ตอนที่ 1167 : การกลับมาของตระกูลผู้พิทักษ์ (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

มารราคะมีท่าทีเปลี่ยนไปทันที เขายังคงได้รับบาดเจ็บหลังจากที่เกิดการต่อสู้กับจิตวิญญาณม่านพลังที่เมืองทหารรับจ้าง เขาสามารถป้องกันตัวเองได้ชั่วคราวขณะที่ต่อสู้กับรุยจินในตอนนี้ แต่เขาไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถหลบหนีได้เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีของทั้งสาม

สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดมากที่สุดคือความจริงที่ว่าทั้งสามมีเกราะพลังงานดั้งเดิม มันยากมากที่เขาจะทำร้ายพวกเขาได้ด้วยพลังแค่เพียงเซียนจักรพรรดิในปัจจุบัน ขณะที่ทักษะที่มีชื่อเสียงของเขาก็ถูกป้องกันด้วยลูกปัดวิญญาณ อาวุธของพวกเขาจะมีมาจากพลังงานดั้งเดิมที่มีเพียงเซียนจักรพรรดิเท่านั้นที่จะควบคุมได้ มันเป็นพลังงานพื้นที่ที่ต่างกันทั้งหมด ดังนั้นแม้กระทั่งเซียนจักรพรรดิก็พบว่ามันยากที่จะป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดจากพลังงานดั้งเดิม

หน้าตาของมารราคะกลายเป็นน่ากลัวอย่างยิ่ง เขารวบรวมพลังงานโลกรอบ ๆ ด้วยความสามารถของเซียนจักรพรรดิและโจมตีพวกเขาทั้งสามด้วยฝ่ามือทั้ง 3 ครั้ง การโจมตีแต่ละครั้งเต็มไปด้วยพลังที่รุนแรงและพวกมันยังมีพลังงานโลกที่ส่งผลแต่เซียนจักรพรรดิ แม้แต่เซียนราชาที่อยู่ในขั้นสูงสุดก็อ่อนแอราวกับมดเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่ยิ่งใหญ่ มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะทนได้

รุยจิน,หงเหลียนและเฮยยู่ไม่มีความกลัวเลย ขณะที่พวกเขาโจมตีไปยังมารราคะ พวกเขาทำลายพลังของฝ่ามือนั้นโดยใช้พลังจากอาวุธของพวกเขาก่อนที่จะโจมตีต่อไปอย่างไม่มีความล่าช้า ด้วยพลังงานดั้งเดิมจากอาวุธที่โจมตีไปยังมารราคะ อาวุธของพวกเขาก็เปล่งแสงสดใส

ทั้งสามคนเกลียดมารราคะอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ทุกอย่างที่เขามี อาวุธพลังดั้งเดิมถูกเหวี่ยงออกมาขณะที่พวกเขายืนกันเป็นรูปสามเหลี่ยมพร้อมกับกดดันเขาอยู่ตรงกลาง พวกเขาป้องกันไม่ให้มารราคะหาทางหลบหนีได้

มารราคะพยายามที่จะสงบใจลงก่อน ทันใดนั้นเขาก็ตะโกน “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะถูกเล่นงานได้ง่าย ๆ ! ” พายุหลังงานที่กว้างใหญ่พลุ่งพล่านปะทุออกมาจากร่างกายของเขาก่อนที่จะกลายเป็นมวลพายุและพัดพาทำให้เกิดหายนะไปทุกทิศทาง มันทำให้พื้นที่รอบ ๆ สั่นและแตกร้าวไปทั่วทุกที่

พลังงานบริสุทธิ์และทรงพลังอย่างยิ่งได้ควบแน่นอยู่ที่มือทั้งสองข้างของเขา เขาหลีกเลี่ยงรุยจินและหงเหลียนพร้อมกับพุ่งเข้าหาเฮยยู่อย่างโกรธแค้น มือข้างหนึ่งของเขาที่ดูเหมือนจะหลอมรวมเข้ากับพื้นที่รอบ ๆ ได้ปัดกวาดบนอากาศพร้อมกับภาพลวงตาที่เป็นภาพมายา มันดูเหมือนจะช้าแต่มันก็กระแทกเฮยอยู่อย่างรวดเร็ว แขนของเขาปะทะเข้ากับพลังงานในมือของเขาและกระแทกเข้ากับใบมีด มันทำให้มีดในมือเฮยยู่กระเด็นออกไปและแขนของเฮยยู่ก็ถึงกับชา

มืออีกข้างของมารราคะกระแทกเข้ากับอกของเฮยยู่ด้วยความราวปานสายฟ้าหลังจากที่เขาปัดมีดกระเด็นออกไป พลังงานในมือของเขาได้กระแทกเฮยยู่กระเด็นออกไป เกราะของเฮยยู่กระพริบป้องกันพลังที่โจมตีออกมาจากฝ่ามือ

มารราคะได้พุ่งเปิดทางออกไป เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำร้ายคนทั้งสาม ดังนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์หากเขายังคงพัวพันกับการต่อสู้อยู่ขณะที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ในเวลานั้นคลื่นความร้อนได้พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง ปิ่นเทพเพลิงเผาไหม้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะยิงออกมา มันมาถึงมารราคะแล้ว

มารราคะไม่มีเวลาที่จะหลบ เขาหันหลังกลับมาและรีบป้องกันด้วยมือของเขาพร้อมกับพลังงานของโลกรอบ ๆ

