ตอนที่ 2,453 : คุยโว หน้าไม่อาย?
ต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมดาว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋เลย
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้ง 3 ได้ถูกผู้อื่นพาตัวไปในระหว่างทางที่กำลังตามหาเขา
ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกพาตัวไปจากแดนลับต่างสวรรค์เรียบร้อยแล้ว!
ณ ที่ไหนสักแห่งในแดนลับต่างสวรรค์
“โอย…พวกเรามาช้าเกินไป…”
เสียงสตรีหนึ่งดังขึ้น นางเป็นหนึ่งในร่าง 3 ร่างที่คล้ายเดินทางมาอย่างยาวนาน เมื่อมาถึงขุนเขาสูงชันแห่งหนึ่ง ก็มองไปยังร่างชราถือดาบคนหนึ่งที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมด้วยสายตาเสียดาย
ดาบในมือชายชรา มันแผ่กลิ่นอายพลังอันน่ากลัวออกมาจางๆ
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ชายชราถ่ายทอดพลังลงสู่ตัวดาบ ตัวดาบก็เปล่งเสียงกู่ร้องออกมาฮึงๆ ทั้งเปล่งประกายแหลมคมออกมาฉาบคลุมไปทั่วราวกับไม่มีสิ่งใดที่มันฟันไม่ขาด
“ฮ่าๆๆ ดาบดี! ดาบดี!!”
ขณะเดียวกันกับที่เห็นพลังอานุภาพของดาบในมือ ชายชราดังกล่าวก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์?”
สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงทันใด หลังได้ยินเสียงกระซิบคุยกันของผู้คนโดยรอบ
เพราะเขาได้รู้จากหลายๆคนว่า
ที่นี่คือ สมบัติสถานระดับโลก…
และดาบในมือชายชราก็เป็นยอดสมบัติประจำสมบัติสถานแห่งนี้
ก่อนที่ชายชราจะปรากฏกาย เห็นว่ามีเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ 2 คนกำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อช่วงชิงดาบ
ทว่าเมื่อชายชรามาถึง มันก็ไม่เสียเวลารอให้เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ทั้ง 2 เหน็จเหนื่อยอ่อนล้าหรือตายกันไปข้างแต่อย่างใด เพียงลงมือเข่นฆ่าทั้งคู่ลงในชั่วพริบตา
เผยพลังอำนาจขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ออกมาอย่างไม่คิดจะปกปิด!
“เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์!”
และพอได้รู้ว่าชายชราผู้มาใหม่เป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ เหล่าผู้คนโดยรอบที่คาดหวังในดาบ ก็ปัดความคิดช่วชิงทั้งมวลทิ้งไปทันที
ล้อกันเล่นหรือไร!?
นั่นมันเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์นะ!
คิดชิงยอดสมบัติสวรรค์ในมือเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ ยังจะต่างอะไรกับแย่งเนื้อจากปากเสือ?
“คงจะดีหากมันยังมิทันได้ดาบเล่มนี้ไปครอง…หาไม่แล้วดาบเล่มนี้คงเป็นของท่านง่ายๆแน่พี่ใหญ่หลิงเทียน”
ทางด้านพวกต้วนหลิงเทียน หานเฉวี่ยไน่อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างเสียดายอีกรอบ สองตามองจ้องดาบในมือชายชราที่กำลังระเบิดเสียงหัวเราะพลางระบายลมหายใจอย่างทอดถอน
ในความคิดของนาง
ถึงแม้ชายชราเบื้องหน้าจะเป็นเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ แต่ตราบใดที่ยังไม่มียอดสมบัติสวรรค์ในถือครอง ก็ไม่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของพี่ใหญ่หลิงเทียนของนาง
เพราะสุดท้ายแล้วพี่ใหญ่ของนางก็เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ได้ง่ายดาย พลังย่อมแข็งแกร่งทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์เข้าไปแล้ว
ทว่าตอนนี้เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เบื้องหน้ากลับถือครองยอดสมบัติสวรรค์ในมือ นั่นหมายความว่าเมื่อศาสตราเปล่งอานุภาพ พลังของมันก็จะเพิ่มพูนขึ้นไปอยู่ในขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทันที ทำให้พี่ใหญ่หลิงเทียนของนางไม่มีเปรียบอีกต่อไป
เช่นนั้นหากพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางคิดชิงดาบมา ก็ค่อนข้างยุ่งยากไม่น้อย
จางยี่ที่ลอยร่างอยู่อีกข้างแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นจากสายตาเป็นกังวลของมันก็เผยให้รู้
ความในใจของมันก็ไม่ต่างอะไรจากหานเฉวี่ยไน่
“เป็นผู้ใดลำพองตนถึงขนาดนี้?”
