ตอนที่ 2451

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,451 : เผ่ามังกรแห่งว่านโช่วเทียน

 

“ในเมื่อเจ้าพูดมาถึงขนาดนี้ ข้าเองก็ชักอยากจะเห็นสหายน้อยทั้ง 3 ที่ว่าขึ้นมาเหมือนกัน”

 

ได้ยินคำของสตรีชุดแดง สองตางามของสตรีชุดเขียวอ่อนก็ทอประกายขึ้นมา ในวาจายังเผยความสนใจเล็กน้อย

 

“เช่นนั้นพี่หญิงไปกับข้าเลยเถอะ”

 

สตรีชุดแดงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ไปสิ”

 

สตรีชุดเขียวกล่าวจบร่างบางก็อันตรธานหายไปจากบัลลังก์ในห้องโถงอย่างไร้ร่องรอยทันที

 

ครู่ต่อมาสตรีชุดแดงก็หายตัวไปอีกคน

 

ครู่ต่อมาห้องโถงก็กลายเป็นเงียบงัน

 

พวกเสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ทั้ง 3 ก็ยังคงเดินทางท่องไปในแดนลับต่างสวรรค์อย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้พวกมันอาจประสบภัยได้ทุกเวลา

 

เพราะหากมันพบเจอผู้ตรวจสอบเคี่ยวๆล่ะก็ อย่าว่าแต่พลังฝึกปรือ…เกรงว่ากระทั่งชีวิตยังไม่อาจรักษาเอาไว้ได้!

 

ตอนนี้พวกเสี่ยวจิน เสี่ยวเฮย และเสี่ยวไป๋ ก็ออกเดินทางไปต่อด้วยควาวหวังว่าจะได้พบเจอพี่ใหญ่หลิงเทียนกับพี่สาวเค่อเอ๋อของพวกมัน

 

อนิจจาทั้ง 3 ไม่ได้รู้เลย

 

ว่าวิกฤตกำลังคืบคลานใกล้เข้ามาเต็มที

 

และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังจะมีคนมาพาพวกมันออกจากแดนลับต่างสวรรค์ เพื่อไปยังระนาบเทวโลกโดยตรง!

 

 

ทุกๆระนาบเทวโลกจะมี ‘วิหารเหนือฟ้า’ หนึ่งหลัง

 

ในเมื่อระนาบเทวโลกมีทั้งสิ้นเก้าเก้า 81 ระนาบ เช่นนั้นจึงมีวิหารเหนือฟ้าทั้งสิ้น 81 หลัง

 

วิหารเหนือฟ้าที่ว่า กล่าวไปในระดับหนึ่งก็เสมือนสถานีขนส่งระหว่างระนาบเทวโลกแต่ละระนาบ และหากต้าหลัวจินเซียนคนไหนคิดเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ ก็จำต้องมาลงทะเบียนเดินทางที่วิหารเหนือฟ้าที่ว่า…

 

หลังจากที่ลงทะเบียนในวิหารเหนือฟ้าเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเข้าสู่ข่ายอาคมเคลื่อนย้าย เพื่อไปยังแดนลับต่างสวรรค์ที่หมายปอง และหากคิดทิ้งมรดกอย่างยอดสมบัติสวรรค์ เวทย์พลัง ทั้งวรยุทธ์เซียนอมตะเอาไว้ในแดนลับต่างสวรรค์ก็ต้องทำตามข้อกำหนดของวิหารเหนือฟ้าอีกด้วย

 

วิหารเหนือฟ้ากล่าวไปก็มีหน้าที่ละม้ายคล้ายผู้ตรวจสอบของแดนลับต่างสวรรค์อยู่บ้าง อีกทั้งยังเป็นคนของจักรพรรดิสวรรค์โดยตรง

 

อย่างไรก็ตามมันจะแตกต่างจากผู้ตรวจสอบเล็กน้อย

 

ในวิหารเหนือฟ้านั้นเนื่องจากมีคนทำหน้าที่เยอะแยะมากมาย จึงทำให้เสมือนมีปลาทั้งมังกรผสมปนเป

 

เจ้าหน้าที่ของวิหารเหนือฟ้าบางคน เพียงเพื่อผลประโยชน์แล้ว ทำได้แม้กระทั่งขายข้อมูลในแดนลับต่างสวรรค์!

