หลิ่วหมิงสีหน้าผ่อนคลายลง ขณะที่กำลังจะคลายมิติคุกมืด ในตอนนั้นเองแสงสีน้ำเงินก็สว่างวาบขึ้นในคุกมืด เงาวัวสีน้ำเงินตัวหนึ่งเหาะออกมา ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนนั่นเอง
หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกายวูบหนึ่ง แววตาประหลาดใจปรากฏขึ้นเล็กน้อย
เมื่อครู่เขารีบร้อนมาช่วยจึงไม่ทันเรียกเชอฮ่วนตัวนี้กลับมา แต่มันกลับตามเข้ามาในคุกมืดด้วย
ทว่าเงาวัวสีน้ำเงินดูเหมือนจะก่อตัวชัดขึ้นมาก ไม่ใช่เงาเลือนรางอีกต่อไป
สายตาของเชอฮ่วนจับจ้องศพแมลงสีเลือดห้าตัวที่เหลือเพียงกองเนื้อในมิติคุกมืด แล้วร้องมอออกมาอย่างดีอกดีใจ จากนั้นอ้าปากพ่นแสงเรืองรองสีน้ำเงินสายหนึ่งออกมาม้วนศพของแมลงสีเลือดตัวหนึ่งในนั้นกลืนลงไปคำโตทันที
หลิ่วหมิงเลิกคิ้วปล่อยให้มันสูบกินอาหารเอง ขณะที่เขาโบกมือสลายมิติคุกมืด พาเงาเชอฮ่วนกลับมาถึงโลกภายนอกด้วยกัน
เมื่อเห็นสถานการณ์รอบด้านกระจ่างชัด สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลง
มหาค่ายกลทรายโปรยปรายไม่เพียงปลอดภัยไร้อันตราย แต่ยังแผ่แสงออกมาสว่างกว่าก่อนหน้านี้ เส้นแสงสีเหลืองหนาเท่าแขนเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกจากเสาแสงสีทองมหึมาที่พุ่งตรงไปบนท้องฟ้าก่อนจะจมหายเข้าไปในพายุทรายรอบด้าน
พายุทรายสีดำโหมกระหน่ำกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า ทรายที่อยู่กลางสายลมซัดไปรอบด้านดุจคลื่นคลั่ง
ทว่าพายุทรายสีดำรอบมหาค่ายกลทรายโปรยปรายกลับขนาดไม่ใหญ่นัก
ทะเลเพลิงสีแดงรอบด้านยังคงอยู่ แม้แมลงนับไม่ถ้วนจะผลัดกันโจมตีจนขนาดเล็กลงเกินครึ่ง ทว่าก็ยังขวางแมลงระดับต่ำเหล่านั้นไว้ด้านนอกได้
การต่อสู้ดุเดือดรอบมหาค่ายกลทรายโปรยปรายยังดำเนินอยู่
แมลงสีเลือดสิบกว่าตัวที่แหวกทะเลเพลิงมาถูกหลิ่วหมิงสังหารไปก่อนแล้วสามตัว ต่อมาก็ถูกเขาใช้คุกมืดขังแล้วสังหารไปอีกห้าตัว ทว่าแมลงสองตัวที่ถูกเขาขังไว้ในมหาค่ายกลบรรพตธาราก่อนหน้านี้หลุดออกมาแล้ว เวลานี้รอบมหาค่ายกลทรายโปรยปรายจึงยังเหลือแมลงสีเลือดอยู่ห้าตัว
บุรุษร่างกำยำผมแดงกับผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้วัยกลางคนชุดขาวอีกคนหนึ่งขวางอยู่หน้ามหาค่ายกลทรายโปรยปราย แม้ทั้งสองจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ก็ยังฝืนใช้วิชาทั้งหมดออกมาขวางแมลงสีเลือดสามตัวเอาไว้
