ตอนที่ 1145 ราชินีหนอนผีเสื้อ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

หลิ่วหมิงดวงตาวาววับ ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่ง อึดใจต่อมาก็ปรากฏตัวกลางอากาศเหนือหัวตะขาบเปลือกสีเลือด

ร่างกายเปล่งแสงสีเงินสว่างจ้า เกล็ดสีเงินชั้นหนึ่งงอกหุ้มกำปั้นข้างขวาดุจถุงมือ เขาตวาดเบาๆ คำหนึ่ง กำปั้นก็ลากเส้นโค้งสีเงินเส้นหนึ่งกลางอากาศแล้วร่วงลงบนเกราะป้องกันบนหัวตะขาบเปลือกสีเลือด

พลังเวททั่วร่างของเขาถ่ายเทเข้าไปในหมัดอย่างบ้าคลั่ง แสงสว่างแสบตาระเบิดออกมาจากกำปั้น

เปรี๊ยะ!

รังไหมสีเลือดปริแตกเป็นเส้นๆ พร้อมเสียงดังสนั่นก่อนจะแตกกระจาย เผยให้เห็นดวงตาสองข้างที่ทอประกายสีเลือดจับจ้องหลิ่วหมิงเขม็ง

กี๊ซ!

แมลงเปลือกสีเลือดร้องคำราม ขาคู่หน้าอันมหึมาสองข้างเลือนหาย จากนั้นปลายคมของขาคู่หน้าพลันหลุดจากร่างวาดเป็นเส้นสีดำสองสายกลางอากาศฟันเข้าใส่ร่างของหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขารีบบังคับร่างกายให้หายวับถอยหลัง

“ฉึบ” เส้นสีดำเส้นหนึ่งเฉียดผ่านแผ่นหลังของหลิ่วหมิง รอยเลือดสีแดงก่ำปรากฏบนแผ่นหลังของหลิ่วหมิง เลือดสดพุ่งกระฉูด แต่สุดท้ายก็หลบพ้นการโจมตีที่ตะขาบเปลือกสีเลือดวางแผนมาได้

ชั่วพริบตาที่ตะขาบเปลือกสีเลือดตวัดขาแหลมคมนั่นเอง แสงสีน้ำเงินก็ส่องสว่าง เชอฮ่วนพุ่งพรวดลงไป กีบเท้าวัวขนาดยักษ์กึ่งร่างจริงกึ่งร่างเงากระทืบบนหัวของตะขาบเปลือกสีเลือดอย่างหนักหน่วง

เปลือกสีเลือดบนหัวตะขาบส่งเสียงปริร้าว ร่างกายสะท้านเฮือก ปากพ่นโลหิตสีเทากองหนึ่งออกมา

เงาดำพุ่งวูบหนึ่ง หลิ่วหมิงพลันปรากฏตัวข้างกายตะขาบเปลือกสีเลือดดุจภูตพรายอีกครั้ง กำปั้นสีเงินส่องสว่างวาดเป็นเส้นโค้งมหึมาเส้นหนึ่ง มิติคุกมืดราวกับถูกแสงอาบไล้จนสว่างไสว

ท่ามกลางเสียงมังกรกู่ร้องพยัคฆ์คำรามทุ้มต่ำ แสงหมัดสีเงินร่วงลงบนหัวของตะขาบสีเลือดอย่างรุนแรง

เสียงปริแตกดังกังวานยิ่งกว่าเมื่อครู่ กะโหลกของตะขาบเปลือกสีเลือดถูกหนึ่งหมัดต่อยทะลุเป็นรูขนาดใหญ่

ร่างกายมหึมาของตะขาบเปลือกสีเลือดสั่นสะท้าน โลหิตสีเขียวพุ่งกระเซ็นกลางอากาศ

เชอฮ่วนคำรามแผ่วเบาครั้งหนึ่ง ร่างกายพลันเปล่งแสงสีน้ำเงินสว่าง พุ่งวูบเดียวกลายเป็นดาบยักษ์สีน้ำเงินเล่มหนึ่งฟันบนลำคอของตะขาบเปลือกสีเลือด

ฉับ!

