หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ข้าเป็นคนง่ายๆอยู่แล้ว หากเจ้าอยากสู้ข้าก็จะยอมเล่นด้วย”
ยอมเล่นด้วย?
ใครบ้างจะกล้าพูดคำนั้นกับจ่างซุนเหลียง?
ต่อให้พลังบ่มเพาะของเม่าไต้ถูกลดกลับไปยังระดับสร้างสรรพสิ่ง เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ่างซุนเหลียง
ทายาทผู้นี้เป็นอัจฉริยะในรอบหมื่นแสนปีอย่างแท้จริง ไม่มีใครรู้ว่าในระดับพลังเดียวกันจ่างซุนเหลียงแข็งแกร่งขนาดไหน เนื่องจากไม่เคยมีใครสามารถทำให้เขาต้องเอาจริงมาก่อน
จ่างซุนเหลียงหัวเราะ ด้วยสถานะที่เหนือกว่าแน่นอนว่าเขาย่อมไม่เก็บคำพูดของหลิงฮันมาคิดมาก เขาพาดมือไว้ด้านหลังและก้าวเดินออกมาอย่างช้า “ข้าจะให้เจ้าโจมตีก่อนสามกระบวนท่า”
“ข้ายอมให้เจ้าก่อนสิบกระบวนท่า” หลิงฮันยิ้ม
ใบหน้าของจ่างซุนเหลียงชะงักแข็งค้างทันที เขาไม่เอ่ยพล่ามอะไรอีกต่อไปและชี้นิ้วไปยังทางหลิงฮัน ‘ครืน’ คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ราวกับจะทำให้สวรรค์ร่วงหล่นถูกปลดปล่อยออกไป
หลิงฮันชี้นิ้วโจมตีตอบโต้จ่างซุนเหลียงเช่นกัน ‘ตูม’ คลื่นพลังของทั้งสองคนพัวพันปะทะกัน
เมื่อการปะทะของพลังสลายไปหลิงฮันก็ยังคงยืนแน่นิ่งไม่ลงมือต่อ เขาตั้งใจจะทำตามคำพูดที่กล่าวไว้เมื่อครู่คือ ยอมให้อีกฝ่ายโจมตีก่อนสิบกระบวนท่า
หลังจากการปะทะ เสียงรอบข้างก็นิ่งเงียบราวกับป่าช้า
หลิงฮันแสดงให้เห็นว่าตนเองแข็งแกร่งพอจะโค่นล้มชายหนุ่มผมแดงและเซี่ยงเหวินคุนได้อย่างง่ายดายแล้วก็จริง แต่ทุกคนก็ยังไม่คิดว่าหลิงฮันแข็งแกร่งพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของจ่างซุนเหลียง
จ่างซุนเหลียงคือราชาไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน!
ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับต้องเปลี่ยนความคิด หลิงฮันสามารถตอบโต้การโจมตีของจ่างซุนเหลียงได้จริงๆ แม้จ่างซุนเหลียงจะโจมตีลวกๆแต่หลิงฮันก็ยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดเช่นกัน
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีราชาไร้เทียมทานปรากฏตัวขึ้นในเมืองจันทราหม่นแสงเป็นคนที่สาม?