“เมื่อครู่ยาโถวน้องนางนี้กล่าวว่า หากผู้เฒ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ไม่ได้รับยอดสมบัติสวรรค์ไปก่อน ชายหนุ่มข้างกายนางจะสามารถชิงไปครองได้?”
…
เสียงหานเฉวี่ยไน่แม้ไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่ทุกคนในที่นี้ล้วนได้ยินกันทั่ว
ทันใดนั้นสายตาทุกคนก็หันขวับไปจับจ้องหานเฉวี่ยไน่ กับต้วนหลิงเทียนทันที
นั่นเพราะพวกมันได้ยินชัดเจน
พี่ใหญ่หลิงเทียนที่ยาโถวน้อยนางนี้มองกล่าวด้วยก็คือชายหนุ่มในชุดสีม่วง
“ผู้เฒ่าคนนั้นเป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์พอได้รับยอดสมบัติสวรรค์เลยเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์…ทว่าหากไม่มียอดสมบัติสวรรค์เจ้าหนุ่มนั่นจะเอาชนะได้ง่ายๆงั้นรึ?”
“ฟังจากคำพูดยาโถวน้อยนี่…มิได้หมายความว่าเจ้าหนุ่มนั่นมันมีพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 8ทัณฑ์หรือไร?”
“เป็นไปได้เหรอ…ที่เจ้าหนูหน้าขาวนั่นมันจะร้ายกาจเทียบเท่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์?”
…
สายตาทุกคนยิ่งมาก็ยิ่งหยีมองต้วนหลิงเทียน ยังมองขึ้นลงตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับจะดูให้รู้ว่าเจ้าหนูนี่น่ะเหรอมีพลังเทียบเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์?
อย่างไรก็ตามแม้จะมีคนอยากรู้อยากเห็นมากเพียงใด ก็ไม่มีใครใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียน
เพราะสุดท้ายแล้วการใช้พลังตรวจสอบผู้อื่นก็ถือเป็นเรื่องไร้มารยาท
ในสายตาของพวกมัน
หากพวกมันใช้สำนึกเทวะตรวจสอบชายหนุ่มชุดม่วง ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดอีกฝ่ายร้ายกาจเท่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์หรือเพียงแค่ทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ขึ้นมาจริงๆ พวกมันได้ถูกไอ่หนุ่มนี่ฆ่าตายเพราะมีโมโหแน่!
ดังนั้นถึงยาโถวน้อยนางนี้จะกล่าววาจาน่าเหลือเชื่อ แต่พวกมันก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยง
“ทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์?”
ตอนนี้เองชายชราเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่กำลังหัวเราะร่าเพราะได้ครองดาบเซียนอมตะ ก็หยุดหัวเราะแล้วหันมาชมดูหานเฉวี่ยไน่ทันที เพราะมันเองก็ได้ยินเสียงของนางเหมือนกัน
“เป็นเจ้า!!”
อย่างไรก็ตามเมื่อมันเหลือบไปเห็นต้วนหลิงเทียน สีหน้าท่าทีก็กลายเป็นดุร้ายเอาเรื่องขึ้นมาทันที แววตายังเริ่มเผยเจตนาฆ่าฟันอำมหิต! ปากตะคอกเสียงลั่นดังด้วยโทสะแค้น!!
ราวกับต้วนหลิงเทียนกับมันเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้!
และพร้อมกันกับที่มันตะคอกแผดเสียง พลังทั่วร่างพลันปะทุขึ้นมาท่วมร่างดั่งเพลิงไฟ บรรยากาศโดยรอบเริ่มถูกกลิ่นอายพลังของมันบีบคั้นกดดัน มวลพลังมหาศาลยังจ่ายลงไปในดาบทำให้ตัวดาบยิ่งเปล่งอานุภาพพลังปานจะสะบั้นได้กระทั่งความว่างเปล่า!
“หืม? เป็นเจ้า?”
การกระทำของชายชราย่อมทำให้ทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนประหลาดใจ เขายังอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยสงสัย
“นี่มัน…เรื่องอะไรกัน?”
“หรือผู้เฒ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์…จะรู้จักกันกับเจ้าหนูชุดม่วงนี่ด้วย แถมท่าทางจะไม่ใช่แค่รู้จักกันธรรมดา ยังจะฆ่ากันให้ตาย?”
“เริ่มสนุกขึ้นมาแล้วสิ!”
