การเดิมพันสามารถทำได้ที่ที่ทำการ หลิงฮันและจักรพรรดินีเดิมพันผู้ชนะคือเมืองธุลีจันรทราของตนเอง
เม่าซูอวี่และคนอื่นๆเองก็มั่นใจในตัวหลิงฮันเป็นอย่างมาก พวกเขาลงเดิมพันไปที่เมืองธุลีจันรทราของตนเอง การเดิมพันฝ่ายตนเองนั้นเป็นเรื่องปกที่พบให้กันบ่อย ตัวแทนทุกกลุ่มสามารถเดิมพันเมืองตนเองได้หากมั่นใจว่าจะชนะ
ล้งเกาเฟยเองก็ลงเดิมพันเช่นกัน เขาที่เป็นตัวตนระดับโลกียนิพพาน เงินเดิมพันย่อมมหาศาลถึงหนึ่งแสนศิลาดวงดาว
บางทีเงินจำนวนนี้อาจจะไม่ใช่เงินของเขาเพียงคนเดียว แต่เป็นเงินส่วนกลางจากทั้งสามตระกูลที่นำมาใช้สำหรับเดิมพันและจะกลับไปแบ่งอย่างเท่าเทียมในภายหลัง
“เจ้ามีโอกาสสูงมากที่จะชนะการประลองในครั้งนี้ก็จริงแต่อย่าได้ประมาท ข้ารู้ข่าวมาว่ากลุ่มอื่นๆเองก็มีอัจฉริยะที่ทรงพลังอยู่เช่นกัน” ล้งเกาเฟยกล่าว
จากกฎของการประลอง ตัวแทนแปดอันดับแรกจากการประลองครั้งที่แล้วจะได้รับสิทธิ์เข้าไปประลองรอบสุดท้ายโดยปริยาย ส่วนตัวแทนจากเมืองอื่นๆที่เหลือจำเป็นต้องแย่งชิงอีกยี่สิบสี่ตำแหน่งเพื่อเข้าสู่การประลองรอบสุดท้าย
เมืองที่ได้อันดับหนึ่งจากการประลองครั้งที่แล้วคือเมืองสองมหาภพ ในกลุ่มตัวแทนของเมืองนี้มีสุดยอดอัจฉริยะผู้หนึ่งชื่อว่า หยวนซิ่งผิง จากการประลองครั้งที่แล้วเป็นอัจฉริยะผู้นี้เองที่นำพาชัยชนะมาสู่เมืองสองมหาภพ
ณ ตอนนี้หยวนซิ่งผิงยังไม่ทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานก็จริงแต่ก็ใกล้แล้ว เขามีโอกาสถึงเก้าในสิบส่วนที่จะทะลวงผ่านระดับสำเร็จ เพราะงั้นการประลองครั้งนี้อาจจะเป็นการประลองครั้งสุดท้ายของเขาในระดับสร้างสรรพสิ่ง
หยวนซิ่งผิงคือคนที่ถูกคิดว่าจะเป็นผู้ชนะการประลองยุทธในครั้งนี้ มีข่าวลือว่าปรมาจารย์จากนิกายจันทราหม่นแสงผู้หนึ่งถูกชะตากับเขา เมื่อใดที่หยวนซิ่งผิงบรรลุระดับโลกียนิพพานแล้ว ปรมาจารย์ผู้นั้นจะรับเขาเป็นศิษย์
นอกจากเมืองสองมหาภพแล้วยังมีตัวแทนที่ทรงพลังติดต่อกันมานานอย่างเมืองตะวันขาวอยู่อีก ตัวแทนจากเมืองตะวันขาวติดสี่อันดับแรกตลอด แม้ตัวแทนของพวกเขาจะไม่มีสุดยอดอัจฉริยะอย่างหยวนซิ่งผิง แต่พลังของตัวแทนทุกคนก็เหนือกว่าจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งทั่วไปและมีกลยุทธ์โจมตีผสานที่ทรงพลัง ไม่แน่ว่าครั้งนี้พวกเขาอาจจะเอาชนะเมืองสองมหาภพได้ก็เป็นได้
ตัวแทนแปดอันดับแรกไม่อาจประมาทได้ แต่ในการประลองครั้งนี้นอกจากทั้งแปดก็ยังมีกลุ่มที่น่าจับตามองอยู่อีกอย่างเมืองเพลิงฟ้าคราม พวกเขามีตัวแทนทรงพลังคนหนึ่งชื่อ ตันอวี่จิง
นางเป็นที่รู้จักกันในฉายาหยวนซิ่งผิงคนที่สอง
ด้วยพลังต่อสู้ที่ทรงพลังของนางจึงมีคำกล่าวว่านางเพียงคนเดียวสามารถต่อกรกับศัตรูได้นับร้อย เพียงแต่การประลองยุทธที่จัดขึ้นเป็นการประลองแบบกลุ่มสิบคน เพราะงั้นหากสมาชิกกลุ่มนางอ่อนแอก็อาจจะเป็นตัวถ่วงได้
การประลองจะเริ่มในอีกสิบวันข้างหน้าโดยจับคู่ประลองด้วยวิธีจับฉลาก และเพื่อความยุติธรรม ผู้ประลองจะไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ที่จับฉลากได้จะเป็นตัวแทนจากเมืองใด
“หลิงฮัน!”
