ตอนที่ 1142 ศึก ณ แสงอัสดง (ปลาย)

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

สตรีชุดดำรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน จากนั้นจึงพบว่าตนเองมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นตาแห่งหนึ่ง

เบื้องล่างคือธารน้ำไหลรินไม่ขาดสายเส้นแล้วเส้นเล่า รอบด้านมีทิวเขาทอดยาวอยู่ใกล้ไกล สูงขึ้นไปบนท้องนภามีลูกบอลเพลิงมหึมาสามลูกคล้ายดวงตะวันกำลังแผ่แสงสีขาวแสบตาออกมา

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมีเพียงสีขาวดำสองสี ไม่มีสีอื่นใดอีก จึงแลดูค่อนข้างไร้ชีวิตชีวา

สตรีชุดดำสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อกวาดสายตามองรอบด้านก็ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว มุมปากเผยรอยยิ้มหยันจางๆ ออกมา

“คิดจะอาศัยอาวุธเวทมิติลับแลมากักขังข้า ช่างเพ้อฝันโดยแท้!”

เวลานี้สองแขนของนางกลับสู่สภาพเดิมเรียบร้อยแล้ว บนฝ่ามือทอแสงสีเขียว เคียวสำริดด้ามยาวหน้าตาโบราณชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นมาก่อนจะแหวกผ่านอากาศ คมแสงพร่ามัวสายหนึ่งพุ่งเร็วจี๋ออกมา

เสียงดังสนั่นก้องฟ้าดิน!

สายน้ำและทิวเขารอบด้านต่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ท้องฟ้าถูกฉีกเป็นรอยแยกมิติขนาดมหึมาเส้นหนึ่ง

ร่างกายของสตรีชุดดำขยับวูบเดียวก็พาเงาเลือนรางสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในรอยแยกมิติทันที

ทว่าในตอนนี้เองประกายแสงสีดำสายหนึ่งกลับพุ่งพรวดออกมาจากที่ใดไม่ทราบแล้วโจมตีลงบนรอยแยกมิติ คลื่นปราณล่องหนสายหนึ่งทะลักออกมาจากรอยแยกอย่างบ้าคลั่งทำให้สตรีชุดดำชะงักเล็กน้อย

ในเวลาเดียวกันอากาศรอบด้านกลับมีแสงสีขาวแสบตาสายแล้วสายเล่ารวมตัวเข้ามาที่รอยแยกไม่หยุด ทำให้รอยแยกมิติสั่นไหวเบาๆ แล้วประสานสนิทดังเดิมอีกครั้ง

ต่อจากนั้นเงาคนสองร่างก็ปรากฏตัวขึ้น ผู้เฒ่าชุดขาวผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์แต่เส้นผมขาวโพลนกับผู้เฒ่าหน้าดำที่สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบสีดำผู้หนึ่งขวางอยู่หน้าสตรีชุดดำอย่างเงียบเชียบ

ลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างของทั้งสอง แม้จะด้อยกว่าสตรีชุดดำอยู่หลายส่วน แต่ก็เห็นชัดว่าบรรลุระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์แล้ว

แทบจะในเวลาเดียวกันประกายแสงสีเทาก็ฉายสว่างด้านหลังนาง ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ปรากฏตัวหลังร่างนาง ทั้งสามคนยืนเป็นรูปสามเหลี่ยมล้อมสตรีชุดดำไว้ตรงกลางทันที

สีหน้าของสตรีชุดดำเคร่งขรึมขึ้นในที่สุด

……

หุบเขาของยอดเขาแสงอัสดงในยามนี้เรียกได้ว่ามีแต่ความเละเทะ สิ่งที่เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่งคือเศษหินระเกะระกะกับซากศพของเหล่าแมลงที่นอนกระจัดกระจายอยู่