คอของตะขาบเปลือกสีเลือดถูกฟันเรียบกริบ หัวขนาดใหญ่โตปลิดปลิว เลือดสีเทาพุ่งกระฉูดดุจน้ำพุ ร่างกายยาวเฟื้อยร่วงกระแทกเบื้องล่างอย่างหนักหน่วง

“ปัง” น้ำในแม่น้ำและเศษหินเบื้องล่างกระเด็นไปทั่ว

“ในที่สุดก็สังหารสัตว์ร้ายตัวนี้ลงได้แล้ว!”

หลิ่วหมิงถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง แม้สีหน้าจะซีดอยู่บ้าง แต่บาดแผลบนแผ่นหลังประสานสนิทท่ามกลางปราณสีดำที่รายล้อมอย่างว่องไว

ครั้งนี้เรียกได้ว่าเขาใช้ทุกกลเม็ดที่มี ทั้งยันต์ลึกลับพลังผ้าเหลือง ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วน มุกบรรพตธาราสิบสองเม็ด มิติคุกมืด ทุ่มทุกอย่างออกมาทั้งหมด กว่าจะสังหารเผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกสีเลือดระดับดาราพยากรณ์ตัวนี้ได้

น่าสงสารที่มันยังไม่ทันได้ใช้พลังของตนออกมาสักเท่าใดก็ถูกหลิ่วหมิงสังหารตายเช่นนี้

ศึกนี้แม้กินเวลาไม่นาน ทว่าหลิ่วหมิงเสียพลังเวทไปมากมายยิ่งนัก หากแมลงเปลือกสีเลือดทนผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ หลิ่วคงต้องขบคิดเรื่องหนีเอาชีวิตรอดต่อแล้ว

หลิ่วหมิงโบกมือส่งเคล็ดวิชาหลายสายออกไป มิติคุกมืดสลายเสียงดังกึกก้อง ราชาผีแม่น้ำมืดสิบสองตนกลายเป็นมุกบรรพตธาราอีกครั้งก่อนจะเหาะวนจมหายเข้าไปในร่างกายของเขา

ตอนนี้เองด้านในหัวของแมลงเปลือกสีเลือดฉับพลันมีแสงสีเลือดเส้นหนึ่งพุ่งเร็วจี๋มุ่งไปไกลอย่างว่องไวยิ่งนัก

ทว่าแสงสีเลือดเพิ่งลอยออกไปได้ไม่ไกล แสงเรืองรองสีน้ำเงินสายหนึ่งก็พุ่งพรวดเข้ามาล้อมแสงสีเลือดเอาไว้ ฝีมือของเชอฮ่วนพ่นออกมานั่นเอง

ทันทีที่แสงสีเลือดสัมผัสถูกแสงสีน้ำเงินที่เชอฮ่วนปล่อยออกมา ทันใดนั้นมันก็เผยร่างจริง มันคือแมลงขนาดเล็กลำตัวยาวเรียวที่มีขาเหมือนหนวดแปดเส้นตัวหนึ่ง

แมลงแปดขาดิ้นรนอยู่ในวงล้อมของแสงสีน้ำเงิน แสงสีเลือดรอบร่างถูกกลืนกินอย่างรวดเร็ว มันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

หลิ่วหมิงหัวเราะหยัน เขาเตรียมป้องกันเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว ระดับดาราพยากรณ์แตกต่างจากระดับแก่นแท้ พลังของดวงวิญญาณแข็งแกร่งอย่างที่สุด แม้ละทิ้งกายเนื้อก็ยังมีพลังมหัศจรรย์ไม่น้อย ครั้งก่อนที่แมลงตัวนี้หนีรอดออกมาจากแดนลึกลับประตูสวรรค์ แปดส่วนก็คงเป็นเพราะสาเหตุประการนี้

ท่ามกลางแสงสีน้ำเงิน ร่างกายของแมลงแปดขาหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ใกล้จะวิญญาณดับสลายเต็มทน

หลิ่วหมิงยกมือขวาขึ้นกวัก ส่งไอหมอกสีดำกลุ่มหนึ่งเข้าไปลากแมลงแปดขาออกมาจากแสงสีน้ำเงินแล้วกักไว้กลางฝ่ามือ