 

อย่างเช่นในกรณีนี้ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ของวิหารเหนือฟ้าคนหนึ่งค้นพบการคงอยู่ เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และรู้ว่าทั้ง 3 นั้นได้ทำผิดกฏของแดนลับต่างสวรรค์ ปกติตามหน้าที่ของมัน ตัวมันต้องติดต่อประสานไปยังผู้ตรวจสอบที่รับผิดชอบดูแลแดนลับต่างสวรรค์นั้นๆ…

 

แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ของวิหารเหนือฟ้าคนนั้นพบว่า พวกเสี่ยวจิน เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ ได้รับสืบทอดมรดกจากขุมพลังอันยิ่งใหญ่! มันจึงไม่แจ้งไปยังผู้ตรวจสอบให้จัดการเรื่องราว หากแต่เลือกจะขายข้อมูลให้กับขุมพลังยิ่งใหญ่ที่ว่าแทน!

 

มีหลายคนนักที่ชมชอบกระทำแบบนี้

 

เพราะทุกครั้งพวกมันจะได้รับผลตอบแทนอันดีงามจากขุมพลังต้นสังกัดทั้งหลาย

 

“ใต้เท้าเมิ่ง เป็น 3 คนนี้ขอรับ!”

 

ภายในห้องลับแห่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนในชุดที่คล้ายจะเป็นเครื่องแบบเฉพาะ ผายมือไปทางจอแก้วที่กำลังสะท้อนฉากเรื่องๆราวต่างๆ 2 จอ พลางหันไปกล่าวคำกับสตรีชุดแดงด้วยทีท่าเคารพ

 

ในจอแก้วหนึ่ง ปรากฏร่างเด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองกำลังเหินร่างร่อนเร่ไปทั่ว

 

ส่วนอีกจอแก้วสะท้อนภาพเด็กชายกับเด็กหญิงตัวน้อยคู่หนึ่งในชุดสีดำกับขาว…และในขณะที่ทั้งคู่ลงมือ หว่างคิ้วพลันปรากฏสัญลักษณ์ ‘จันทร์เสี้ยวสีเลือด’ ทอแสงสว่างออกมา

 

“เป็นข้าบังเอิญพบเห็นเด็กชายกับเด็กหญิงคู่นี้โดยบังเอิญจึงรู้สึกสนใจไม่น้อย และพอพบว่าในขณะที่ทั้งคู่ลงมือใช้พลังหว่างคิ้วของพวกมันพลันปรากฏจันทร์เสี้ยวสีเลือดขึ้น…จึงจดจำได้ว่านั่นสมควรเป็นสัญลักษณ์ของ หุบจันทร์โลหิตของพวกท่าน”

 

ชายวัยกลางคนกล่าวสืบต่อ

 

และบนชุดเครื่องแบบของชายวัยกลางคนผู้นี้ หากสังเกตให้ดีจะพบอักษร วิหารเหนือฟ้า ปักไว้ที่อกขวา บ่งบอกฐานะว่ามันเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของวิหารเหนือฟ้า

 

“เป็นเพราะข้าพบทั้งคู่โดยบังเอิญ…จึงเริ่มตรวจตราแดนลับต่างสวรรค์ที่ทั้งคู่อยู่ทันที สุดท้ายจึงได้พบเห็นเด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองนางนี้อีกคน และยามนางใช้พลังลงมือ หว่างคิ้วก็ปรากฏสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวสีเลือดเช่นกันขอรับ”

 

หลังหยุดไปเล็กน้อย ชายวัยกลางคนค่อยกล่าวตอบออกมาจนจบ

 

“เจ้าทำได้ดีมาก…หากข้ารับตัวทั้ง 3 มาได้อย่างสวัสดิภาพ หุบจันทร์โลหิตของข้าย่อมไม่คิดเอาเปรียบเจ้า และจักมอบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม”

 

สตรีชุดแดงพยักหน้ากล่าวคำด้วยความพอใจ

 

“เช่นนั้นผู้น้อยต้องขอขอบคุณใต้เท้าเมิ่งล่วงหน้าแล้ว”

 

ได้ยินคำของสตรีในชุดแดง สองตาชายวัยกลางคนก็หดหยีลงทันใด ยังฉีกยิ้มสดใสออกมาจนแก้มแทบปริ!

