคุมให้อยู่หมัดด้วย ในจุดนี้นางไม่เคยทำให้เหมียวอี้กังวลเลย

ตำหนักนารีสวรรค์ บนเตียงนอน ประมุขชิงพลิกตัวลุกขึ้น เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่ปกปิดเรือนร่างไว้เล็กน้อยลุกนั่งตาม ดึงชุดคลุมตัวหนึ่งมาสวมไว้อย่างง่ายๆ แล้วนั่งคุกเข่าสวมรองเท้าให้ประมุขชิง

ขณะที่มือกำลังทำงาน นางก็เงยหน้ามองประมุขชิงที่กำลังหลับตา แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ฟ้าเพิ่งสว่าง ฝ่าบาทไม่พักผ่อนอีกสักหน่อยหรือเพคะ?”

“วันนี้มีประชุมขุนนาง” ประมุขชิงตอบเสียงเรียบ

“หม่อมฉันเลอะเลือนแล้ว” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตำหนิตัวเอง แล้วก็ลุกขึ้นประคองแขนประมุขชิง จากนั้นสวมชุดคลุมตัวนอกให้ ขณะเดียวกันปากก็พึมพำว่า “ฝ่าบาท เรื่องปราบโจรที่สระน้ำมังกรดำ หนิวโหย่วเต๋อรายงานขึ้นมาหาหม่อมฉันอีกแล้วเพคะ ขอจดบันทึกผลงานให้กำลังพลเป็นหมู่คณะ หม่อมฉันอยากฟังความเห็นของฝ่าบาท”

ประมุขชิงที่หลับตามาตลอดลืมตาขึ้นเล็กน้อย ปรายตามองนางแล้วถามว่า “ต้องการจะเลื่อนยศหมู่อีกแล้วเหรอ? นี่มันครั้งที่เท่าไรแล้ว? เขาช่างไม่อายจริงๆ ไม่กลัวคนอื่นจะไม่พอใจหรือไง?” แต่พอพูดจบ ขนาดเขาเองยังพูดไม่ออกเลย จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลขึ้นตรงต่อตำหนักนารีสวรรค์ ใต้สังกัดตำหนักนารีสวรรค์ไม่มีกำลังพลคนอื่นที่มีหน้าที่ร่วมกันแล้ว ไม่ต้องกังวลเลยว่าทัพใหญ่สายอื่นจะไม่พอใจ

เขาเปลี่ยนเป็นบอกว่า “เรื่องปราบโจรที่สระน้ำมังกรดำยังไม่แน่นอน เขาบอกว่าสร้างผลงานก็แปลว่าสร้างผลงานเหรอ? ดูก่อนว่าพวกขุนนางในราชสำนักจะพูดยังไง”

“ที่ฝ่าบาทกล่าวก็ถูก หนิวโหย่วเต๋อคนนี้คิดแต่จะเลื่อนยศตำแหน่ง เขายังพูดจาโอ้อวดด้วยว่าผลงานของตัวเองสามารถทำให้นั่งตำแหน่งผู้ตรวจการใหญ่ที่ตลาดสวรรค์ได้” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ทำเป็นบ่น แต่มือก็ยังไม่หยุดทำงาน

นางเองก็กัดฟันพูดประโยคนี้เช่นกัน นี่คือความคิดของเหมียวอี้ ไม่ได้ให้ทำอย่างอื่น แค่ให้นางพูดแบบนี้กับประมุขชิงก่อนเข้าประชุมขุนนาง ส่วนอย่างอื่นเขาก็ไม่ให้นางยุ่งแล้ว เพื่อเรื่องนี้ เมื่อวานนางถึงกับยอมหน้าด้านขอร้องให้ประมุขชิงมาค้างด้วย เรียกได้ว่าปรนนิบัติสุดความสามารถเพื่อให้ประมุขชิงเริงรมย์ อ้อมไปอ้อมมาก็เพื่อจะพูดอะไรพวกนี้ นับว่าใช้ความคิดไปมาก