“สหาย โปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าเคยเป็นผู้พิทักษ์ท่านหมิงหมู่ พลังระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ รู้วิชาลับของพวกเจ้านับไม่ถ้วน ขอเพียงไว้ชีวิตข้า ข้ายินดีมอบทั้งหมดให้แก่สหาย…” แมลงแปดขาส่งเสียงแหลมเล็กเอ่ยภาษามนุษย์วิงวอน

หลิ่วหมิงสีหน้าเรียบเฉย คล้ายไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น ห้านิ้วมีแสงสีดำเจิดจ้าผุดออกมาล้อมแมลงแปดขาเอาไว้ เสียงฟู่ประหลาดดังขึ้นพักหนึ่ง

วงแหวนแสงที่เหมือนหมอกสลัวกลุ่มหนึ่งลอยจากมือของหลิ่วหมิงแล้วแทรกเข้าไปในตัวแมลงแปดขาอย่างเชื่องช้า เขากำลังใช้วิชาลับค้นวิญญาณนั่นเอง

ร่างกายของแมลงเปลือกสีเลือดตัวนี้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเดิมทีอาจเป็นระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ ในดวงจิตจะต้องมีข้อมูลลับของเผ่าหนอนผีเสื้อจำนวนไม่น้อยเป็นแน่

ทว่าแม้ดวงวิญญาณของแมลงตัวนี้จะไร้ซึ่งกายเนื้อไปแล้ว แต่ก็ต่อต้านวิชาค้นวิญญาณได้อย่างไม่ธรรมดา หลิ่วหมิงแทบจะต้องทุ่มแรงทุกหยาดหยดกว่าจะได้ข้อมูลที่ไม่ปะติดปะต่อกันมา อีกทั้งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์

หลิ่วหมิงลอบตกตะลึง อีกฝ่ายไม่เสียทีที่เคยเป็นระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ แต่ในเมื่อมาจนถึงขั้นนี้แล้ว อย่างไรก็กลับไปมือเปล่าไม่ได้ เขาพลันกัดฟัน อ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งใส่วิญญาณของแมลงแปดขา “ฟู่” เกิดเสียงดังขึ้นครั้งหนึ่ง เปลวเพลิงจิตวิญญาณสีเลือดลุกไหม้ล้อมมันเอาไว้

ดวงวิญญาณของแมลงแปดขากรีดร้องโหยหวนประหนึ่งกำลังทุกข์ทรมานจากการถูกพันหมื่นดาบกรีดเฉือน

หลิ่วหมิงท่องมนตร์ท่อนยาว ไอหมอกบนมือแทรกเข้าไปในหัวของแมลงร่างเพรียวไม่หยุด เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อยผ่าน หัวคิ้วก็ขมวดเป็นระยะ

ผ่านไปเนิ่นนาน เขาจึงลืมตาขึ้น สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาไม่หยุด ก่อนที่ห้านิ้วจะพลันกำเข้าหากัน แมลงแปดขาส่งเสียงกรีดร้องได้ครั้งเดียว ดวงวิญญาณก็ถูกขยี้จนแตกสลายดับสูญไปจากโลกอย่างสมบูรณ์

เขาได้ข้อมูลเล็กน้อยมาจากความทรงจำของแมลงแปดขาตัวนี้ก็จริง แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือในที่สุดเขาก็ล่วงรู้ความเป็นมาที่แท้จริงของเผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านี้แล้ว

เดิมทีเผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านี้อาศัยอยู่ในโลกแห่งหนึ่งของเผ่าพันธุ์แมลง พวกมันเป็นสายเลือดฝั่งหนึ่งของแมลงยักษ์ยุคโบราณ โดยปกติแล้วเมื่อเผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านี้ต้องฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่งจึงจะกลายร่างจากรูปลักษณ์ของแมลงเป็นมนุษย์ กลายเป็นเผ่าหนอนผีเสื้อที่แข็งแกร่งได้

ทว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด จู่ๆ ในหมู่เผ่าหนอนผีเสื้อก็มีราชินีหนอนผีเสื้อตัวหนึ่งถือกำเนิดขึ้น พลังของมันน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก สูงส่งเหนือกว่าผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ทั่วไป แทบจะเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานในโลกแห่งนั้น