ผู้ฝึกฝนระดับผลึกที่หนีกระเจิงไปรอบทิศสิบกว่าคนนั้นเวลานี้เหลืออยู่เพียงแปดเก้าคน เวลานี้ในที่สุดพวกเขาก็รวบรวมความกล้าได้เล็กน้อยจึงกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ในหมู่คนเหล่านี้เหลือผู้ใช้ค่ายกลอยู่ห้าคน หลังจากตั้งสติได้พวกเขาจึงวางชั้นจำกัดเฉพาะหน้าซึ่งได้ผลยอดเยี่ยมพอตัวอันหนึ่ง จนฝืนขวางแมลงสีเลือดสองตัวที่เหลือเอาไว้ได้
แต่คนเหล่านี้แต่ละคนต่างบาดเจ็บ สีหน้าอ่อนล้ายิ่งนัก
“สหายหลิ่ว!” ทันทีที่เห็นร่างของหลิ่วหมิง พวกบุรุษร่างกำยำผมแดงก็เผยสีหน้ายินดีปรีดา
หลิ่วหมิงสีหน้าเรียบเฉยแล้วโบกมือครั้งหนึ่ง กระบี่ขู่หลุนพลันกลายเป็นแสงกระบี่เส้นหนึ่งฟันเข้าใส่แมลงสีเลือดตัวหนึ่งที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่กับผู้ฝึกฝนระดับผลึกเหล่านั้น
ทว่าแสงกระบี่สายนี้กลับขนาดเพียงหกเจ็ดจั้งเท่านั้น
สีหน้าเขาตกตะลึง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มจืดเจื่อนออกมา ยามนี้พลังเวทในร่างเขาใกล้จะถึงก้นแล้ว ใช้วิชาขี่กระบี่กลับมีพลังเพียงเท่านี้
เขากำลังจะหยิบโอสถฟื้นฟูพลังเวทออกมากินอีกหน่อย ทันใดนั้นกระแสลมคมกริบสายหนึ่งก็พุ่งมาจากด้านหลัง
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เท้ากระทืบเบี่ยงตัวหลบ
ฉึก!
ร่างกายโฉบวูบเดียว เขาก็ปรากฏตัวห่างไปหลายสิบจั้ง ตรงหัวไหล่มีรอยแผลโชกเลือดแผลหนึ่ง เลือดสดไหลรินออกมา
ตอนนี้ทะเลจิตวิญญาณของเขาว่างเปล่าไม่มีพลังเวทหนุนส่ง ความเร็วจึงช้าลงมากนัก
หลิ่วหมิงหมุนตัวกลับไปมอง แมลงสีดำขนาดหนึ่งจั้งตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร
หน้าตาภายนอกของมันคล้ายตั๊กแตน ดวงเรียวยาวทอประกายเย็นยะเยือก ขาคู่หน้าที่เหมือนเคียวคือสิ่งที่จู่โจมหลิ่วหมิงเมื่อครู่
แมลงสีดำตัวนี้ขนาดตัวไม่ใหญ่ ทว่าเห็นชัดว่าเป็นแมลงระดับแก่นแท้ตัวหนึ่ง ไม่รู้มันฝ่าทะเลเพลิงเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด
ในใจหลิ่วหมิงนึกหวั่นใจทันที
แมลงสีดำกรีดร้องเสียงแหลม ร่างกายกระโจนวูบเดียวกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งลอยโถมเข้ามาใส่หลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าไปทันที มือตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอวในทันใด
ปราณดำสายหนึ่งม้วนตัวออกมาจากในถุง แมงป่องสีเงินขนาดหนึ่งจั้งกว่าตัวหนึ่งขวางอยู่เบื้องหน้า เซียเอ๋อร์นั่นเอง
แสงสีเงินสว่างขึ้นวูบหนึ่ง ขาของเซียเอ๋อร์พลันดีดพื้น ร่างกายขนาดหนึ่งจั้งกว่าลอยพุ่งชนแมลงสีดำเสียงดังสนั่น
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเบาๆ กลางอากาศ ทั้งสองฝั่งต่างดีดตัวออกจากกัน
