ตอนที่ 2461

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,461 : ต้วนหลิงเทียนร้อนรน!

 

 

 

ฟุ่บ!

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ เขาก็เหินร่างออกไปทันที อีกทั้งคราวนี้ยังหอบหิ้วหานเฉวี่ยไน่กับจางยี่ไปด้วยตัวเอง!

 

เพราะสุดท้ายแล้วหากปล่อยให้หานเฉวี่ยไน่กับจางยี่เหินไปด้วยตัวเอง ความเร็วย่อมช้ากว่าเขานำพาไปแน่นอน

 

ฟุ่บบบ!!

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเหินร่างออกไปโดยหอบหิ้วหานเฉวี่ยไน่กับจางยี่ไปด้วย เฉินอี้หรูก็เหินร่างตามไปติดๆ ไม่ทันไรก็บรรลุถึงข้างกายต้วนหลิงเทียน

 

แน่นอนว่าเป็นต้วนหลิงเทียนจงใจชะลอความเร็วเพื่อเฉินอี้หรู

 

หาไม่แล้วหากเขาใช้ปฐมเวทย์กลืนกินล่ะก็ เฉินอี้หรูจะไม่มีทางตามมาได้ทันเลย แต่แบบนั้นก็จะสิ้นเปลืองพลังของเขามากเกินไป

 

“อันที่จริงแล้วที่เรื่องที่ซานเตาปรากฏตัวแบบนี้ ข้าเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน”

 

ต้วนหลิงเทียนที่สัมผัสได้ถึงสายตาสงสัยของหานเฉวี่ยไน่ที่มองมาไม่วางตาขณะเดินทาง ก็ได้แต่กล่าวตอบออกมา “ในมือซานเตามีป้ายหยกเชื่อมโยงที่ข้ามอบให้เอาไว้อยู่…หากอยู่ในรัศมีของป้ายหยกเชื่อมโยง เมื่อข้าทำลายป้ายหยกที่ตัว ซานเตาจะรู้ได้ทันทีว่าข้าอยู่ที่ไหน”

 

“ไม่งั้นต่อให้ข้าทุบทำลายป้ายหยกเชื่อมโยงไปกี่ชิ้น ซานเตาก็ไม่มีวันรู้ว่าข้าอยู่ที่ไหน…นับประสาอะไรกับยืนยันที่อยู่ที่แน่ชัดของข้า”

 

กล่าวถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็หยุดลงเล็กน้อย

 

“เช่นนั้นหมายความว่า…ที่ซานเตามาทันเวลา ล้วนเป็นเพราะพี่ใหญ่หลิงเทียนทำลายป้ายหยกเชื่อมโยง?”

 

หานเฉวี่ยไน่กล่าวถาม

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ “ข้าได้ทำลายป้ายหยกเชื่อมโยงไปหลายป้ายแล้วก่อนหน้า หากแต่ก็มิอาจติดต่อซานเตาได้…จนเมื่อตอนที่เจ้าบอกให้ข้าเอายอดสมบัติสวรรค์มอบให้มัน ซานเตาพลันติดต่อกลับมาพอดี”

 

“เช่นนั้นข้าเลยให้ซานเตาช่วยเล่นละครให้ข้าเล็กน้อย”

 

กล่าวถึงจุดนี้มุมปากต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเย็นออกมา

 

คราวนี้นับว่าเขาหงุดหงิดแล้วจริงๆ…

 

ทั้งที่พลังต่อสู้ของเขาทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ทั่วไปแล้วแท้ๆ แต่กลับถูกเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ตัวกระจ้อยคนหนึ่งบีบคั้นให้ทำได้แค่หลบซ่อนในวังไม่กล้าออกมา…

 

สถานการณ์แบบนี้จะไม่ทำให้เขาหงุดหงิดได้เหรอ?

 

“หากไม่ใช่นายท่านสั่งให้ข้าทำแค่ดึงความสนใจมันล่ะก็…ข้าคงปลิดหัวมันในดาบเดียวไปแล้ว!”

 

ขณะเหินร่างเดินทางเฉินซานเตาที่ได้ยินบทสนทนา ก็กล่าวแทรกขึ้นมาพลางมองดาบเซียนอมตะในมือด้วยสองตาลุกวาว

 

สิ่งที่มันชำนาญก็คือดาบ

 

ด้วยดาบเซียนอมตะเล่มนี้ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่มีพลังฝีมือพอๆกับมัน มันก็อาศัยเพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้นก็เข่นฆ่าสังหารอีกฝ่ายได้!