 

ที่มันติดต่อสตรีชุดแดงนี้ไป มิใช่เพราะหวังผลประโยชน์เช่นนี้หรอกหรือ?

 

“หืม? เด็กน้อยทั้งสองด้านนี้เป็นมังกรรึ?”

 

ตอนนี้เองสตรีในชุดเขียวอ่อนที่ยืนเงียบข้างๆสตรีชุดแดงมาโดยตลอด หลังมองภาพเรื่องราวในจอแก้วไปสักพักก็หยีตากล่าวออก

 

นั่นเพราะในจอแก้วที่ว่า อยู่ๆฉากเรื่องราวในนั้นก็ฉายภาพตอนเด็กชายกับเด็กหญิงเจอศัตรูตึงมือ ถึงกับต้องใช้ร่างที่แท้จริงออกมา!

 

ยังเป็นมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บทั้งคู่!

 

“เมิ่งเยา..เด็กน้อยทั้งสองนั่นข้าต้องการตัวพวกมัน!”

 

สตรีในชุดเขียวถึงกับหันไปกล่าวคำกับสตรีในชุดแดงด้วยน้ำเสียงท่าทีมุ่งมั่นสุดขีด!

 

“พี่หญิงท่านคิดพาตัวพวกมันไปก็ย่อมได้…เพียงแค่ต้องให้ท่านประมุขของท่านส่งสารแจ้งถึงจ้าวหุบของข้าด้วย”

 

สำหรับคำขอของสตรีชุดเขียวนั้น สตรีในชุดแดงไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย

 

“หาไม่แล้วเบื้องบนได้เฉ่งข้าหนักแน่…ถึงตอนนั้นข้าก็มิรู้จะอธิบายอย่างไร”

 

กล่าวจบสตรีชุดแดงก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มเจื่อนๆ

 

“ได้สิ”

 

สตรีชุดเขียวพยักหน้ารับคำเป็นมั่นเหมาะ หลังจากนั้นก็หันไปมองจ้องร่างมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บทั้ง 2 ในจอแก้วไม่วางตา

 

“ใต้เท้าเมิ่ง มิทราบท่านหญิงผู้นี้เป็นผู้ใดหรือ?”

 

ตอนนี้เองชายวัยกลางคนอันเป็นเจ้าหน้าที่ของวิหารเหนือฟ้า ก็ตระหนักได้ถึงความไม่ธรรมดาของสตรีชุดเขียว จึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงไปถามสตรีชุดแดง

 

“นางเป็นพี่หญิงที่นับถือของข้า จี้เซียง”

 

สตรีชุดแดงส่งเสียงกล่าวตอบ

 

“จี้เซียง?”

 

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วไปทันใด เพราะมันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลานามนี้นัก

 

“พี่หญิงของข้าเป็นคนของเผ่ามังกร”

 

สตรีชุดแดงกล่าวชี้นำ

 

“เผ่ามังกร?”

 

ได้รับการชี้นำจากสตรีชุดแดง ร่างชายวัยกลางคนก็สะท้านแข็งไปทันใด ยามมองไปยังสตรีชุดเขียวอีกครั้งสองตาก็เผยความหวาดกลัวออกมา จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปถามยืนยันจากสตรีชุดแดง “ใต้เท้าเมิ่ง…หรือนางคืออาวุโสที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์เผ่ามังกรของว่านโช่วเทียนเรา?”

 

“มิผิด”

 

สตรีชุดแดงส่งเสียงกล่าวตอบ

 

“ผู้น้อยขอคารวะอาวุโสจี้เซียง”

 

“เป็นผู้น้อยมีตาแต่ไร้แววมิรู้จักอาวุโสจี้เซียงผู้ยิ่งใหญ่แต่แรก หวังว่าอาวุโสจี้เซียงจะเมตตาอภัยให้ผู้น้อยด้วย”

 

เมื่อได้รับคำยืนยันของสตรีชุดแดง ชายวัยกลางคนก็ร่างสั่นไปทันที ในใจยังบังเกิดความครั่นคร้ามกริ่งเกรงถึงขีดสุด เร่งหันไปประสานมือโค้งคาระวะให้สตรีชุดเขียว พลางขอขมาลาโทษทันทีเพราะมันทะลึ่งคารวะทักทายสตรีชุดแดงแต่ไม่คารวะทักทายสตรีที่มีฐานะสูงส่งผู้นี้!!