จ่างซุนเหลียงยิ้มและสะบัดนิ้ว ‘พรึบ’ ปราณกระบี่ถูกปลดปล่อยออกไป
หลิงฮันดีดนิ้วปลดปล่อยปราณดาบและสามารถตอบโต้กระบวนท่าที่สองของจ่างซุนเหลียงได้อย่างง่ายดาย
กระบวนท่าที่สาม สี่ ห้า… และกระบวนท่าที่สิบ
จ่างซุนเหลียงพาดมือเอาไว้ที่ด้านหลังอีกครั้งและกล่าว “สิบกระบวนท่าผ่านไปแล้ว เริ่มกันได้”
หลิงฮันไม่ยืนนิ่งอีกต่อไปและพุ่งทะยานร่างลงมือโจมตีอย่างรวดเร็ว เขายังไม่ใช้ทักษะแต่เลือกที่จะโจมตีด้วยหมัดเปล่า จ่างซุนเหลียงไม่หลบและตอบโต้โดยไม่เป็นฝ่ายโจมตีก่อน เขาเองก็จะยอมให้หลิงฮันก่อนสิบกระบวนท่าเช่นกัน
ด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำจุนเอาไว้ จ่างซุนเหลียงย่อมไม่ต้องการเอาเปรียบหลิงฮัน
หลังจากผ่านไปอีกสิบกระบวนท่า สีหน้าของทั้งสองฝ่ายก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง แม้พวกเขาจะยังไม่ได้โจมตีด้วยพลังทั้งหมดและยังไม่ได้ปะทะกันอย่างดุเดือด แต่ในฐานะจอมยุทธที่ทรงพลัง มีรึที่พวกเขาจะมองความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ผ่านกระบวนท่าที่ผ่านๆมาไม่ออก?
เป็นศัตรูที่สมน้ำสมเนื้อ!
นี่คือคำเรียกที่ต่างฝ่ายต่างตั้งให้กัน
“ดัชนีตัดวายุ!” จ่างซุนเหลียงชี้นิ้วใส่หลิงฮัน แม้ก่อนหน้าเขาจะโจมตีด้วยนิ้วมือเหมือนกัน แต่คราวนี้เขาได้ผสานทักษะเข้าไปด้วย คลื่นแสงอันเจิดจรัสพุ่งจู่โจมเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันไม่คิดประมาท แม้เขาจะมั่นใจว่ากายหยาบของเขาสามารถต้านทานการโจมตีของอีกฝ่ายได้ แต่เขาก็ไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้ถึงความสามารถของกายหยาบของเขาโดยไม่จำเป็น
อัสนีบาตชำระล้างโลกาถูกโคจรมารวมไว้ที่ฝ่ามือ หลิงฮันใช้หมัดที่อัดแน่นไปด้วยอำนาจสายฟ้าตอบโต้จ่างซุนเหลียง
ตูม!
คลื่นแสงและอำนาจสายฟ้าปะทะเข้าหากันพร้อมกับสลายหายไปทั้งคู่ ทั้งหลิงฮันและจ่างซุนเหลียงไม่มีฝ่ายใดได้รับบาดเจ็บ
นอกจากจักรพรรดินีแล้ว นี่คือคู่ต่อสู้สุดแข็งแกร่งในระดับพลังเดียวกันที่หลิงฮันเคยพบเจอ จิตวิญญาณสู้รบของหลิงฮันลุกโชนและเป็นฝ่ายบุกโจมตี เขาใช้นิ้วแทนดาบปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำราม
การโจมตีที่รวดเร็วของทักษะดาบฟ้าคำรามทำให้จ่างซุนเหลียงตกตะลึง เพียงแต่เขาก็สมกับที่ถูกเรียกว่าราชารุ่นเยาว์ เขาสามารถปล่อยหมัดตอบโต้ได้ทันท่วงทีและป้องกันไม่ให้หลิงฮันเข้าประชิดตัว
ผ่านไปไม่กี่กระบวนท่าเขาก็ปรับตัวทันและเป็นฝ่ายหันกลับมาบุกโจมตีแทน
“ถึงทีของข้า!” จ่างซุนเหลียงคำราม ลมหายใจของเขาถูกแปรเปลี่ยนเป็นมีดวายุนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
อำนาจของมีดวายุน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก ที่พื้นผิวของพวกมันมีแสงแห่งเต๋าส่องประกายเจิดจ้าและอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายที่ไม่อาจจินตนาการ