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือมันเกิดมาพร้อมความสามารถในการกลืนกินพลังงานทุกชนิดในโลก แทบจะทำให้พลังของตนเองแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร้ที่สิ้นสุดในทุกสภาพแวดล้อม ทายาทรุ่นหลังส่วนหนึ่งได้รับสืบทอดคุณสมบัติในการกลืนกินพลังงานแห่งฟ้าดินของมันมา แน่นอนว่าระดับความสามารถเทียบกับราชินีหนอนผีเสื้อไม่ได้

แต่สถานการณ์ดีอยู่ได้ไม่นาน เมื่อจำนวนของเผ่าหนอนผีเสื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พลังงานแห่งฟ้าดินที่ถูกกลืนกินไปจะเพิ่มขึ้นมาทันได้เช่นไร ด้วยเหตุนี้ไม่นานเผ่าหนอนผีเสื้อจึงขัดแย้งกับเผ่าแมลงเผ่าอื่นในโลกเดิมอย่างรุนแรง เกิดเป็นสงครามยาวนานหลายหมื่นปี

อาศัยความสามารถในการแพร่พันธ์อันยอดเยี่ยมกับคุณสมบัติอันแข็งแกร่งในการกลืนกินพลังงานแห่งฟ้าดิน ราชินีหนอนผีเสื้อจึงนำลูกหลานทายาทนับไม่ถ้วนที่นางให้กำเนิดค่อยๆ สร้างฐานะของตนท่ามกลางสงครามอันโหดร้าย จนสุดท้ายล้มกองทัพผสมของแมลงเผ่าอื่นได้

หลังสงครามสิ้นสุดเผ่าหนอนผีเสื้อเริ่มเข่นฆ่า กัดกินไม่หยุดยั้งภายใต้การนำของราชินีหนอนผีเสื้อ แมลงเผ่าอื่นไม่อาจขัดขวางการรุกรานของเผ่าหนอนผีเสื้อได้ต่อไป เผ่าแมลงจำนวนน้อยที่หลงเหลืออยู่ถูกบีบให้หนีไปยังโลกแห่งอื่น

เผ่าหนอนผีเสื้อได้ชัยชนะและไม่มีภัยคุกคามอีก จำนวนจึงเพิ่มเร็วขึ้นหลายเท่าในทันทีทันใด

จนปัญญาที่พลังงานแห่งฟ้าดินฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ไม่นานเผ่าหนอนผีเสื้อจึงสังหารสิ่งมีชีวิตอื่นบนโลกใบเดิมของพวกมันจนหมดสิ้น แล้วสูบกินพลังงานทุกชนิดในโลกจนหมด ทำให้โลกล่มสลาย

ต่อมาก่อนที่โลกจะพังทลายราชินีหนอนผีเสื้อจึงใช้พลังพาลูกหลานนับล้านของมันเริ่มรุกรานโลกที่อยู่ข้างเคียง

มันอาศัยการแพร่พันธุ์ไม่หยุดหย่อน ทำให้เหตุการณ์บนโลกใบเดิมของเผ่าแมลงเกิดขึ้นซ้ำไม่จบสิ้น

ในที่สุดหลังจากราชินีหนอนผีเสื้อรุกรานโลกหลายใบจนล่มสลาย ยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์หลายสิบคนจากโลกแห่งอื่นจึงร่วมมือกันลอบโจมตีราชินีหนอนผีเสื้อเพื่อความปลอดภัยของโลกตน การต่อสู้อันดุเดือดดำเนินทั้งวันคืนไม่หยุดพักนานหลายเดือน แต่ก็ทำได้เพียงทำให้มันบาดเจ็บหนัก ต้องเข้าสู่สภาวะหลับใหลเนิ่นนานเท่านั้น ส่วนยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์หลายสิบคนนั้นพลังปราณเสียหายสาหัสจึงไม่อาจกำจัดราชินีหนอนผีเสื้อให้สิ้นซากได้

เมื่อไม่มีพลังอันแข็งแกร่งของราชินีหนอนผีเสื้อ เผ่าหนอนผีเสื้อจึงไม่อาจรุกรานโลกอื่นอย่างเหิมเกริมได้ช่วงเวลาหนึ่ง อีกทั้งโลกที่พวกมันอยู่พลังงานก็เหือดแห้งลงแล้ว เผ่าหนอนผีเสื้อจำนวนหนึ่งทนความหิวไม่ไหวจึงเริ่มกัดกินพวกเดียวกันทั้งเป็น