พอประมุขชิงได้ฟัง เรื่องผู้ตรวจการใหญ่ตลาดสวรรค์อะไรนั่น เขาเองก็ได้ยินมาจากชิงหยวนจุนแล้ว นี่คือเงื่อนไขชดเชยของอิ๋งจิ่วกวง ไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้อยู่ในหัวข้อการประชุมขุนนางครั้งนี้ เขารู้แล้วว่าวันนี้ในที่ประชุมจะเกิดอะไรขึ้น

ขณะมองผู้หญิงผมยาวถึงเอวที่อยู่ตรงหน้า หน้าตาก็ไม่ได้สวยเท่าไร แต่เรือนร่างที่มีผิวขาวละเอียดอ่อนก็ยังน่ามองอยู่บ้าง ปรากฏวับๆ แวมๆ อยู่ใต้ชุดคลุมผ้ามุ้ง ประมุขชิงมองด้วยหางตาโดยไม่พูดอะไร

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่หลบสายตาทันที เริ่มเครียดกังวลแล้ว รู้สึกได้ถึงแรงกดดัน สิ่งที่ทำให้นางตัวแข็งยิ่งกว่านั้นก็คือ มือใหญ่ข้างหนึ่งขยุ้มหน้าอกนางไว้แล้ว บีบจนนางรู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่นางกลับพยายามแสร้งทำสีหน้าออดอ้อน “ฝ่าบาท…”

ประมุขชิงไถลมือไปที่หลังเอวของนาง แล้วจู่ๆ ก็ออกแรงที่แขน ดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดในรวดเดียว จ้องลงมามองนางอย่างเย็นเยียบ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา คลายแขนออก หันตัวเดินก้าวยาวออกไป พร้อมทั้งพูดทิ้งท้ายว่า “ไม่ต้องไปส่ง”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เอามือลูบอก ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อครู่นี้นางตกใจมากจริงๆ หลังจากสงบสติอารมณ์แล้วก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้ บอกว่าตัวเองทำสิ่งที่ควรทำไปแล้ว…

ตำหนักฟ้าดิน หลังจากเดินออกจากตำหนักหลังมานั่งบนบัลลังก์และรับการคารวะจากเหล่าขุนนาง ประมุขชิงก็กวาดสายตามองเบื้องล่าง แล้วจู่ๆ ก็ถามกลั้วหัวเราะ “ทำไมเหมือนขาดไปคนหนึ่งล่ะ? ท่านโหวอิ๋ง อิ๋งอู๋หม่านไปไหนแล้ว?”

คนส่วนใหญ่ในตำหนักมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอิ๋งอู๋หม่านถึงไม่มามา

พวกขุนนางใหญ่แถวหน้าที่รู้เรื่องราวเบื้องลึกกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้าน ทำท่าราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง แต่ในใจกลับเข้าใจว่าประมุขชิงกำลังจงใจทำให้คนสะอิดสะเอียน

ฉีหลิงหวนก้าวออกนอกแถว กุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาท ตอนท่านโหวอิ๋งฝึกตนเกิดการผิดพลาดนิดหน่อย รายงานต่อผู้การซ่างกวนแล้วว่ามาเข้าประชุมไม่ได้ขอรับ”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?” ประมุขชิงเอียงหน้ามองซ่างกวนชิง

ซ่างกวนชิงบอกประมุขชิงล่วงหน้าแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่ยอมปากรั่วพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด โค้งตัวตอบว่า “ตอบฝ่าบาท มีเรื่องนี้จริงๆ ขอรับ”

“อ้อ!” ประมุขชิงพยักหน้า แล้วบอกซ่างกวนชิงว่า “เดี๋ยวส่งคนไปเยี่ยมสักหน่อย”

“รับทราบ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ

เซี่ยโห้วลิ่งที่ยืนอยู่แถวหน้ามีสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับแอบรู้สึกขำ เดี๋ยวถ้าคนที่ฝั่งนี้ส่งไปไม่เจออิ๋งอู๋หม่านก็บันเทิงแล้ว แต่เขาเองก็รู้ ว่าตราบใดที่ตระกูลอิ๋งหน้าด้านสักหน่อย ก็จะต้องคิดหาทางปัดความรับผิดชอบแน่นอน ประมุขชิงแค่จะทำให้ตระกูลอิ๋งสะอิดสะเอียนเท่านั้น

ประมุขชิงมองต่ำลงมาที่กลุ่มขุนนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า กล่าวอีกว่า “เรื่องที่สระน้ำมังกรดำ คาดว่าทุกคนคงได้ยินมาแล้ว เมื่อวานราชินีสวรรค์รายงานข้า บอกว่าหนิวโหย่วเต๋อขอจดบันทึกผลงานการปราบโจรให้ทัพใหญ่แดนรัตติกาล เรื่องนี้ขุนนางที่รักทุกคนเห็นว่าอย่างไร?”