ยามนี้ทั่วทั้งหุบเขาเงียบกริบ ไม่มีเสียงดังแม้แต่น้อย

นับตั้งแต่ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ปรากฎตัวขึ้นอย่างกะทันหัน จนสตรีชุดดำติดกับถูกดึงเข้าไปในพายุหมุนสีดำ เป็นเวลาเพียงชั่วครู่สั้นๆ เท่านั้น การประมือของผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์สองคนประหนึ่งดอกถานฮวาบานชั่วข้ามคืน

หลังจากพายุหมุนสีดำหายไปไม่นาน กองเศษหินจุดหนึ่งบริเวณขอบหุบเขาก็ระเบิดออกมา เงาคนที่มีปราณสีดำหุ้มอยู่ร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากเศษหินที่กระจายไปทุกทิศทาง เหาะออกไปไม่กี่ครั้งก็มาโผล่ใกล้กับทางเชื่อมมิติกลางหุบเขา

เมื่อปราณสีดำสลายไปร่างของหลิ่วหมิงก็เผยออกมา

เขามองไปที่ทางเชื่อมมิติ ดวงตาทอประกายวาวโรจน์แล้วยกมือเรียกกระจกโบราณบานหนึ่งออกมา มันก็คือกระจกหุนเทียนที่เทียนเกอเจินเหรินมอบให้นั่นเอง

หลิ่วหมิงท่องมนตร์ออกจากปากอย่างรวดเร็ว สองมือกลายเป็นเงาเลือนราง เคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าพุ่งเร็วจี๋ออกไปตกต้องบนกระจกหุนเทียน

ผิวของกระจกหุนเทียนเปล่งแสงสว่างไสวแล้วโต้ลมขยายขนาด พริบตาเดียวขยายจนสูงเท่าตัวคน ในเวลาเดียวกันนั้นบนผิวกระจกพลันเกิดคลื่นกระเพื่อม อักขระอันลี้ลับตัวแล้วตัวเล่าปรากฏขึ้นมา

หลิ่วหมิงสูดหายใจลึกยาวเฮือกหนึ่ง ก่อนจะอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งลงบนกระจกหุนเทียน ลำแสงมืดหม่นสายหนึ่งพุ่งเร็วจี๋ออกมาจากผิวกระจกพุ่งหายวับเข้าไปในรอยแยกมิติ

ขณะที่หลิ่วหมิงใช้วิชาควบคุมอาวุธอยู่นั่นเอง หลุมลึกที่ถูกเศษหินขนาดยักษ์นับไม่ถ้วนถมทับอีกจุดหนึ่งในหุบเขาก็เกิดระเบิด แสงสีเลือดสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมา

เงาสีเลือดพุ่งออกมากลายเป็นเงาครึ่งคนครึ่งแมลงร่างหนึ่ง มันก็คือบุรุษเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์ที่ถูกเสวียนอวี๋เล่นงานครั้งเดียวจมไปอยู่ใต้ดินตัวนั้น

เวลานี้มันดูค่อนข้างสะบักสะบอม ครึ่งร่างอาบเลือด บาดแผลหลายแห่งบนร่างยังมีเลือดไหลริน เปลือกสีเลือดสามชิ้นบนแผ่นหลังมีรอยปริร้าวหลายเส้น แต่ลมปราณของมันยังนับว่ามั่นคงเหมือนกับว่าไม่ได้บาดเจ็บถึงพลังปราณ

บุรุษเผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกสีเลือดเห็นการกระทำของหลิ่วหมิงก็คำรามเกรี้ยวกราดในทันใด ร่างกายพาเมฆโลหิตสายหนึ่งกระโจนเข้ามา กระบี่ยักษ์สีเลือดขนาดร้อยจั้งสามเล่มพุ่งออกจากเปลือกบนแผ่นหลังแล้วฟันเข้าใส่หลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าไปทันที ความคิดแล่นเร็วจี๋ในใจ สองมือส่งเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าผสานเข้าไปในกระจกหุนเทียนต่อ ลำแสงที่พุ่งออกมาจากบานกระจกหนาขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันบนร่างพลันเปล่งแสงสีเหลือง อาวุธเวทมุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดโผล่ออกมา

มุกบรรพตธาราเปล่งแสงสีเหลืองเข้มสว่างจ้า แสงของมุกสิบสองเม็ดเชื่อมประสานเป็นหนึ่งกลายเป็นยอดเขามหึมาขนาดหลายสิบจั้งลูกหนึ่งขวางอยู่หน้ากระบี่ยักษ์สีเลือดสามเล่ม

เปรี้ยง!

เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดังขึ้นในหุบเขา ยอดเขาสีเหลืองเข้มส่งเสียงปริแตก รอยร้าวคดเคี้ยวใหญ่ยักษ์สามเส้นลากจากยอดเขาจรดตีนเขา

อึดใจต่อมากระบี่ยักษ์สีเลือดสามเล่มพลันสะท้านอย่างรุนแรงแล้วแตกสลายเสียงดัง

ทั้งหุบเขาสั่นไหวรุนแรงตามอยู่ชั่วครู่ วงแสงสีเหลืองเข้มกับสีเลือดตัดกันวุ่นวาย แผ่ขยายไปรอบทิศ

แมลงที่ยังหลงเหลืออยู่ในหุบเขาเดิมทีกำลังเหาะเข้ามาหาหลิ่วหมิงเช่นกัน แต่เมื่อปะทะกับคลื่นแรงสั่นสะเทือนทั้งสองสาย ร่างกายก็สั่นสะท้านกลายเป็นเศษเนื้อกองหนึ่งในทันที

ดวงตาของแมลงที่เหลือเผยแววตาหวาดกลัว ไม่กล้าคืบหน้าต่อ

หลิ่วหมิงเห็นยอดเขาที่มุกบรรพตธาราสร้างขึ้นยังไม่แตกสลาย ใบหน้าพลันมีสีหน้าโล่งอกจากนั้นจึงกัดปลายลิ้น พ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งตกต้องกระจกหุนเทียนอีกครั้ง

กระจกหุนเทียนเปล่งแสงเจิดจ้า อักขระโบราณขนาดมหึมาตัวหนึ่งปรากฏบนผิวกระจก กระจกพร่าเลือนวูบหนึ่งก็ลอยเข้าไปในรอยแยกมิติแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกสีเลือดเห็นเช่นนี้ก็ตกใจยิ่งนัก อยากจะกระโจนเข้าไปขวางก็ไม่ทันกาลแล้ว

อึดใจต่อมาทางเชื่อมมิติสีดำพลันเกิดเสียงระเบิดประหนึ่งอสนีบาตฟาด รูปร่างของมันเริ่มบิดเบี้ยว รอยแตกสีเทาเส้นแล้วเส้นเล่าลามไปรอบด้าน แสงสีดำที่เดิมทีเต้นระริกไม่หยุดอยู่ในรอยแยกมิติอ่อนแสงลงแล้วหายไปอย่างเร็วไว เกิดม่านแสงสีเทาหม่นชั้นหนึ่ง จากนั้นมันก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วอย่างที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เวลาเพียงสองลมหายใจ ทางเชื่อมมิติที่เดิมทีขนาดสองสามร้อยจั้งก็กลายเป็นแสงสีดำรูปวงกลมขนาดห้าหกสิบจั้งดวงหนึ่งและยังคงหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว

“ดี!”

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจจึงโล่งอกอย่างแท้จริง

กระจกหุนเทียนที่เทียนเกอเจินเหรินมอบให้เป็นของที่คล้ายกับยันต์ ไม่จำเป็นต้องให้หลิ่วหมิงควบคุมอย่างใด ขอเพียงกระตุ้นให้ทำงานเสร็จ พลังที่ผนึกอยู่ด้านในก็จะระเบิดออกมาผนึกทางเชื่อมมิติเอง

ยามนี้สถานการณ์ปรากฏผลค่อนข้างจะแน่นอนแล้ว หากร่างแยกของหมิงหมู่ตัวนั้นไม่โผล่มาด้วยตนเอง เผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์เปลือกสีเลือดตัวนั้นก็ไม่มีความสามารถจะขัดขวางแม้แต่น้อย

แต่เขายังไม่ทันได้ผ่อนคลาย แสงสีเลือดก็สว่างวาบขึ้นเบื้องหน้า แสงสีเลือดยาวเรียวสายหนึ่งอ้อมยอดเขาที่มุกบรรพตธาราสร้างมาแทงเข้าใส่หน้าอกของเขาจากมุมอันร้ายกาจ

ชิ้ง!