อย่างไรก็ตามฝ่ามือของมารราคะรีบเกินไป มันไม่มีพลัง ดังนั้นปิ่นปักผมจึงตัดผ่านออกไปราวกับมีดร้อนตัดเนยด้วยการบินไปยังหน้าของมารราคะ

ตาของมารราคะหรี่ลงและมือของเขาก็โบกมือพร้อมกับโถงศักดิ์สิทธิ์ลอยออกมาจากแหวนมิติของเขาทันที มันขยายขนาดเท่าบ้านขวางอยู่ด้านหน้าของเขา

ปิ่นกระแทกเข้ากับโถงศํกดิ์สิทธิ์และระเบิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โถงศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือนอย่างหนักและเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้ แสงสีทางประกายพุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังของมารราคะ รุยจินปรากฏตัวอยู่ที่หลังในช่วงเวลานั้น เขาจับดาบด้วยมือขวาของเขา ขณะที่เขาใช้ผนึกด้วยมือซ้าย ดาบแทงออกไปยังมารราคะอย่างรวดเร็วราวกับแสง

มารราคะตกใจเมื่อเขารู้ว่ามีอะไรอยู่ด้านหลังของเขา รุยจินปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันและแม้แต่เขาก็ไม่อาจรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเขา เขาน่าชื่นชมจริง ๆ “ความสามารถและทักษะลับต่าง ๆ ของตระกูลมังกรช่างลึกซึ้งจริง ๆ ” แม้ขณะที่เขาคิดอย่างนั้น เขาก็ยังคงตอบโต้อย่างรวดเร็ว เขาเมินเฉยต่อพลังคลื่นและหลอมรวมเข้ากับสภาพแวดล้อมของเขาด้วยความสามารถของเขาในฐานะของเซียนจักรพรรดิ เขาต้องหลบการโจมตีของรุยจิน

“ทักษะลับตระกูลมังกร ตรึงมิติ ! ” ในช่วงเวลาสำคัญมือซ้ายของรุยจินก็ทับมิติและตรึงมันไว้ราวกับถูกแช่แข็ง เขาจับมารราคะที่ได้รับผลกระทบ เขาแน่นิ่งเพราะถูกตรึงไว้

แต่ในเวลาต่อมา มารราคะทำลายมิติที่นิ่งแข็งด้วยพลังที่มากล้นของเขา เขาใช้พลังทำลายทักษะลับรุยจิน แต่ทำให้เขาสายเกินไป เขาเสียโอกาสที่ดีที่สุดในการหลบหนี ดังนั้นดาบของรุยจินจึงฟันเขาอย่างไร้ความปราณีและมันปรากฏขึ้นมาจากด้านหลังของเขา

มารราคะทำเสียงฮึดฮัด การถูกกระแทกด้วยดาบพลังงานตั้งเดิมกลางหน้าอกให้ความรู้สึกที่น่ากลัวอย่างมาก มันแย่กว่าการบาดเจ็บตามปกติมาก

ปัง !

มารราคะเตะไปยังหน้าอกของรุยจินอย่างแม่นยำ มันทำให้ตัวเขาและดาบถูกดึงออกจากกัน

The path lord’s white robes had already become dyed red with blood. His face was even paler now, and his injuries were even worse than before.

เสื้อคลุมสีขาวของมารราคะได้กลายเป็นสีแดงเพราะเลือดของตัวเอง ใบหน้าของเขาซีดเซียวมาก ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลงกว่าเดิม

“ตายซะ เซียนจักรพรรดิของมนุษย์ ! ” หงเหลียนตะโกน เปลวเพลิงลุกท่วมร่างของนางขณะที่นางบินไปยังโถงศักดิ์สิทธิ์ นางยังคงโจมตีด้วยปิ่นของนางที่อยู่ในมือ ขณะที่นางจ้องมองเขาพร้อมกับแผ่จิตสังหาร

มารราคะถอยกลับอย่างรวดเร็ว เขาเหลือบมองทั้งสามอย่างเยือกเย็นและกัดฟัน”หากว่าข้าหายจากการบาดเจ็บที่เกิดจากจิตวิญญาณม่านพลังของเมืองทหารรับจ้าง เจ้าทั้งสามไม่อาจทำร้ายข้าได้ อย่างไรก็ตามพวกเจ้าทั้งสามไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งข้าไม่ให้ข้าจากไปได้” มารราคะถอยหลังและไม่ต้องการเผชิญหน้ากับทั้งสามคนอื่นต่อไป มือของเขาเคลื่อนไหวหมุนวนอย่างช้า ๆ พร้อมกับปราณแท้ของโลก มันดูเหมือนกับว่ามันสร้างทางเชื่อมต่อกันระหว่างทั้งสองมิติพร้อมกับเสียงที่กึกก้อง

“ทลายมิติ ! “ทันใดนั้นมารราคะก็ตะโกนออกมา พลังโลกที่ทรงพลังก็เข้ารวมทำให้พื้นที่รอบ ๆ สั่นสะเทือนและเกิดรอยมิติด้านหน้าของเขา มันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่จะกลายเป็นความมืดสมบูรณ์ มีเพียงความว่างเปล่าอยู่ภายใน

ใบหน้าของหงเหลียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางรู้ว่ามารราคะจะทำลายและสลายพื้นที่มิติด้วยความสามารถของเซียนจักรพรรดิ การเข้าสู่ในนั้นก็หมายถึงการรับโทษทันที นางจึงอยู่ห่างจากที่นี่ทันที