จนกระทั่งหลายสิบปีก่อนหน้านี้ หลังจากเผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกสีเลือดอาศัยวิชาร่างแยกหนีรอดกลับไปยังโลกของตนได้ก็ประจวบเหมาะกับราชินีหนอนผีเสื้อตื่นขึ้นมาชั่วคราวพอดี มันจึงรายงานเรื่องของโลกมนุษย์ทันที

ราชินีหนอนผีเสื้อเดิมทีก็เกลียดชังโลกใบอื่นเข้ากระดูกดำอยู่แล้ว เมื่อโทสะลุกโชน ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งในที่สุดมันจึงมุ่งเป้ามายังแผ่นดินจงเทียนของโลกมนุษย์ แล้วเปิดทางเชื่อมมิติ เริ่มเหตุการณ์รุกรานโลกมนุษย์…

หลิ่วหมิงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาไม่หยุด ไม่รู้ผ่านไปเนิ่นนานเท่าใดจึงถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง สองมือกวักไปด้านหน้า แสงสีดำสายหนึ่งพุ่งออกไปโอบศพของแมลงเปลือกสีเลือดบนพื้นแล้วลากมาตรงหน้าจากนั้นมือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นกำอากาศ

“ปัง” ศพครึ่งหนึ่งระเบิดกระจาย มุกกลมที่ทอแสงสีเลือดวิบวับและแผ่คลื่นพลังเวทอันแข็งแกร่งเม็ดหนึ่งลอยออกมาจากด้านในแล้วพุ่งวูบเดียวมาร่วงลงในมือ มันก็คือแก่นผลึกของหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์ตัวนี้

แก่นผลึกชิ้นนี้ชิ้นเดียวมูลค่าก็น่าตะลึงอย่างยิ่งแล้ว

หลิ่วหมิงสำรวจอยู่ครู่หนึ่งก็พลิกมือเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติ จากนั้นสายตาจึงจับอยู่บนศพที่ไม่ครบร่างของแมลงเปลือกสีเลือด

ในตอนนี้เองเชอฮ่วนพลันคำรามออกมาเบาๆ

หลิ่วหมิงขมวดคิ้วแล้วสะบัดมือโยนศพแหว่งวิ่นไปตรงหน้าเชอฮ่วน

เชอฮ่วนร้องอย่างเปรมปรีดิ์ อดรนทนไม่ไหวอ้าปากพ่นปราณสีน้ำเงินดวงหนึ่งออกมาล้อมศพของแมลงเปลือกสีเลือดเอาไว้

ศพของแมลงเปลือกสีเลือดหดเล็กลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางแสงสีน้ำเงิน ไม่ถึงชั่วครู่ก็ถูกเชอฮ่วนกลืนลงท้อง

เชอฮ่วนลอยวนรอบตัวหลิ่วหมิงอย่างพึงพอใจยิ่งนัก หลังจากร้องคำรามครั้งหนึ่งก็กลายเป็นแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งจมเข้าไปในหัวไหล่ซ้ายของหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงสะท้านเฮือก กระแสความร้อนมหาศาลสายหนึ่งทะลักมาจากภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนบนไหล่ซ้ายแล้วพุ่งเข้ามาในทะเลจิตวิญญาณของเขา

ทะเลจิตวิญญาณที่เดิมทีเกือบจะเหือดแห้งถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวพลังเวทก็ฟื้นกลับมาหมดสิ้น

หลิ่วหมิงมีสีหน้ายินดี

สถานการณ์เช่นนี้ ยามเขาอยู่ในหนานฮวงก็เคยเกิดขึ้นมาก่อน พลังของเผ่าหนอนผีเสื้อจำนวนมากที่ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนกลืนกินลงไปเปลี่ยนกลับมาเป็นพลังเวทผสานเข้ามาในร่างกายของเขา

เรื่องเช่นนี้ ในคัมภีร์ลับภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนที่เขาได้มาไม่เคยเอ่ยถึง หรือภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงประการใดขึ้นมา

หลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไร้ผลลัพธ์จึงส่ายศีรษะ หมอกสีดำผุดขึ้นมาล้อมรอบร่าง จากนั้นกลายเป็นเงาเลือนรางหายวับไม่กี่ครั้งก็หายลับไปไกล