เสียงแผ่วเบาดังขึ้นครั้งหนึ่ง กระบี่ขู่หลุนเหาะออกมาจากร่างของหลิ่วหมิงในชั่วเส้นยาแดงผ่าแปด ก่อนจะกลายเป็นเงาเลือนรางสีม่วงสายแล้วสายเล่า ขวางแสงเรียวเล็กสีเลือดไว้ได้อย่างหวุดหวิด ที่แท้มันก็คืออาวุธเวทเข็มเรียวยาวสีเลือดเล่มหนึ่ง

ทว่าผิวของกระบี่ขู่หลุนหม่นแสงลงไปเล็กน้อย เหมือนกับว่าพลังจิตวิญญาณเสียหายไม่เบา

เปรี้ยง!

หลิ่วหมิงเพิ่งขวางการลอบโจมตีจากเข็มสีเลือดไว้ได้ ยังไม่ทันได้พักหายใจ อากาศเหนือศีรษะก็พลันกดลงมา เงาฝ่ามือยักษ์สีเลือดขนาดหลายหมู่ข้างหนึ่งตบลงมาเสียงดังสนั่น

ฝ่ามือยักษ์ยังไม่ทันร่วงลงมา พายุหมุนสีเลือดลูกยักษ์พลันร่วงจากกลางฝ่ามือลงมาล้อมร่างกายของหลิ่วหมิงเอาไว้

ด้านหลังฝ่ามือยักษ์สีเลือด เผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์เปลือกสีเลือดสองตาลุกเป็นไฟมองหลิ่วหมิง ร่างพลังเวทสีเลือดขนาดมหึมาร่างหนึ่งลอยขึ้นมาด้านหลังมัน ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีร่างเป็นแมลงหน้าเป็นมนุษย์ตัวหนึ่ง

ทางเชื่อมมิติถูกผนึกก็เท่ากับว่าตัดทางถอยกับกำลังเสริมของพวกมันแล้ว หากเกิดเรื่องเลวร้าย เผ่าหนอนผีเสื้อทั้งหมดตรงนี้คงตายอยู่ที่นี่ จะไม่ให้มันมันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่หลิ่วหมิงที่เป็นตัวต้นเหตุแห่งหายนะได้อย่างไร

หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยันไม่กลัวมันแม้แต่น้อย เขาโบกมือส่งเคล็ดวิชาหลายสายออกมาดุจสายฟ้าแลบ ยอดเขายักษ์เบื้องหน้าทลายเสียงดังกึกก้องกลายเป็นมุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดอีกครั้ง

เขากวักมือ หกเม็ดในนั้นพุ่งเร็วไวออกมาแล้วเปล่งแสงสีเหลือง แสงเรืองรองสีเหลืองหกสายกลายเป็นกำปั้นยักษ์สีเหลืองเข้มข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นปะทะกับกำปั้นยักษ์สีเลือดเสียงดังกึกก้อง

เสียงระเบิดดังเป็นพรวนบนท้องฟ้าราวกับฟ้าร้องดังต่อเนื่องนับไม่ถ้วน

ฝ่ามือยักษ์สีเลือดแตกสลายเสียงดังสนั่น ตรงกันข้ามกำปั้นยักษ์ที่มุกบรรพตธาราสร้างขึ้นกลับปลอดภัยไร้อันตราย