 

ถึงแม้ตอนนี้จักรพรรดิสวรรค์ของ ว่านโช่วเทียน จะไม่ใช่คนของเผ่ามังกรอีกต่อไป…

 

อย่างไรก็ตามเผ่ามังกรนั้น เป็นขุมพลังอันดับสองที่แข็งแกร่งรองจากขุมพลังของจักรพรรดิสวรรค์องค์ปัจจุบันแห่งว่านโช่วเทียน!

 

กระทั่งขุมพลังที่แข็งแกร่งอย่างหุบจันทร์โลหิต ยังอ่อนด้อยกว่าเผ่ามังกร!

 

“เจ้าไปเปิดอาคมเคลื่อนย้ายไปยังแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้เถอะ”

 

อย่างไรก็ตามสตรีชุดเขียวผู้เป็นถึงอาวุโสที่อายุน้อยที่สุดของเผ่าพันธุ์มังกรแห่งว่านโช่วเทียน จี้เซียง ไม่ได้สนใจอะไรชายวัยกลางคนแต่แรก เพียงหันไปเหลือบมองมันด้วยสายตาเฉยเมยกล่าวออกเสียงเบา

 

“ย่อมได้ขอรับ ข้าน้อยรีบเปิดเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

 

เมื่อชายวัยกลางคนเห็นว่าสตรีชุดเขียวไม่คิดถือสาหาความในใจก็บังเกิดความโล่งอกครั้งใหญ่ และมันก็ไม่กล้าละเลยคำสั่งของสตรีชุดเขียว เร่งจัดการเปิดข่ายอาคมเคลื่อนย้ายนำไปสู่แดนลับต่างสวรรค์ที่ว่าทันที

 

ถึงแม้ว่าวิหารเหนือฟ้าที่มันทำงานให้ จะอยู่ภายใต้อำนาจของจักพรรดิสวรรค์แห่งว่านโช่วเทียนโดยตรง

 

อย่างไรก็ตามมันย่อมรู้ดี

 

สำหรับเจ้าหน้าที่ธรรมดาๆของวิหารเหนือฟ้าเช่นมัน ให้จี้เซียงฆ่าทิ้งไปสักร้อยคนพันคน ก็ไม่มีทางที่จักรพรรดิสวรรค์จะติดใจเอาความอะไร!

 

วู้มมม!

 

แทบจะทันทีที่อาคมเคลื่อนย้ายเปิดทำงาน ร่างจี้เซียงก็วูบหายเข้าไปในข่ายอาคมทันที

 

สตรีชุดแดงก็วูบร่างตามไปติดๆ

 

ทำให้พริบตานี้ นอกจากคนของระนาบโลกกียะทั้ง 5 รวมถึงระนาบเซียนแล้ว ภายในแดนลับต่างสวรรค์พลันปรากฏบุคคลแปลกหน้าเพิ่มขึ้นมาอีก 2คน!

 

และ 2 คนที่ว่าก็มาจาก ว่านโช่วเทียน!

 

หนึ่งเป็นชนชั้นอาวุโสของเผ่ามังกร จี้เซียง!

 

อีกหนึ่งเป็นคนของหุบจันทร์โลหิต เมิ่งเยา!

 

วูบ!

 

ทันทีที่จี้เซียงมาถึงแดนลับต่างสวรรค์ สำนึกเทวะของนางก็แผ่ซ่านกำจายออกไปดั่งมหาพายุ เสี้ยวพริบตาก็ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่!

 

พื้นที่ขนาดใหญ่ที่ว่า นับเป็น 1 ใน 100 ส่วนของแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้เข้าไปแล้ว!

 

สิ่งนี้เผยให้เห็นได้ชัดเจนว่าสำนึกเทวะของ อาวุโสที่อายุน้อยที่สุดของเผ่ามังกรแห่งว่านโช่วเทียนนั้นทรงพลังเพียงใด…

 

“หืม?”