เม่าซูอวี่และพวกเว่ยโปวมาหาเขา หลังจากเหตุการณ์ทรยศของติงเซี่ยวเฉิน กลุ่มสิบคนของพวกเขาก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย หลิงฮัน เม่าซูอวี่ เว่ยโปว ฉินเฮิ่นและหลัวซินหยางรวมกลุ่มกันห้าคน ในขณะเดียวกัน ติงเซี่ยวเฉินและอีกสี่คนที่เคยกล่าวยอมแพ้ตอนประลองคัดเลือกก็ได้จับกลุ่มอยู่ด้วยกันเช่นกัน
“ว่าอย่างไร?” หลิงฮันและจักรพรรดินีกำลังจิบชากันอย่างสบายอารมณ์ แน่นอนว่าน้ำชาที่พวกเขาดื่มย่อมถูกต้มมาจากใบของต้นสังสารวัฏ กลิ่นหอมของน้ำชาลอยฟุ้งพร้อมกับควบแน่นตราประทับแห่งเต๋าลอยออกมา
ด้วยประสิทธิภาพของต้นสังสารวัฏที่ยกระดับขึ้นแล้ว ชาที่ต้มจากใบของต้นสังสารวัฏจึงล่อตาล่อใจแม้กระทั่งนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน
หลิงฮันยื่นมือออกไปสะบัดตราประทับแห่งเต๋าให้กระจายหายไปจากน้ำชาเนื่องจากไม่ต้องการเปิดเผยความลับของต้นสังสารวัฏแก่ใคร
พวกเม่าซูอวี่ไม่รู้สึกสงสัยการกระทำของเขาและกล่าว “มาด้วยกันสิ ข้างนอกกำลังมีการทดสอบบางอย่าง ตราบใดที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบได้พวกเราจะมีสิทธิ์ได้ไปเยือนเกาะเมฆาเซียน”
เกาะเมฆาเซียน?
“เกาะเมฆาเซียนคือหินอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบอยู่ข้างเมืองจันทราหม่นแสงและเป็นที่พักอาศัยของทายาทแห่งนิกายจันทราหม่นแสง!” เม่าซูอวี่ดวงตาเป็นประกาย “ทายาทที่ว่าคืออัจฉริยะที่ไร้เทียมทานแห่งยุค มีข่าวลือว่าเขาสามารถควบแน่นดวงดาราได้ถึงสิบล้านดวงในระดับวารีนิรันดร์ตามตำนาน!”
ดวงดาราสิบล้านดวง!