เซียเอ๋อร์ร่วงลงข้างกายหลิ่วหมิง เปลือกสีเงินวาวมีรอยกรีดยาวหลายฉื่อเส้นหนึ่ง เลือดไหลซึมออกมา
ส่วนแมลงสีดำตัวนั้นตรงท้องน้อยมีรูลึกขนาดเล็กจุดหนึ่ง สีดำประหลาดไหลออกมารอบด้านอย่างรวดเร็ว
แมลงสีดำกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วตั้งท่าจะขยับตัวอีกครั้ง
แสงสีน้ำเงินสว่างวาบ เงาวัวสีน้ำเงินขนาดหลายจั้งตัวหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือร่างแมลงดุจภูตพราย กีบเท้าข้างหนึ่งของวัวสีน้ำเงินร่างกำยำพาแสงเรืองรองสีน้ำเงินแถบใหญ่ร่วงลงจากฟ้าเหยียบบนร่างแมลงอย่างแรง
นั่นคือเชอฮ่วนผู้กินแมลงสีเลือดทั้งหลายที่ถูกสังหารในมิติคุกมืดจนเกลี้ยง แล้วตอนนี้เพิ่งเหาะมาถึง
ทันทีที่แมลงสีดำตกอยู่ใต้แสงเรืองรองสีน้ำเงิน เปลือกรอบตัวก็ส่งเสียงดังชี่แล้วเริ่มละลาย ไม่มีกำลังต่อต้านแม้แต่น้อย พริบตาเดียวถูกเหยียบจมดิน
ยิ่งเสียงปริแตกดังถี่ขึ้น แมลงสีดำก็ยิ่งร้องโหยหวน ร่างกายที่ไร้เปลือกปกป้องแทบจะถูกเหยียบขาดเป็นสองท่อน เลือดพุ่งกระเซ็น
กีบเท้าวัวอีกข้างเหยียบบนหัวของแมลง เสียงกระดูกแตกดังลั่น ก่อนที่เสียงโหยหวนจะเงียบหายไปในบัดดล
“เชอฮ่วน…”
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ดีใจยิ่งนัก!
ยามแรกที่เขาเรียกภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนออกมา เพราะคำนึงถึงพลังเวทที่ต้องเสีย เขาจึงเรียกออกมาเพียงร่างเงาเท่านั้น แต่เวลานี้หลังจากเงาเชอฮ่วนกลืนกินแมลงระดับสูงไปจำนวนมาก มันจึงเปลี่ยนเป็นกึ่งร่างจริงด้วยตัวเองแล้วแผ่ลมปราณที่ไม่ด้อยกว่าผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ออกมาอยู่เลือนราง
“อ้าก!”
เสียงกรีดร้องดังมาจากด้านข้าง ตะขาบระดับแก่นแท้อีกตัวหนึ่งข้ามทะเลเพลิงเหาะเข้ามา
ผู้ฝึกฝนระดับผลึกคนหนึ่งถูกคมดาบสายลมมากมายถี่ยิบที่ตะขาบตัวนี้ปล่อยออกมาทะลวงร่างจนเป็นรูนับร้อยนับพัน
ผู้ฝึกฝนระดับผลึกเจ็ดแปดคนนี้เดิมทีก็ต้านไว้ได้อย่างฝืนกำลังอยู่แล้ว เมื่อมีแมลงระดับแก่นแท้อีกตัวเข้ามาร่วมวง การป้องกันของพวกเขาจึงพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
แมลงสีเลือดอีกตัวที่เดิมถูกขวางเอาไว้ฉวยโอกาสนี้อ้อมผู้ฝึกฝนระดับผลึกเหล่านี้โผเข้าไปหามหาค่ายกลทรายโปรยปราย
หลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาเพ่งกระแสจิตคิดจะควบคุมเชอฮ่วนให้ไล่ตามไปสังหาร
ทว่าในเวลานี้เองเชอฮ่วนที่อยู่ในสภาพกึ่งร่างจริงพลันอ้าปากพ่นแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งออกมารัดร่างของแมลงสีดำใต้เท้าเอาไว้ แมลงสีดำตกอยู่ในแสงสีน้ำเงินสลายกลายเป็นปราณสีดำกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกเชอฮ่วนกลืนลงท้อง