กลุ่มขุนนางที่ยืนอยู่เบื้องล่างสบตากันแวบหนึ่ง แต่ไม่มีใครพูดอะไร

ผังก้วนจอมพลสายเถาะแอบทอดถอนใจ เขาถูกสั่งมาจากเบื้องบนแล้ว ว่าวันนี้ต้องให้ความร่วมมือกับตระกูลอิ๋ง คาดว่าคนอื่นก็ถูกสั่งเช่นกัน ตอนนี้ถ้ามีคนออกมาปฏิเสธความดีความชอบในการปราบโจร ตอนหลังก็ไม่มีทางให้ความร่วมมือตระกูลอิ๋งได้อีกแล้ว หนิวโหย่วเต๋อก่อเรื่องนี้ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าวางแผนไว้อย่างดี ช่างเลือกเวลาได้ดีจริงๆ…เขากลับไม่รู้ว่าเหมียวอี้วางแผนร่วมกับหยางชิ่งนานขนาดไหนเพื่อเรื่องนี้

เมื่อรอได้สักประเดี๋ยวแล้วไม่ได้ยินใครพูดอะไร ประมุขชิงก็กวาดสายตาปราดหนึ่ง พบว่าทุกคนมีความเห็นเป็นเอกฉันท์อย่างที่พบเห็นได้ยากจริงๆ เจ้าลูกลิงนั่นอาศัยอำนาจขึ้นมาถึงที่ประชุมราชสำนักแล้ว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แบบนี้แสดงว่าไม่มีใครคัดค้าน เช่นนั้นก็ส่งต่อให้ราชินีสวรรค์ไปจัดการเองแล้วกัน ขุนนางที่รักทุกท่านยังมีเรื่องอื่นอีกมั้ย? ถ้าไม่มีอะไรก็แยกย้ายเถอะ ข้ามีงานอื่นต้องจัดการอีก”

“ฝ่าบาท!” ชวีหลิงจวินก้าวออกนอกแถว กุมหมัดคารวะพร้อมกล่าวว่า “เรื่องสระน้ำมังกรดำมีพยานไม่น้อยที่พิสูจน์ได้วว่าทัพใหญ่แดนรัตติกาลทำศึกเดือดกับกองโจรจำนวนมากจริงๆ ทั้งยังประหารไปแล้วไม่น้อย เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นโจรจากไหน ยังไม่ได้ตรวจสอบให้กระจ่าง แต่ผลงานของหนิวโหย่วเต๋อก็ไม่มีอะไรน่าเคลืองแคลงเพราะพยานมีเยอะมาก มีคำกล่าวว่าการให้รางวัลและการลงโทษนั้นต้องจัดากรอย่างชัดเจนยุติธรรม ฝ่าบาทได้โปรดตัดสินอย่างยุติธรรม!”

ท่านนี้คือคนในเครือข่ายของอ๋องสวรรค์ก่วง ที่กระโดดออกมาพูดในเวลานี้ได้ ก็ไม่พ้นต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋งอยู่แล้ว ตามหลักแล้วควรเป็นคนในเครือข่ายตระกูลอิ๋งออกหน้าเอง ทว่าเรื่องสระน้ำมังกรดำทำให้ตระกูลอิ๋งเสียหน้าหมดแล้ว ถ้าพูดในการประชุมว่าตัวเองเป็นโจรอีก จะไม่กลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยอะหรอกหรือ ที่จริงทุกคนก็รู้ชัดอยู่แก่ใจ ว่าโจรที่สระน้ำมังกรดำก็คือคนของอิ๋งจิ่วกวง

…………