……
ผู้ชมโดยรอบไหนเลยเป็นชนชั้นโง่เขลา เพียงเห็นทีท่าของชายชราที่มีต่อต้วนหลิงเทียน พวกมันก็รู้ได้ทันทีว่าวันนี้มีเรื่องแน่! แถมดูท่าจะไม่ใช่คู่แค้นธรรมดาๆ!!
ราวกับชายหนุ่มชุดม่วงเป็นศัตรูชั่วชีวิตของมันก็ไม่ปาน!!
“เอ่อ…พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านรู้จักมันด้วยเหรอ?”
หานเฉวี่ยไน่ก็อึ้งไปไม่ต่าง ยังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตางุนงง
ถึงแม้จางยี่จะไม่เอ่ยถามคำใด หากแต่มันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสงสัย คิ้วโค้งขึ้นด้วยอยากรู้
“เปล่า หน้ามันข้ายังไม่เคยเห็นเลย”
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมา ทั้งกล่าวตอบคำด้วยความมั่นใจเต็มสิบส่วน
เขาไม่เคยเห็นหน้าชายชราผู้นี้มาก่อนด้วยซ้ำ จะไปเคยมีเรื่องราวอะไรได้
“หรือว่า…มันจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของคนที่ข้าเคยฆ่าไป?”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่คิดไปในทำนองนี้เท่านั้น
เพราะอย่างไรหลังจากที่เขาเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ ผู้ที่ตายด้วยน้ำมือเขาก็มากมายเหลือเกิน…
อีกทั้งฉากที่เขาสังหารพวกมัน ไม่พ้นต้องไปปรากฏยังคนที่อยู่เบื้องหลังพวกมันแน่นอน เป็นอะไรที่คล้ายกับยันต์กระจกสะท้อนลักษณ์แม่ลูกที่เขารู้จัก
“คงมีแค่เหตุผลนี้ล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนยิ่งมาก็ยิ่งเชื่อว่าคงเป็นเพราะเรื่องนี้แน่นอน
ซัวว
ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ชัดเจน
ว่ามีสำนึกเทวะอันทรงพลังแผ่ออกมาปกคลุมร่างกายเขา ทำให้เขารู้สึกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปทั่วตัว
“สารเลวน้อย เจ้ากับ ‘หรงปัว’ ศิษย์นิกายหลีเยี่ยนของข้าล้วนแล้วแต่เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะดุจเดียวกัน แต่เจ้ากลับฆ่ามันได้อย่างง่ายดาย นั่นเผยให้เห็นชัดแล้วว่าเจ้ามิใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะธรรมดากระทั่งพลังฝีมือยังมิใช่ชั่ว…แต่น่าเสียดายที่เจ้าเจอผู้ใดไม่เจอกลับมาเจอข้า!!”
ชายชราที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้ายเอาเรื่องมากโทสะ ในที่สุดก็กล่าววาจาออกมาเสียงเย็น
“หรงปัว?”
ได้ยินคำของชายชรา ผู้คนโดยรอบได้แต่ชักสีหน้าว่างเปล่า ด้วยไม่เข้าใจว่าชายชรากล่าวถึงอะไร
“มันมาจากนิกายหลีเยี่ยนของระนาบคงสิงข้างั้นเหรอ?”
ตอนนี้เองคนที่มาจากระนาบคงสิงเหมือนกันก็เอ่ยขึ้น
“หรงปัว!?”
จางยี่ที่ยืนอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนพอได้ยินเสียงของชายชรา สองตามันก็อดไม่ได้ที่จะหดหยีลง สีหน้ายังเผยความประหลาดใจไม่น้อย
‘ที่แท้มันมาจากนิกายหลีเยี่ยนเหมือนหรงปัวนั่นเอง…ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนถึงได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับน้องหลิงเทียนขนาดนี้’
‘ในเมื่อมันรู้จักน้องหลิงเทียน เช่นนั้นหมายความว่ามันได้เห็นฉากเรื่องราวจากม่านแสงสะท้อนลักษณ์ที่น้องหลิงเทียนฆ่าหรงปัวตายตกไม่ผิดแน่…’
จางยี่ตระหนักได้ทันทีว่าเพราะอะไรชายชราถึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียน
ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ เช่นนั้นฐานะในนิกายหลีเยี่ยนที่ว่วาคงไม่ธรรมดา…
เมื่อรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นในรุ่นอย่างหรงปัวตายตก อีกฝ่ายที่สมควรเป็นชนชั้นอาวุโสของนิหายไหนเลยจะปล่อยวางเรื่องราวได้
จึงเป็นธรรมดาที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียน
“ที่แท้มันคือคนที่อยู่เบื้องหลังหรงปัวอะไรนั่นน่ะเหรอ?”