ในตอนนี้เองบนหัวไหล่ของหลิ่วหมิงก็เปล่งแสงสีน้ำเงิน พลังเวทอบอุ่นสายหนึ่งทะลักออกจากภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนแล้วไหลเข้าไปในร่าง จากนั้นไหลเข้าไปในทะเลจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว
พลังเวทที่เหือดแห้งในทะเลจิตวิญญาณเต็มเปี่ยมขึ้นมาอย่างว่องไว
“นี่มัน…” หลิ่วหมิงตกตะลึงอย่างยิ่ง
เมื่อเชอฮ่วนกลืนปราณสีดำสายสุดท้ายจากแมลงสีดำเข้าไปในปาก แสงสีน้ำเงินบนภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนตรงหัวไหล่ก็วูบไหวแล้วสลายไปอย่างรวดเร็ว พลังเวทที่ทะลักออกมาก็หายไปในพริบตาเช่นกัน
หลิ่วหมิงสีหน้าตะลึง เวลานี้แม้พลังเวทในร่างเขายังไม่ฟื้นกลับมาอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ฟื้นกลับมาห้าหกส่วนแล้ว
แม้เขาไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่ตอนนี้สถานการณ์วิกฤติ ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิด ร่างกายขยับวูบเดียวกลายเป็นเงาดำเลือนรางสายหนึ่งเหาะไปด้านหน้า
แม้วิชาท่าร่างของหลิ่วหมิงจะว่องไว ทว่าระหว่างเขากับแมลงสีเลือดตัวนั้นที่อ้อมกลุ่มผู้ฝึกฝนระดับผลึกไปห่างกันอยู่ช่วงหนึ่ง เห็นชัดว่าช้าไปเล็กน้อยแล้ว
แมลงสีเลือดตัวนั้นเหาะโถมไปถึงตรงหน้ามหาค่ายกลทรายโปรยปรายก็อ้าปากกว้าง ลำแสงสีเลือดสายหนึ่งพุ่งพรวดออกไปโจมตีบนค่ายกลจุดหนึ่งที่อยู่รอบนอกของมหาค่ายกลทรายโปรยปราย
ในตอนนี้เองเงาร่างกำยำร่างหนึ่งก็เหาะออกมาจากลำแสงมหึมาของมหาค่ายกลทรายโปรยปราย ซือโห่วผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ผู้นี้นั่นเอง
“เดรัจฉาน เอาชีวิตมา!”
ซือโห่วตวาดเกรี้ยวกราด เงาราชสีห์ยักษ์สูงหลายสิบจั้งร่างหนึ่งโผล่ออกมาด้านหลัง ต่อจากนั้นฝ่ามือราชสีห์สีเหลืองขนาดเท่าตึกข้างหนึ่งก็ลอยออกมาจากตัวเขา ขวางหน้าลำแสงสีเลือดเอาไว้
“เปรี้ยง!” เสียงดังขึ้นเบาๆ
ฝ่ามือราชสีห์สีเหลืองสะท้านเล็กน้อยแต่ก็กระแทกลำแสงสีเลือดจนกระจุย
ต่อจากนั้นซือโห่วจึงเหวี่ยงแขน เงาราชสีห์ยักษ์ด้านหลังคำรามคลั่ง ฝ่ามือราชสีห์สีเหลืองเปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นกำปั้นต่อยตรงเข้าใส่หัวของแมลงสีเลือด
ประกายโลหิตปรากฏ หัวของแมลงสีเลือดถูกต่อยแหลกเละในทันใด
เงาดำโฉบวูบหนึ่ง หลิ่วหมิงปรากฏตัวข้างกายซือโห่ว
“ผู้อาวุโสซือโห่ว โชคดีที่ท่านมาทันเวลา” หลิ่วหมิงพรูลมหายใจเบาๆ