 

“นายท่าน…”

 

เฉินอี้หรูมองดาบเซียนอมตะในมือด้วยสายตาเสียดายเล็กน้อย หากแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะยื่นส่งไปให้ต้วนหลิงเทียนอย่างนอบน้อม เพราะอย่างไรนี่ก็คือสมบัติของต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่ของๆมัน

 

“เจ้าเอาไปใช้เถอะ”

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ได้รับดาบเซียนอมตะที่เฉินอี้หรูยื่นให้กลับคืน “ข้ามียอดสมบัติสวรรค์หลายชิ้นแล้ว…แถมที่ข้าจงใจโยนดาบเซียนอมตะเล่มนี้ออกไปเพราะคิดให้เจ้าแต่แรก”

 

“อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นผู้ฝึกดาบ เมื่อได้ดาบเซียนอมตะไปย่อมเพิ่มพูนพลังของเจ้าได้ไม่น้อย”

 

“อาศัยดาบเซียนอมตะเล่มนี้…หากคู่ต่อสู้ของเจ้าเป็นเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ที่ไร้ยอดสมบัติสวรรค์ใดๆ ก็เกรงว่าคงมีน้อยคนที่สู้เจ้าได้”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

 

เขาย่อมรู้ถึงพลังฝีมือของเฉินอี้หรูดี

 

“นายท่าน สิ่งนี้มันล้ำค่าเกินไป”

 

ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน เฉินอี้หรูก็ยินดีปรีดานัก หากแต่มันก็รู้ดีว่าสิ่งนี้มีค่ามากเกินไป มันไม่ควรฉวยโอกาสนำสิ่งนี้มาเป็นของตัวเอง

 

อย่างไรนี่ก็คือยอดสมบัติสวรรค์ ไม่ใช่ศาสตราไก่กาของระนาบโลกียะ!

 

“ข้าให้เจ้าก็เอาไปเถอะ เจ้าหัดเรื่องมากตั้งแต่เมื่อไหร่!”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย

 

“ขอบพระคุณนายท่าน!”

 

เมื่อได้ยินน้ำเสียงขุ่นเคืองของต้วนหลิงเทียน เฉินอี้หรูย่อมไม่กล้าต่อปากต่อคำปฏิเสธอีกต่อไป จึงเร่งประสานมือขอบคุณด้วยความเคารพ

 

ในใจของมันนอกจะหวั่นไหวแล้วยังบังเกิดความซาบซึ้งนัก

 

เพราะอย่างไรต่อหน้านายท่านคนนี้ มันก็มีฐานะเป็นแค่ข้ารับใช้เท่านั้น ทว่าจากการที่อีกฝ่ายยินดีมอบยอดสมบัติสวรรค์ให้แบบนี้ มันก็รู้ถึงน้ำหนักความสำคัญของมันในใจนายท่าน!

 

นายท่านผู้นี้เห็นมันเป็นคนของตัวเองอย่างแท้จริง ไม่ใช่ข้ารับใช้ที่คอยติดตามสนองบัญชา

 

“แบบนี้นี่เอง”

 

มาตอนนี้หานเฉี่ยไน่ก็พอตระหนักเรื่องราวได้บ้างแล้ว

 

จึงเดาได้ไม่ยากว่าสิ่งที่เฉินอี้หรูกระทำก่อนหน้า เป็นการจงใจเล่นละครต่อหน้าเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ผู้นั้นทั้งสิ้น

 

เหตุผลที่ไฉนเฉินอี้หรูแสดงละครแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะพี่ใหญ่หลิงเทียนหมายใช้ให้เฉินอี้หรูเบี่ยงเบนความสนใจของเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์นั่น!!

 

พี่ใหญ่คิดฆ่ามันด้วยตัวเอง!!

 

หานเฉวี่ยไน่เข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยาก จึงรู้ได้ว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนนั้นคับแค้นทั้งมีโมโหขนาดไหน

 

อย่างไรพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางก็สมควรมีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์แล้ว กระทั่งยังมีวิธีช่วงชิงศาสตราในมือของผู้อื่น เช่นนั้นให้ปะทะกับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องหวั่นเกรงแม้แต่น้อย

 

ทว่าคราวนี้กลับถูกบีบคั้นให้อับจนด้วยน้ำมือเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์!

 

นางลองคิดดูว่าถ้าหากนางเป็นต้วนหลิงเทียน นางเองก็คงมีโมโหทั้งหงุดหงิดใจไม่น้อย และอยากจะฆ่าเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นนั่นให้ตาย กระทั่งอยากจะหั่นศพมันให้แหลกเป็นชิ้นๆคามือ!