ใบหน้าของหลิ่วหมิงเผยความถือดีออกมาเล็กน้อย ความบริสุทธิ์ของพลังเวทของเขาในวันนี้ผนวกกับอาวุธเวทมุกบรรพตธาราชุดนี้ ต่อให้เผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับดาราพยากรณ์ซึ่งหน้าเขาก็ไม่ตกเป็นรองแม้แต่น้อย

ช่วงเวลาเพียงชั่วครู่ที่ทั้งสองต่อสู้กัน รอยแยกมิติที่อยู่ด้านหลังก็หายไปแล้ว สิ่งที่มาแทนที่คือรอยแตกสีดำเรียวยาวเส้นหนึ่ง

หลังจากหลิ่วหมิงกวาดสายตามอง ความคิดพลันแล่นอย่างเร็วไว

อย่างไรที่แห่งนี้ก็คือยอดเขาแสงอัสดงใจกลางกองทัพแมลง ในมื่อภารกิจลุล่วงแล้ว เขาก็ไม่คิดจะสู้ติดพันกับยอดฝีมือระดับดาราพยากรณ์ของเผ่าหนอนผีเสื้อตัวนี้ต่อ

หลังจากในใจตัดสินใจแล้ว เขาจึงโบกมือส่งเคล็ดวิชาหลายสายออกไปเก็บกำปั้นยักษ์ที่มุกบรรพตธาราสร้าง มุกอีกหกเม็ดระเบิดเมฆสีเหลืองแถบแล้วแถบเล่าออกมาล้อมรอบร่างของเขาแล้วเหาะเร็วรี่ไปด้านนอกหุบเขาทันที

“อย่าคิดจะหนี!”

เผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์เปลือกสีเลือดตวาดเกรี้ยวกราด แสงสีเลือดบนแผ่นหลังหุ้มร่างกายกลายเป็นแสงสีเลือดสายหนึ่งตามไปติดๆ

……

บนท้องฟ้าเหนือเทือกเขาทางทิศตะวันออกของเขาแสงอัสดง สงครามระหว่างศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์กับกองทัพแมลงเข้าสู่ช่วงที่ดุเดือดที่สุดแล้ว

เมื่อมีกำลังมาเสริม แม้จำนวนของกองทัพแมลงจะมากกว่าศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์อยู่มาก แต่สถานการณ์ของการรบก็ยังคงค่อยๆ เอนเอียงมาทางเผ่ามนุษย์ฝั่งนี้

กำลังรบชั้นสูงระดับดาราพยากรณ์ของเผ่ามนุษย์กับเผ่าหนอนผีเสื้อสองฝั่งสูสีคู่คี่

ส่วนระดับแก่นแท้จำนวนไพร่พลที่เหลืออยู่ ฝั่งเผ่าหนอนผีเสื้อมีมากกว่านิกายยอดบริสุทธิ์อยู่เล็กน้อย แต่เผ่าหนอนผีเสื้อระดับแก่นแท้ส่วนใหญ่ใช้เพียงพลังที่มีมาแต่เกิดของตน เมื่อเทียบกับผู้อาวุโสทั้งหลายของนิกายยอดบริสุทธิ์ที่ใช้อาวุธเวทนานาชนิดออกมาไม่หมดไม่สิ้น เห็นชัดว่าตกเป็นรอง

ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ที่เหลืออยู่ทยอยตั้งค่ายกลหลากหลายชนิดเผชิญหน้ากับกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อซึ่งจำนวนมากกว่าฝั่งตนหลายเท่าทั้งยังมีพลังป้องกันแข็งแกร่ง แม้ไม่อาจสร้างผลงานได้มากมายนัก แต่ก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แพ้

ณ การต่อสู้จุดหนึ่ง ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ผู้สวมชุดสีขาวหลายสิบคนยืนอยู่กลางท้องฟ้าเป็นกระบวนทัพแบบหนึ่ง ผู้ฝึกฝนหญิงรูปงามผู้มีดวงตาสุกสกาวสวมอาภรณ์สีขาวคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าสุด สตรีผู้นี้ก็คือหลงเหยียนเฟย