หานเฉวี่ยไน่ก็เข้าเรื่องราวได้ไม่ยาก และสาเหตุที่นางรู้เรื่องนี้ก็เพราะได้ยินจางยี่คุยกับพี่ใหญ่หลิงเทียนของนาง นางก็เลยรับฟังทั้งถามนู่นนี่นั่นไปตามประสา จนได้รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว
เหล่านั้นรวมถึงเรื่องที่หรงปัวตายด้วยน้ำมือพี่ใหญ่ของนางด้วย
“ก็นะ”
ต้วนหลิงเทียนรู้แต่แรกแล้วว่าชายชราสมควรมีความแค้นกับเขาเพราะคนที่เขาเคยฆ่าไป
แต่สิ่งที่เขานึกไม่ถึงก็คือ
ชายชราคนนี้ที่แท้กลับเป็นเบื้องหลังของหรงปัวนี่เอง!
“ครึ่งก้าวเซียนอมตะ? เมื่อครู่ผู้เฒ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์พึ่งบอกว่าเจ้าหนูนั่นเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะงั้นเหรอ?”
“นั่นจะได้อย่างไร! หากเจ้าหนูนั่นเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ แล้วไฉนยาโถวน้อยนางนั้นถึงได้พูดจาใหญ่โตขนาดนั้นเล่า?”
“เหอๆ ใช่นางก็แค่ยาโถวน้อยขี้โม้หรือไม่? นางเพียงคิดคุยโวอย่างหน้าไม่อายเพื่ออวดโอ่ขู่ขวัญผู้คน ยังถึงขั้นกล่าวว่าพี่ใหญ่ของนางฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์?”
“อาจเป็นได้”
…
เหล่าผู้คมโดยรอบมีปฏิกิริยากับวาจาเมื่อครู่ของชายชราไม่น้อย
เพราะเมื่อครู่ชายชราบอกว่าต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ
“พวกเจ้าว่าข้า ขี้โม้ เหรอ?!”
“คุยโวอย่างหน้าไม่อาย!?”
“นี่พวกเจ้าคิดว่าข้าคุยโว เพราะดูแคลนพี่ใหญ่หลิงเทียนของข้าหรือ!?”
หานเฉวี่ยไน่ย่อมปรี๊ดแตกทันทีเมื่อถูกผู้คนรุมกล่าวหา กระทั่งยังมีโมโหนักเพราะนั่นหมายความว่าทั้งหมดดูเบาต้วนหลิงเทียนและไม่เชื่อว่าจะเป็นได้อย่างที่นางพูด
เช่นนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะตวาดออกไปราวแม่เสืออย่างดุร้าย “พวกเจ้ามันตัวโง่งม! พี่ใหญ่หลิงเทียนของข้าไม่ใช่ว่าไม่เคยฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เสียหน่อย…ข้าจะบอกอะไรให้! พี่ใหญ่ของข้าน่ะ ลำบากเพียงกระบวนเดียวก็ฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ได้แล้ว!!”
“ต่อให้พลังฝึกปรือพี่ใหญ่ข้าจะแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้วอย่างไร พวกเจ้ารู้ไว้เถอะ พี่ใหญ่ของท่านย่าผู้นี้เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์!!”
ตั้งแต่ที่โดนหาว่าขี้โม้หน้าไม่อายหานเฉวี่ยไน่ก็โมโหเป็นทุน ยิ่งมาได้ยินคำพูดราวทุกคนดูเบาต้วนหลิงเทียนนางยิ่งทนไม่ไหว สุดท้ายจึงได้แต่ตะคอกสวนกลับไปอย่างดุดัน
“ครึ่งก้าวเซียนอมตะ…หากแต่เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ในกระบวนเดียว มีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์…เดี๋ยวนะ เรื่องพวกนี้มัน…”
อย่างไรก็ตามมีบางคนนิ่งไปหลังได้ยินคำหานเฉวี่ยไน่ กระทั่งยังเริ่มกล่าวพึมพำเบาๆเพราะคลับคล้ายคลับคลาอะไรบางอย่าง
“เมื่อครู่นางเรียกชายหนุ่มชุดม่วงว่าพี่ใหญ่หลิงเทียน…เป็นไปได้หรือไม่ที่มันจักเป็น ต้วนหลิงเทียน?”
ตอนนี้เอง ไม่ทราบเป็นผู้ใดที่กล่าวถามออกมา…