 

“หากเป็นเช่นนั้นหมายความว่าพวกเรายังพอมีโชคอยู่บ้าง…เพราะหากอาวุโสเฉินไม่ได้อยู่ใกล้ๆแถวนั้นพอดี มีหวังพวกเราได้ติดแหง็กในพระราชวังใต้ดินหลังนั้นอีกนานแน่ๆ”

 

จางยี่ก็กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกโชคดี

 

ถึงแม้ก่อนที่เฉินอี้หรูจะปรากฏกาย เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นคนนั้นกล่าวไว้ว่าขอเพียงได้รับยอดสมบัติสวรรค์สักชิ้นแล้วจะจากไป

 

แต่มันก็ไม่คิดจะเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย!

 

เพราะหากมันเป็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์คนนั้น ไหนเลยจะพลาดโอกาสได้รับยอดสมบัติสวรรค์มากมายขนาดนี้ไป?

 

บางทีตอนแรกมันอาจคิดทำนองเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ผู้นั้น ว่าอยากได้ยอดสมบัติสวรรค์สักชิ้น…

 

ทว่าหลังจากได้รับยอดสมบัติสวรรค์ไปแล้ว ไม่พ้นต้องเสแสร้งทำเป็นจากไป แต่ที่จริงยังซุ่มซ่อนตัวดักรออยู่แน่นอน

 

เพราะเมื่อผู้อื่นคิดว่ามันจากไปแล้ว ขอเพียงทุกคนออกจากพระราชวังใต้ดินไป แล้วมันซุ่มโจมตีได้สำเร็จ ย่อมเข่นฆ่าทุกคนได้ง่ายดาย เช่นนั้นยอดสมับติจำนวนมากจะไปไหนเสีย…

 

“หากท่านเป็นสหายของนายท่านก็อย่าได้เรียกข้าว่าอาวุโสเฉินอี้เลย ข้ามิกล้ารับ…เพียงเรียกข้าว่าซานเตาเหมือนนายท่านเถอะ”

 

ถึงแม้เฉินอี้หรูจะไม่รู้จักจางยี่ แต่มันก็เห็นได้ชัด

 

จางยี่เป็นสหายของนายท่าน

 

ถึงแม้สหายของนายท่านผู้นี้จะเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงฆ่าไก่ แต่มันก็ไม่กล้าละเลย

 

“นี่คือจางยี่”

 

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็กล่าวแนะนำจางยี่ให้เฉินอี้หรูรู้จัก จากนั้นค่อยหันไปกล่าวกับจางยี่ “จางยี่คนผู้นี้ชื่อเดิมเรียกว่าเฉินอี้หรู แม้เขาจะเป็นคนรับใช้ของข้า…แต่ในสายตาข้าไม่เคยยึดถือว่าเป็นคนนอก”

 

“เอาล่ะ”

 

จางยี่หันไปมองกล่าวกับเฉินอี้หรูด้วยรอยยิ้ม “อาวุโสเฉินพวกเราแต่ละคนล้วนมีมุมมองของตัวเอง…ไม่ว่าจะด้วยอายุของท่านหรือพลังฝึกปรือ อย่างไรเสียท่านก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในสายตาข้า เช่นนั้นข้าจะเรียกหาท่านอาวุโสก็ไม่แปลก”

 

“แต่ว่า…”

 

พอเห็นจางยี่ให้เกียรติเช่นนี้เฉินอี้หรูย่อมรู้สึกดีทั้งหวั่นไหวในใจไม่น้อย หากแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปทางต้วนหลิงเทียน ด้วยกลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่พอใจอะไรขึ้นมา

 

“พี่จางไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างและสนสนใจเรื่องหยุมหยิม…อย่างไรก็ตามใจพี่จางเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียเบาเมื่อเห็นเฉินอี้หรูมองถาม

 

“ข้าทราบแล้ว”

 

เฉินอี้หรูตอบกลับด้วยเคารพ อย่างไรก็ตามในใจรู้สึกซาบซึ้งนัก เพราะการที่เจ้านายกระทำเช่นนี้ย่อมถือว่าเป็นการให้เกียรติมันในระดับหนึ่ง และไม่ได้เห็นว่ามันเป็นแค่ข้ารับใช้เท่านั้น

 

“แต่คราวนี้พวกเราเสียเวลาอยู่ที่วังใต้ดินนั่นนานจริง…ไม่รู้ว่าป่านนี้มรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนจะถูกผู้คนพบเจอแล้วหรือยัง…”

 

ขณะที่เหินร่างเดินทางด้วยความเร็วสูง ต้วนหลิงเทียนยิ่งมาก็ยิ่งร้อนรนกังวลใจไม่น้อย

 

นั่นเพราะเขารู้ดีว่าในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้มีมรดกต้าหลัวจินเซียนอยู่ และยังรู้ด้วยว่าเพราะมรดกของต้าหลัวจินเซียนจึงทำให้อาวุโสฟงชิงหยางมีพลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่ากลัวจนสามารถเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!