พวกบุรุษกำยำผมแดงเห็นซือโห่วปรากฏตัวก็พากันดีใจยกใหญ่
“มหาค่ายกลทรายโปรายปรายกำลังจะทำงานอย่างสมบูรณ์อยู่เดี๋ยวนี้แล้ว ยืนหยัดอีกเพียงครู่เดียวเท่านั้น!” ซือโห่วตวาดเสียงดังแล้วพยักหน้านิดๆ ให้หลิ่วหมิง จากนั้นเหวี่ยงแขนข้างหนึ่ง ขวดหยกสีดำขวดนั้นลอยออกไปอีกครั้ง
คลื่นความร้อนสายหนึ่งโถมเข้าจู่โจมใบหน้า เปลวเพลิงสีแดงฉานจำนวนมากทะลักออกมาจากในขวดอีกครั้งแล้วผสานเข้าไปในทะเลเพลิงรอบด้าน
เปลวเพลิงในทะเลเพลิงสีแดงฉานเปล่งแสงแล้วลุกโชติช่วงขึ้นมาในทันใด การหดตัวหยุดลงทันที กองทัพใหญ่ของเผ่าหนอนผีเสื้อที่เดิมทีกระเหี้ยนกระหือรืออยู่กรีดร้องเสียงประหลาดดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้อยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ถูกขวางไว้นอกกำแพงไฟ
หลังจากทำทุกสิ่งนี้เสร็จสิ้น มือข้างหนึ่งของซือโห่วพลันเปล่งแสงสีขาวแสบตาวูบหนึ่ง หอกสั้นสีขาวปลอดเล่มหนึ่งลอยออกมาพร้อมกับแผ่คลื่นปราณจิตวิญญาณอันน่าตกตะลึง
หอกสั้นสีขาวสั่นวูบหนึ่งก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า มันเปล่งแสงก่อนจะฟันเข้าใส่แมลงสีเลือดตัวหนึ่งที่อยู่ตรงกลุ่มบุรุษผมแดง
หลิ่วหมิงขยับร่างพุ่งพรวดออกไปหาตะขาบที่โผล่เข้ามาล่าสุดตัวนั้น
เชอฮ่วนกลายเป็นแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งเหาะเข้ามา แสงเรืองรองสีน้ำเงินผืนหนึ่งกวาดเข้าใส่ตะขาบอย่างรวดเร็วยิ่งนัก
ตะขาบถูกแสงเรืองรองสีน้ำเงินล้อม เปลือกทั้งร่างแตกร่อน ร่างกายชะงักทันที
เงาคนโฉบหายไป ร่างกายของหลิ่วหมิงขยับวูบเดียวมาปรากฏตัวตรงหน้าตะขาบเผ่าหนอนผีเสื้อแล้วตวาดแผ่วเบา เสียงกระดูกลั่นดังออกมาจากร่าง กำปั้นที่มีปราณดำวนเวียนต่อยลงบนหัวของตะขาบ
พลังมหาศาลท่วมท้นสายหนึ่งโจมตีบนร่างตะขาบเสียงดังกึกก้อง เสียงกระดูกแตกดังกระจ่างชัด หัวแบนของแมลงถูกหลิ่วหมิงต่อยจนเป็นรูขนาดใหญ่รูหนึ่ง สมองที่เละเหลวกระเซ็นออกมา ร่างกายมหึมาถูกโจมตีปลิวไปในอากาศลอยออกไปหลายสิบจั้งแล้วร่วงกระแทกพื้นหนักหน่วง จากนั้นดิ้นรนได้ไม่กี่ครั้งก็แน่นิ่ง
หลิ่วหมิงพาเชอฮ่วนขยับพุ่งเข้าไปหาแมลงสีเลือดอีกตัวหนึ่ง
ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนยังคงเป็นดาวข่มของเผ่าหนอนผีเสื้อ เมื่อรวมกับพลังอันแข็งแกร่งที่หลิ่วหมิงสำแดงออกมา ไม่ทันไรแมลงสีเลือดก็ถูกสังหารแล้วถูกเชอฮ่วนกลืนลงท้อง
ในเวลาเดียวกันอีกด้านหนึ่ง ซือโห่วก็สังหารแมลงสีเลือดอีกสองตัวที่สู้ดุเดือดอยู่กับพวกบุรุษร่างกำยำผมแดงสองคนแล้วอย่างง่ายดาย