หลิงฮันรู้สึกสนใจ นอกจากเขา จักรพรรดินีและจักรพรรดิรุณ คงมีเพียงทายาทของขุมอำนาจใหญ่เพียงหยิบมือที่จะบรรลุขีดจำกัดสูงสุดของระดับวารีนิรันดร์ได้ แต่ในความคิดของเขา นิกายจันทราหม่นแสงนั้นยังไม่ได้ขุมอำนาจที่ทรงพลังพอจะเรียกว่าขุมอำนาจใหญ่ หากจะเป็นขุมอำนาจใหญ่ต้องมีอำนาจระดับขอบเขตตำหนักอมตะเป็นอย่างน้อย
เพราะงั้นจึงเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ไม่น้อยที่ขุมอำนาจสองดาวสามารถบ่มเพาะอัจฉริยะเช่นนี้ขึ้นมาได้
“ทายาทผู้นั้นมีชื่อว่าจ่างซุนเหลียง จากคำบอกเล่าอายุของเขายังไม่เกินหนึ่งแสนปีเสียด้วยซ้ำแต่กลับสามารถทำความเข้าใจรากฐานพลังบ่มเพาะของระดับสร้างสรรพสิ่งได้อย่างท่องแท้ เมื่อใดที่เขาสะสมปราณก่อเกิดเพียงพอก็จะสามารถทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานได้” เม่าซูอวี่กล่าว นับว่านางศึกษาเรื่องของทายาทผู้นี้มาดีไม่น้อย
ไม่รู้ว่าหากจางชงอยู่ตรงนี้ด้วยเขาจะรู้สึกหึงหวงจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือไม่
หลัวซินหยางพยักหน้าและกล่าว “หุบเหวสืบสานนิพพานคือสถานที่ภายใต้การปกครองของนิกายจันทราหม่นแสงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพาน หากทะลวงผ่านระดับโลกียะนิพพานในที่แห่งนั้น พลังต่อสู้ในระดับเดียวกันจะแข็งแกร่งกว่านิรันดร์ทั่วไป”
“น่าเสียดายที่พวกเรายังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะพร้อมทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานได้ หากพลาดโอกาสเปิดเขตแดนลี้ลับในครั้งนี้พวกเราต้องรอไปอีกหนึ่งสิบล้านปี” ฉินเฮิ่นส่ายหัว
หลิงฮันรู้สึกสนใจในตัวทายาทผู้นี้ เขากล่าว “จำเป็นต้องทดสอบอะไร?”
“มากับพวกข้าสิ การทดสอบนั้นง่ายมาก” พวกเขาดึงแขนลากตัวหลิงฮัน ส่วนทางด้านจักรพรรดินีนั้นไม่มีใครกล้าทำอะไรเนื่องจากหวาดกลัวแรงกดดันที่สัมผัสได้จากนาง
จักรพรรดิเดินตามไป เมื่อทุกคนออกมาด้านนอกก็พบเห็นเสาที่ตั้งอยู่ตรงประตูของที่ทำการ บริเวณบนเสามีรูปรากฏอยู่หลายรู ในขณะนี้เองได้มีใครบางคนกำลังกระหน่ำปล่อยการโจมตีเข้าใส่เสา ‘ตูม’ รูที่อยู่บนเสาส่องแสงออกมาทีละรู
“สี่สิบสามแต้ม พอจะแข็งแกร่งอยู่บ้างแต่ยังไม่มีคุณสมพอจะเข้าสู่เกาะเมฆาเซียน” ที่มุมด้านข้างเสามีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งไขว้ขากำลังกล่าวประเมินคะแนนอยู่ ผมสีแดงของชายหนุ่มผู้นี้ทำให้เขาดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก
คนที่ลงมือโจมตีเสาเมื่อครู่ไม่อาจยอมรับผลประเมินได้ เขากล่าว “ข้าดูมานานสักพักแล้ว คนก่อนๆหน้าข้าทำคะแนนได้เพียงสามสิบกว่าเท่านั้น เจ้ายังจะบอกว่าสี่สิบคะแนนของข้าไม่มีคุณสมบัติพอ?”
“ไม่พอก็คือไม่พอ!” ชายหนุ่มผมแดงส่ายหัว “เจ้าที่ยังเทียบไม่ได้แม้แต่กับข้า คิดว่าได้รับความสนใจจากทายาท?”
ชายหนุ่มผมแดงปล่อยหมัดเข้าใส่เสาโดยที่ไม่ลุกขึ้นยืน ‘ตูม’ พริบตานั้นรูที่อยู่เสาก็ปลดปล่อยแสงออกมาถึงห้าสิบกว่ารู
เป็นความต่างที่เห็นได้ชัดนัก อย่างที่เห็นว่าชายหนุ่มผมแดงนั้นโจมตีออกไปลวกๆแถมกำลังนั่งอยู่ หากเขาลุกขึ้นและลงมืออย่างจริงจังล่ะก็ เกรงว่ารูบนเสาอาจจะส่องแสงถึงหกสิบหรือเจ็ดสิบรู