 

เมื่อจี้เซียงพบว่าเป้าหมายการมาของนางในครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ในรัศมีสำนึกเทวะของนาง ตัวนางก็เตรียมจะรั้งสำนึกเทวะกลับและเคลื่อนย้ายไปตำแหน่งอื่นทันที หากทว่าอยู่ๆนางก็ชะงักไปคล้ายสังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่าง จึงไม่คิดจะรั้งสำนึกเทวะกลับมา

 

“นี่มัน…”

 

ในขอบเขตสำนึกเทวะของจี้เซียง มีชายหนุ่มในชุดสีม่วงคนหนึ่งที่กำลังลงมือจู่โจมออกด้วยกระบี่บิน ทั้งกระบี่บินดังกล่าวยังปลดปล่อยรังสีกระบี่ออกมามากกว่า 5 สายในพริบตา!

 

อีกทั้งรังสีกระบี่ที่มากกว่า 5 สายนั่น ชั่วพริบตาก็หลอมรวมเป็นหนึ่งค่อยผสานเข้ากับกระบี่เซียนอมตะ! ยังผลให้พลังอำนาจของมันทะยานพุ่งขึ้นอย่างน่ากลัว!!

 

ทันใดนั้นเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ก็ถูกสังหารลงอย่างที่ไม่อาจตอบสนองสิ่งใดได้เลย

 

“กระบวนท่ากระบี่บินนี่มัน…หรือจะเป็น…”

 

จี้เซียงหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว

 

ทันใดนั้นในใจของนางก็ปรากฏฉากเรื่องราวในอดีตผุดขึ้น

 

ย้อนกลับไปตอนนั้น มีเซียนกระบี่อัจฉริยะผู้หนึ่งได้เดินทางมายังว่านโช่วเทียนเพื่อท้าประลองประมุขเผ่ามังกร ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามังกรของนาง…

 

การสัประยุทธ์ครานั้นเรียกว่าเทพมารยังถึงกับต้องคร่ำครวญ

 

ยามนั้นนางเป็นเพียงมังกรน้อยตัวหนึ่งในเผ่าพันธุ์มังกรเท่านั้น เพียงแค่บิดามารดาของนางเป็นชนชั้นผู้พิทักษ์ นางจึงได้รับโอกาสให้ชมดูการประลองดังกล่าว สุดท้ายเลยได้เป็นประจักษ์พยานในการสัประยุทธ์สะท้านฟ้าดินที่ว่า!

 

และในการสัประยุทธ์สะท้านฟ้าครานั้น ก็เป็นประมุขเผ่ามังกรของพวกนางที่แข็งแกร่งประหนึ่งเทพเจ้าได้พ่ายแพ้ต่อเซียนกระบี่อัจฉริยะนั่น!

 

“ท่านประมุขจักพ่ายแพ้ได้อย่างไร…”

 

เวลานั้นตัวนางถึงกับไม่อาจยอมรับความจริงข้อนี้ได้…

 

“ข้าแพ้แล้ว…ด้วยพลังฝีมือของเจ้าตอนนี้ ขอเพียงก้าวหน้าขึ้นอีกเล็กน้อยเกรงว่าต่อให้เจ้าจะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิสวรรค์ก็มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะและขึ้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์แทน…”

 

นางยังจดจำวาจาที่ประมุขเผ่ามังกรของนาง กล่าวกับบุคคลผู้นั้นได้เป็นอย่างดี

 

และไม่นานหลังจากนั้นก็บังเกิดเรื่องราวสะท้านสะเทือนอุบัติขึ้นที่ จี้เมี่ยเทียน

 

จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนปราชัยทั้งตายตก!

 

จักรพรรดิสวรรค์องค์ใหม่ของจี้เมี่ยเทียน คือตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างน่าพรั่นพรึง! อาศัยการย่ำเหยียบซากศพจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนคนเก่าเพื่อก้าวขึ้นสู่บัลลังก์!!

 

“จักพรรดิสวรรค์องค์ใหม่ของจี้เมี่ยเทียน…คือเซียนกระบี่ที่เอาชนะท่านประมุขได้งั้นหรือ!?”

 

เรียกว่าทันทีที่ข่าวใหญ่ดังกล่าวแพร่มาถึงเผ่ามังกรแห่งว่านโช่วเทียน จี้เซียง ก็ถึงกับตกตะลึงอึ้งค้างไปอยู่นาน

 

เพราะนางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยจริงๆ

 

คนที่ประมุขของนางกล่าววาจาประเมินไว้สูงผู้นั้น สามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์องค์ใหม่ได้จริงๆ!!