 

เรื่องนี้ยิ่งทำให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความอยากได้นัก!

 

‘ด้วยพลังฝีมือของข้าตอนนี้ หากได้รับมรดกของ้ตาหลัวจินเซียนมาอีกล่ะก็…พลังของข้าต้องก้าวหน้าขึ้นแน่! ถึงตอนนั้นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าแน่นอน’

 

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง

 

‘หากพลังฝีมือข้าบรรลุถึงจุดนั้น…กลับไประนาบเซียนคราวนี้ จะเผ่ามังกร เผ่าปีศาจ หรือให้พวกมันทั้งหมดรวมถึงเผ่าหงส์ฟ้ามัดรวมกันมาก็ยังได้! ข้าแค่อาศัยหนึ่งกระบี่ในมือเข่นฆ่าพวกมันให้สิ้นก็เท่านั้น!!’

 

ในโลกที่ผู้เข้มแข็งกลืนกินผู้อ่อนแอ ผู้ที่แข็งแกร่งย่อมได้รับความเคารพนับถือให้เป็นใหญ่ เมื่อมีพลังทุกสิ่งก็อยู่ในกำมือ!

 

‘บางทีถึงข้าได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียนไป แต่พลังฝีมือของข้าคงยังไม่อาจนับเป็นอะไรได้สำหรับระนาบเทวโลก…แต่สำหรับระนาบโลกียะ ก็มากพอจะได้รับความเคารพจากทุกคน!’

 

‘อีกทั้งด้วยพลังของข้าตอนนี้ ข้าไม่ได้หวังว่าในมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนจะมีอะไรเลิศล้ำมากมาย…ขอเพียงสามารถยกระดับพลังให้ข้าได้อีกสักเล็กน้อยก็พอ ขั้นเดียว…ขอแค่ขั้นเดียวเท่านั้น! ข้าก็มั่นใจว่าจะเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้ทุกคน!!’

 

คิดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ ในใจต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งบังเกิดความตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น

 

ขณะเดียวกันเขาก็บังเกิดความตั้งหน้าตั้งตารอรับมรดกต้าหลัวจินเซียนที่ปรากฏขึ้นในแดนลับต่างสวรรค์ครานี้อย่างใจจดจ่อ

 

ยังแทบรอไม่ไหวอยากไปให้ถึงมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนแล้วบุกฝ่าเข้าไปให้เร็วที่สุด รับมรดกนั่นมา!

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียนท่านอย่าได้กังวลใจไป…มรดกต้าหลัวจินเซียนคงไม่ถูกพบเจอเร็วขนาดนี้หรอก”

 

หานเฉวี่ยไน่ไหนเลยจะไม่ทราบความร้อนรนในใจต้วนหลิงเทียน ทั้งยังล่วงรู้อีกด้วยว่าต้วนหลิงเทียนอยากได้รับมรดกขนาดไหน ทว่าด้วยพลังของนางก็ไม่อาจช่วยอะไรได้เลย จึงทำได้แค่กล่าวปลอบออกมาเท่านั้น

 

“พี่จาง!”

 

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันหันไปมองถามจางยี่ “ท่านรู้หรือไม่ว่าครั้งสุดท้ายที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออก มรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนจะปรากฏขึ้นเมื่อไหร่…แล้วนานเพียงใดกว่าจะมีคนพบเจอ”

 

ต้วนหลิงเทียนที่มองถามจางยี่นั้น สองตาร้อนแรงดั่งเพลิงไฟน้ำเสียงยังฟังดูร้อนรนใจไม่น้อย

 

“เรื่องนี้ข้าพอรู้มาบ้าง”

 

จางยี่กล่าวว่า “ครั้งสุดทายที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออก ในบันทึกที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นของสำนักเทียนซือข้าลงบันทึกเอาไว้ว่า…มรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนได้ถูกค้นพบเมื่อเวลามันผ่านไปราวๆ 3 ปี…”

 

“และหลังแดนลับต่างสวรรค์รอบที่แล้วเปิดออกผ่านไปได้ 3 ปีกับอีก 3 เดือน…อาวุโสฟงชิงหยางจากระนาบเซียนของเจ้าก็ได้รับมรดกดังกล่าวไปครอง”