ในขณะที่ใบมีดวายุกำลังจะเข้าถึงตัว หลิงฮันได้ใช้มิติเอกเทศหลบซ่อนตัว ร่างของเขาหายไปในพริบตาและกลับมาปรากฏอีกครั้ง ด้วยความเข้าใจในทักษะมิติเอกเทศของหลิงฮันในตอนนี้ มิติที่เขาสร้างขึ้นจึงมั่นคงเป็นอย่างมาก
เขาพุ่งทะยานไปปรากฏตัวด้านหน้าจ่างซุนเหลียงอีกครั้งและปล่อยหมัดจู่โจม
“โล่เหล็กกล้า!” จ่างซุนเหลียงเค้นเสียงพร้อมกับไขว้แขนที่ด้านหน้าเพื่อป้องกันหมัดของหลิงฮัน
หลิงฮันประหลาดใจที่หมัดของเขาไม่สามารถทำลายการป้องกันของจ่างซุนเหลียงได้ ดูเหมือนพลังป้องกันของอีกฝ่ายจะทรงพลังกว่าจอมยุทธทั่วไปเล็กน้อย
จ่างซุนเหลียงใช้โอกาสนี้ตอบโต้กลับ ดวงตาของเขาส่องประกายแสงสีทองปลดปล่อยคลื่นพลังใส่หลิงฮันตรงๆ
หลิงฮันโคจรแสงอัสนีหลบหนีการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว
ทุกคนที่มองดูอยู่สังเกตเห็นว่าลมหายใจของทั้งสองคนยังคงมั่นคง ในไม่เวลาเพียงชั่วครู่ที่ผ่านมาหลิงฮันและจ่างซุนเหลียงผลัดเปลี่ยนกันโจมตีป้องกันอย่างดุเดือด
แข็งแกร่ง… ทั้งสองคนแข็งแกร่งเกินไป
จ่างซุนเหลียงคืออัจฉริยะที่จะถูกส่งตัวไปยังตระกูลฟู่ การจะค้นหาคู่ต่อสู้ที่สามารถต่อสู้กับเขาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อในระดับเดียวกันนั้นเป็นเรื่องยากลำบากมาก เพราะงั้นเขาจะทรงพลังขนาดนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่น่าตกตะลึงคือเหตุใดหลิงฮันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนั้นด้วยเหมือนกัน?
ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!
“น่าสนุก!” จิตวิญญาณต่อสู้ของจ่างซุนเหลียงลุกโชนเช่นกัน เขาควบแน่นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์นับไม่นวนมารวบรวมไว้ที่ปลายนิ้วและโจมตี อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ผสานพัวพันกันนั้นมีมากมายจนไม่รู้ว่าเขาฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ประเภทใดมาบ้าง
หลิงฮันเองก็ไม่น้อยหน้า เขาฝึกฝนทักษะระดับนิรันดร์หลายทักษะจนเชี่ยวชาญ หลิงฮันโคจรพลังปลดปล่อยทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทาน แขนอีกสี่ข้างปรากฏออกมาจากแผ่นหลัง มือทั้งหกของเขาทำการโจมด้วยทักษะนิรันดร์มากมายพร้อมกันจึงทำให้พลังต่อสู้ยกระดับขึ้นมาอีกหลายสิบเท่า
จ่างซุนเหลียงไม่กล้าปะทะด้วยมือเปล่าอีกต่อไป เขาทะยานร่างขึ้นท้องฟ้าพร้อมกับระเบิดพลังจนผมสยายออก ที่บริเวณกลางคิ้วของเขาปรากฏมนุษย์ตัวเล็กขนาดเท่ากำปั้นเดินออกมา ในมือของมนุษย์ตัวเล็กมีดาบถูกถือเอาไว้และสะบั้นเข้าใส่หลิงฮันอย่างรวดเร็ว
แม้ดาบของมนุษย์ตัวเล็กจะเล็กตามขนาดตัว แต่มันก็ทำให้หลิงฮันเกิดความรู้สึกถึงภัยคุกคาม
“นั่นมันดาบสยบมารอสูร!” ใครบางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงตกตะลึงและสีหน้าซีดเผือด